ผมไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนปัจจุบัน ว่าที่นายกฯคนต่อไป รัฐมนตรีเกษตรฯ รัฐมนตรีพาณิชย์ ได้อ่านข่าวนี้หรือยัง อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร เมื่อ รัฐบาลสิงคโปร์ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ “นิคมนวัตกรรมเกษตรและอาหาร” เมื่อเดือนที่แล้ว โดยใช้พื้นที่ 112 ไร่ เพื่อทำการเกษตรแบบไฮเทค การวิจัยและพัฒนาการเกษตรไปจนถึงการทำฟาร์มเพาะแมลงเพื่อทดแทนการนำเข้าอาหาร ซึ่งทุกวันนี้ สิงคโปร์ต้องนำเข้าอาหารถึง 90% จาก มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย แต่ไม่ยักซื้อจากไทยสิงคโปร์ เป็นเกาะเล็กๆที่ไม่มีทรัพยากรอะไร มีพื้นที่ 718 ตร.กม. ใหญ่กว่าภูเก็ตนิดหน่อย ประชากร 5.5 ล้านคน แต่รัฐบาลสิงคโปร์ก็อุตส่าห์ดิ้นรนทำนิคมการเกษตรโก๊ะ โปห์ คุน รัฐมนตรีอาวุโสการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ กล่าวว่า เรากำลังทำงานร่วมกับผู้เล่นในท้องถิ่นและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเฟสแรกของนิคมแห่งนี้ โดยพร้อมจะดำเนินการได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2564 ขณะเดียวกัน Seed Capital บริษัทลงทุนใน startup ของรัฐบาลสิงคโปร์ ได้ร่วมกับพันธมิตร อัดฉีดเงินกว่า 90 ล้านดอลลาร์ ให้กับสตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีการเกษตรและอาหารที่มีฐานในสิงคโปร์ทุกวันนี้ สิงคโปร์ผลิตอาหารได้เอง 10% นำเข้าถึง 90% ปีที่แล้วสิงคโปร์นำเข้าอาหารจาก มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย กว่า 11,300 ล้านดอลลาร์ แต่ระยะหลัง สิงคโปร์มีปัญหาทางการเมืองกับมาเลเซีย ปลายปีที่แล้ว รัฐมนตรีการค้ามาเลเซียขู่ว่าจะหยุดส่งออกไข่ไก่ให้สิงคโปร์ ซึ่งนำเข้าจากมาเลเซียสูงถึง 73% ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์เริ่มตระหนักถึง ความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอ่านข่าวนี้แล้ว ผมไม่อยากเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน ไม่รู้ว่า กระทรวงพาณิชย์ไทย คิดจะฉวยโอกาสนี้เสนอตัวเป็น “แหล่งอาหารที่ยั่งยืนสำหรับสิงคโปร์” หรือไม่ ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ พืชผักต่างๆ เรามีเยอะ แถมมีราคาถูก การขนส่งก็ง่าย เพราะใกล้นิดเดียววันนี้ไม่เพียง รัฐบาลสิงคโปร์ ที่คิดเรื่อง “นิคมเกษตรไฮเทค” บริษัทเอกชน สิงคโปร์ก็ได้เริ่ม ทำการเกษตรแนวดิ่ง หรือ Vertical Farming จนได้ผลผลิตออกมาขายแล้ว เช่น สตรอว์เบอร์รี ผักบางชนิด โดยขายในเว็บไซต์ “เรดมาร์ท” ที่เป็นซุปเปอร์มาร์เกตออนไลน์ การเกษตรแนวดิ่ง ไม่ต้องใช้ที่ดิน ไม่ต้องใช้ดิน ปลูกในอาคาร แต่ต้นทุนอาคารในสิงคโปร์มีราคาแพง ผักผลไม้ที่ผลิตแบบการเกษตรแนวดิ่งในสิงคโปร์ จึงต้องขายในราคาแพง เมื่อเทียบกับนำเข้าเรื่อง การเกษตรแนวดิ่ง Vertical Farming ผมได้ยินครั้งแรกจาก คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่เมืองไทยมีที่ดินเยอะ การทำเกษตรบนดินจึงมีราคาถูกกว่าแนวดิ่ง แต่ช่วงหลังข่าวการเกษตรแนวดิ่งมีออกมาเรื่อยๆ เช่น ตะวันออกกลางที่เป็นทะเลทราย ก็ปลูกผักเลี้ยงปลาในตึก การเกษตรแนวดิ่ง ถือเป็นการเกษตรแห่งอนาคต Farm of the Future เพราะไม่ต้องใช้ดิน และลดการใช้น้ำถึง 95%มีการคาดกันว่า โลกในอีก 30 ปีข้างหน้า ปี 2050 ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นอีกราว 3,000 ล้านคน เป็น 10,000 ล้านคน และ ประชากรในเขตเมืองจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จึงมีการเร่งพัฒนานวัตกรรมการเกษตรแนวดิ่งมากมาย เช่น Hydroponics ปลูกผักผลไม้โดยไม่ใช้ดิน Aeroponics ปลูกผักผลไม้โดยไม่ใช้ดินและใช้น้ำน้อย Aquaponics นิเวศผสมปลูกผักผลไม้เลี้ยงปลาพร้อมกันในสหรัฐฯ สตาร์ตอัพการเกษตรแนวดิ่ง ได้รับเงินสนับสนุนรวดเร็วมาก คาดกันว่าปี 2018-2024 การเกษตรแนวดิ่งในสหรัฐฯจะเติบโตถึง 24% ทำรายได้ปีละกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ 96,000 ล้านบาท จากมูลค่าผักผลไม้สดในสหรัฐฯปีละกว่า 104,000 ล้านดอลลาร์ 3.32 ล้านล้านบาทมองไปที่ไหนในโลก โอกาสสินค้าเกษตรก็มีมากมาย แต่สินค้าเกษตรไทยกลับขายไม่ออก หนำซ้ำยังขายได้ราคาต่ำ เกษตรกรชาวไร่ชาวนาก็ยากจนซ้ำซาก ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองใช้หาเสียงมาทุกยุคทุกสมัยไม่รู้กี่สิบปีแล้ว เศร้าใจจริงๆนะครับ.“ลม เปลี่ยนทิศ”