ย่างเข้าฤดูฝน เกษตรกรเตรียมลงนาหว่านข้าวตามหัวไร่ปลายนา หากปล่อยว่างทิ้งไว้เฉยๆ ไม่สร้างรายได้ ควรจะปลูกต้นไม้ไว้ใช้สอย...หากจะปลูกต้นไม้ให้รอดเจริญเติบโตได้ดี ควรเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมอย่าง ต้นเฉียงพร้านางแอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Carallia brachiata อยู่ในวงศ์โกงกาง มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า วงคต (ลำปาง), บงคด (แพร่), ส้มป้อง (เชียงใหม่), เขียงพร้า (ประจวบคีรีขันธ์), กวางล่าม้า (ตราด), ม่วงมัง (ปราจีนบุรี), โองนั่ง (อุตรดิตถ์), บงมัง (ปราจีนบุรี), เขียงพร้านางแอ (ชุมพร), ตะแบง (สุรินทร์), ร่มคมขวาน (กรุงเทพฯ)เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนแล้ง ทนน้ำท่วม สามารถขึ้นได้ทั่วประเทศไทยตั้งแต่ระดับน้ำทะเลไปจนถึง 1,300 เมตร กระจายพันธุ์ได้ทั้งในป่าเบญจพรรณ ป่าพรุน้ำจืด ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้นจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ สูง 25-30 เมตร ลำต้นเปลา ตั้งตรงเป็นทรงเรือนยอดทรงพุ่มรูปกรวยกว้างทึบ เปลือกต้นสีน้ำตาลอมแดง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามสลับกับตั้งฉาก ลักษณะเป็นรูปรี หรือรูปใบหอกกลับ กว้าง 4-7 ซม.และยาว 7-10 ซม. หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมันหนา ท้องใบสีอ่อนกว่าดอกเฉียงพร้านางแอมีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแยกแขนงแบบกระจุกสั้นๆ ลักษณะเป็นรูปกลม ขอบกลีบหยักเว้าพับจีบ มีเกสรตัวผู้เป็น 2 เท่าของกลีบดอก และยาวไม่เท่ากัน ส่วนจานฐานดอกเป็นวง มีรังไข่เป็นพู 3-4 พู โดยจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์สรรพคุณทางยา ลำต้นใช้ต้มน้ำดื่มช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับสตรีหลังคลอด เปลือกนำมาต้มกับน้ำอาบ ช่วยรักษาไข้ตัวร้อนประโยชน์แก่ผู้ปลูก จัดเป็นไม้โตเร็ว เนื้อไม้คงทนแข็งแรงมีลายสวยงาม ทำเฟอร์นิเจอร์ได้ราคาสูง และใครรักเสียงนก เสียงสัตว์ตามธรรมชาติ ปลูกไว้รอบๆบ้าน ผลสุกช่วยดึงดูดสัตว์เหล่านี้เข้ามาอยู่อาศัยได้.