ป.ป.ส.-กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมแถลงผลตรวจกัญชาของกลางที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ดินแดง นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงผลการตรวจพิสูจน์หาสารปนเปื้อนในกัญชาของกลาง ที่ตรวจยึดจากขบวนการค้ายาเสพติดกว่า 22 ตัน ก่อนนำไปสกัดน้ำมันกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และการศึกษาวิจัยนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า หลังการประชุมการใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อศึกษาวิจัยและการแพทย์ ป.ป.ส. ได้ประสานหน่วยจับกุมให้ชะลอการเผาทำลายกัญชาของกลาง เพื่อขออนุญาตคุ้มครองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนจากกัญชาของกลาง ที่มีปริมาณเกิน 100 กก. รวม 43 คดี น้ำหนัก 22 ตัน ห้วงเวลาจับกุมตั้งแต่ ต.ค.61-มี.ค.ที่ผ่านมาและได้ส่งให้กรมการแพทย์ตรวจแล้ว 18 ตัน จาก 22 ตัน ผลตรวจหาสารเคมีพบว่ามีเพียง 2 ตันที่สามารถนำไปใช้วิจัยและพัฒนาได้ และมีเพียง 7 กก.เท่านั้นที่นำไปใช้สกัดทางการแพทย์ได้ โดยช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ เตรียมพิจารณาแจกจ่ายกัญชาทั้ง 2 ตัน ให้โรงพยาบาล 3 แห่ง และมหาวิทยาลัยอีก 7 แห่ง นำไปใช้ประโยชน์ในการวิจัยและพัฒนา ห้ามไม่ให้บริษัทต่างชาติยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด ส่วนกัญชาที่มีค่าเกินมาตรฐานอีก 16 ตัน จะทำลายตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เลขาฯ ป.ป.ส.กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากัญชายังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ขอเตือนประชาชนให้ระวังการใช้สารสกัดกัญชาจากตลาดมืดที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์ หากมีข้อสงสัยในการใช้ประโยชน์จากกัญชา ติดต่อขอรับข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐเองเพื่อให้ได้รับกัญชาที่มีคุณภาพและไม่ผิดกฎหมาย ขณะที่แนวโน้มการนำของกลางมาตรวจเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เนื่องจากมีการนำตัวอย่างมาตรวจ 22 ตัน สามารถนำมาใช้ทางการแพทย์เพียง 7 กิโลกรัม จะคุ้มค่ากับงบประมาณที่เสียไปหรือไม่นั้น ในส่วนนี้จะต้องดำเนินการต่อด้าน นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า มาตรฐานในการตรวจตัวอย่างกัญชาทั้ง 38 ตัวอย่าง ที่ ป.ป.ส. ส่งมาตรวจ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ใช้การตรวจ 2 แบบ แบบแรกตรวจตามมาตรฐานทั่วไปตามประกาศคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นมาตรฐาน iso 17025 ที่มีการยอมรับในระดับสากล ในการตรวจหาสารปนเปื้อน หาสารกำจัดศัตรูพืชในผักผลไม้ 62 ชนิด แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ จำพวกยาฆ่าแมลง และสารโลหะหนัก เช่น แคดเมียม ที่มีผลกระทบต่อกระดูก สารหนู มีผลต่อทางเดินอาหาร ปรอทและตะกั่ว มีสารก่อมะเร็ง พบว่าทั้ง 38 ตัวอย่าง ไม่มีตัวอย่างใดผ่านการตรวจตามมาตรฐานทั่วไปตามประกาศคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากนั้นได้นำตัวอย่างทั้งหมดมาตรวจในแบบที่ 2 ด้วยมาตรฐานตำรายาสมุนไพรไทย พบว่ามี 1 ตัวอย่าง ที่มีค่าแคดเมียมไม่เกินมาตรฐาน โดยมีเพียง 2 ตัน จากที่ส่งมาตรวจ 18 ตัน นพ.พิเชฐกล่าวต่อว่า ส่วนกัญชา 7 กก. ที่คาดว่าจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้นั้น ถึงจะตรวจแล้วว่าน่าจะใช้ได้ แต่ก่อนจะนำไปใช้ต้องนำไปสกัดในรูปแบบต่างๆอีกครั้ง แบ่งเป็น 3 ระดับ ระดับพื้นฐานการสกัดหยาบ ระดับกลางสกัดกึ่งบริสุทธิ์ และระดับสูงสกัดบริสุทธิ์ ในทางยาส่วนมากจะสกัดกึ่งบริสุทธิ์ เนื่องจากต้องมีส่วนผสมอื่นๆประกอบวันเดียวกัน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เผยว่า ขณะนี้ อย.ได้เปิดศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา เป็นลักษณะของการรายงานผลจากการใช้ แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มประชาชนทั่วไป สามารถเข้ามารายงานผลได้ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ อย. โดยไม่ต้องใช้ยูสเซอร์เนม พาสเวิร์ด ไม่ได้สอบถามชื่อ-นามสกุลจริง หรือต้องแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการตรวจสอบหรือเอาผิดอะไร แค่รายงานว่าได้ผลิตภัณฑ์กัญชาจากที่ไหน ใช้แล้วผลเป็นอย่างไร มีผลข้างเคียงหรือไม่ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ 2, 3, 4 จะต้องใช้ยูสเซอร์เนม และพาสเวิร์ด เพื่อเข้าไปรายงานผล2.เครือข่ายที่ช่วยดูแลผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาของประชาชน เช่น จะประสานงานไปยังสภาเภสัชกรรมเพื่อขอความร่วมมือในการรับรายงานการใช้และผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาด้วย นอกจากนี้ ยังรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้รับอนุญาต หรือเครือข่าย เป็นผู้ได้รับอนุญาตใช้อยู่แล้ว เช่น มีคนไข้ไปสถานพยาบาลแล้ว อาการเป็นอย่างไร รักษาอย่างไร ผลเป็นอย่างไร 3.กลุ่มผู้วิจัย ซึ่งตามปกติก็ต้องมีการรายงานตรงไปตรงมา เป็นจริยธรรมของการทำวิจัย ถ้ามีปัญหาก็ต้องรายงานเพื่อให้เกิดการแก้ไข และ 4.เป็นการใช้โปรแกรมพิเศษที่เฝ้าระวังใกล้ชิดใน 2 กลุ่มคือ กลุ่มสารสกัดกัญชาน่าจะได้ประโยชน์ในการควบคุมอาการ ซึ่งควรมีข้อมูลวิชาการสนับสนุน หรือวิจัยเพิ่มเติม ในประเด็นความปลอดภัยและประสิทธิผลเพื่อสนับสนุนการนำมาใช้ และกลุ่มที่สารสกัดกัญชาอาจมีประโยชน์ในการรักษา แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเพียงพอในด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล ซึ่งต้องศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองก่อนนำมาศึกษาวิจัยในมนุษย์ โดยตนได้นำเสนอในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเช้าวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบแล้ว เพราะเห็นว่าระบบการรายงานนี้มีประโยชน์ต่อการนำรายละเอียดที่ได้มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดูแนวโน้มความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์จากกัญชาภายในประเทศ