ภาษาการเมืองวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า ติดหล่มจมปลัก รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็น รัฐธรรมนูญแก้ไขยากที่สุดในโลก ต้องใช้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส.เกือบทั้งสภาและ ส.ว.สรรหาต้องเห็นด้วยจำนวน 1 ใน 3 และต้องผ่านขั้นตอนอีกมากมาย ไม่ใช่ประชาชน 5 หมื่นคนลงชื่อแล้วจะแก้รัฐธรรมนูญได้เลยพูดภาษาชาวบ้านคือ ฉีกทิ้งยังง่ายกว่าแก้ไข ดังนั้น สัญญาประชาคมของพรรคการเมือง ที่ยืนยันว่าจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นความฝันที่ไกลเกินเอื้อมเต็มทีเอาแค่เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ก็หืดขึ้นคอแล้ว พิสูจน์จาก การโหวตนายกฯในสภา ที่ผ่านมา ไม่แตกแถว แน่นอนต้องทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญและรัฐบาลไปจนกว่าจะครบ 5 ปีดังนั้น ในรอบ 5 ปีนี้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ยุบสภา ลาออก เลือกตั้งกันใหม่อีกกี่รอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังมีเสียงสนับสนุนในสภาเป็นทุนอยู่ 250 เสียงเลือกท่าไหนก็ชนะต่อมา ถ้ายังตั้งรัฐบาลไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังเป็นนายกฯต่อไปเรื่อยๆ ครม. ก็ยังใช้ชุดเดิมไปเรื่อยๆ คสช. ก็ยังทำหน้าที่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีรัฐบาลและ มาตรา 44 ก็ยังมีอำนาจอยู่เรื่อยๆออกหัวออกก้อยก็ชนะและต่อมา รัฐบาล ที่มีเสียงสนับสนุน 253 เสียง ฝ่ายค้าน 245 เสียง หายไปบ้าง 2-3 เสียง ไม่ใช่สาระสำคัญ มีปัจจัยอีกมาก อาทิ กกต. เตรียมส่งใบแดงให้ศาลพิจารณากรณีการเลือกตั้งผิดกฎหมายอีกประมาณ 25 เขต มีเรื่องของ ส.ส.ที่ถูกร้องขาดคุณสมบัติ อีก เกือบจะครบ 1 ร้อยคนอยู่แล้วหรือถึงอาจจะยุบพรรคการเมืองดังนั้น ประเทศไทย จะอยู่บนความเสี่ยงชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด รัฐบาลก็บริหารอยู่บนความเสี่ยง สภาก็ทำหน้าที่บนความเสี่ยงเป็นความเสี่ยงที่เกือบจะถาวรเพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ปัญหาภายในรัฐบาลเอง ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน การทำงานถึงทางตัน ก็เพราะเรื่องของผลประโยชน์ขัดกัน ไม่มีรัฐบาลชุดไหนต้องพ้นจากการบริหารเพราะ ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจจะยกเว้นรัฐบาลชุดนี้ เพราะ มีงูเห่า ที่พร้อมจะสละเรือตัวเองเพื่อผลประโยชน์การต่อรองผลประโยชน์จะสูงกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเพราะมีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 19 พรรคท้ายที่สุดถ้าการต่อสู้กันในสภาไม่ได้รับการยอมรับ ถ้าระบบยุติธรรมของประเทศถูกมองว่าลำเอียง ถ้าองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งการเมืองนอกสภาจะรุนแรงมากกว่าทุกยุคทุกสมัย.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th