ชาว “นครนายก” ภูมิใจกันแต่ไหนแต่ไร ที่บรรพชนซึ่งเคยมีตัวตนจริงน่ายกย่องว่า คือผู้พิทักษ์แผ่นดินนครนายก รวมถึงเมืองชายแดนปราจีนบุรียุคนั้น ให้พ้นเงื้อมมือศัตรูผู้รุกราน โดยมีนักรบผู้หาญกล้าชื่อ “หาญ” จับหอกดาบสู้ศึกอย่างฮึกเหิมจนกลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์บทหนึ่งของท้องถิ่น “เมืองนครนายก” ที่กล่าวถึงนายหาญ บุตร ขุนพิจิตรไพรสณฑ์ นายด่านหัวหน้าหมู่บ้านทางตะวันออก แขวงเมืองนครนายก ครั้นพอขุนพิจิตรฯถึงแก่กรรม นายหาญผู้เป็นลูกก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น...“ขุนพิทักษ์ไพรวัน” แทนในเวลาต่อมา ด้วยความปรีชาชาญในการสู้ศึก บวกความกล้าหาญในการต่อสู้กับชาติผู้รุกราน “ขุนด่านหาญ” จึงได้รับการยกย่องจากชาวเมืองนครนายกอย่างไม่สิ้นศรัทธา จนเมื่อขุนด่านหาญเสียชีวิตในเวลาต่อมา ชาวบ้านร้านถิ่นแผ่นดินนั้นก็ได้พร้อมใจกันนำกระดูกและเถ้าธุลีวีรบุรุษผู้หาญกล้าของพวกเขาไปบรรจุและก่อตั้งเป็นศาลไม้ขนาดเล็กไว้ยัง เขาชะโงก ต.พรหมณี อ.เมืองนครนายกส่วนภายในศาลได้มีการนำเอาหินภูเขาแถบนั้นมาแกะสลักเป็นรูปแทนร่างขุนด่านหาญ ด้วยท่ายืนถือดาบคู่ดูงามสง่า สมเป็นนักรบผู้ฉกาจฉกรรจ์แห่งสมรภูมิเขาชะโงก โดยได้มีพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณขุนด่านหาญเข้าไปประทับไว้ยังศาลแห่งนี้ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา...มีเรื่องเล่าจากปากคนเฒ่าคนแก่ที่ผ่านมาแต่ละยุคสมัย ซึ่งเล่ากันต่อๆมาว่า...เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นผู้กระหายสงครามในช่วงเวลานั้นได้ส่งกำลังส่วนหนึ่งเข้ามายุ่มย่ามอยู่บริเวณพื้นที่ จ.สระบุรี–นครนายก และบังอาจขนาดลงมือรื้อศาลขุนด่านหาญตรงเขาชะโงกที่ชาวเมืองนครนายกร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วยพลังศรัทธาด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อดีตนักรบระดับขุนด่าน ได้แสดงตอบโต้ทหารญี่ปุ่นผู้ปฏิบัติการเสมือนลบหลู่ดูแคลน เป็นผลให้เหล่านักรบเลือดบูชิโดพากันล้มตายโดยปราศจากสาเหตุอื่น...นอกจากถูกพลังขุนด่านหาญพิทักษ์ไพรวันเล่นงานเข้าให้? หลังจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ย้ายที่ตั้งเดิมจาก ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ ไปตั้งที่บริเวณเขาชะโงก จ.นครนายก ก็ได้มีการสร้างศาลหลังใหม่แทนศาลหลังเก่าเพื่อถวายให้ขุนด่านหาญเป็นลักษณะศาลาคอนกรีตมั่นคงแข็งแรง อยู่ทางด้านหลังศาลหลังเก่าที่ทรุดโทรมไปตามอายุขัยเนื่องจากขุนด่านหาญพิทักษ์ไพรวัน นับเป็นปูชนียบุคคลสำคัญที่คนนครนายกและปราจีนบุรีต่างเลื่อมใสศรัทธากันมากมาย รวมถึงผู้คนจากต่างถิ่นทั้งแดนใกล้ไกล นิยมมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและคุ้มครองชีวิต จึงทำให้มีการสร้างศาลบูชาวีรบุรุษผู้นี้ในสถานที่ต่างๆในท้องถิ่นนครนายกได้แก่ วัดดงกับวัดโพธิ์งาม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา และบริเวณฝั่งขวาหัวงานเขื่อนขุนด่านปราการชล ต.หินตั้ง อ.เมืองนครนายก และเป็นเขื่อนในพระราชดำริ ร.9 ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2536“เคยฝันเห็นเจ้าพ่อ” ละเมียด ไทยประเสริฐ หญิงวัย 56 ปี จาก จ.ขอนแก่น และมาทำงานก่อสร้างเขื่อนจนแล้วเสร็จ ก็อาสาเป็นผู้ดูแลศาลดังกล่าวนานร่วม 30 ปี บอก “เจ้าพ่อบอกให้รู้ว่า ใครอยากได้อะไรก็ให้มาหากู บ้านกูหลังสีขาวอยู่บ้านขุนด่านนี่แหละ”... ทุกวันจะมีผู้คนจากทั่วสารทิศทั้งที่มาเที่ยวเขื่อนและตั้งใจมากราบไหว้ขอพรเจ้าพ่อเพื่อความเป็นสิริมงคลและสิ่งปรารถนามากมาย แล้วก็มักได้ในทุกสิ่งทุกอย่างตามต้องการ ส่วนการบวงสรวงหรือบูชา สิ่งแรกที่ควรรู้คือเจ้าพ่อเป็นคนชอบเคี้ยวหมากและสูบมวนยา ซึ่งเป็นภารกิจที่ละเมียดจะต้องนำถวายทุกวันมิได้ขาดสำหรับเครื่องบวงสรวงเพื่อบนบานเจ้าพ่อที่ทำกันมาจะประกอบด้วยหัวหมู หัวไก่ต้ม และตามธรรมเนียมก็ต้องมีน้ำจัณฑ์หรือน้ำเมา เครื่องบายศรี แต่ถ้าเป็นพิธีบวงสรวงใหญ่ประจำปี ซึ่งจะทำกันวันใดวันหนึ่งตามฤกษ์ดีในช่วงเดือนมกราคม วันนั้นจะต้องมีเครื่องบายศรีที่ครบ 5 อย่าง คือ บายศรีตอ, บายศรีหลัก, บายศรีเทพ, บายศรีพรหม และบายศรีปากชาม“คนมาไหว้ส่วนใหญ่เข้าใจผิดตรงนำเอาตุ๊กตุ่นตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆ เช่น ช้าง ไก่ชน มาถวาย แต่จริงๆแล้วเจ้าพ่อนิยมม้าเพราะเป็นสัตว์ที่ใช้ในการออกศึกยุคปราบพวกรุกรานคุกคาม”บทคาถาบูชาเจ้าพ่อขุนด่านหาญให้ตั้งนะโม 3 จบ ก่อนกล่าว “เสฏฐัคคุโณ มะหาวีโรอะริตานะ กะริสสะโร อัมเหอิ ปูชิโตโสปี อะนุรักขะตุ โนสะทา อาโรคะยัญจะ สุขังอัตถุ สัพพะสิท ธีจะนิพภะยังฯ”...การบวงสรวงและท่องคาถาทั้งหมดนี้ให้จำไว้ว่าจะใช้ขออะไรเจ้าพ่อขุนด่านหาญก็ยินดีที่จะให้ มีอย่างเดียวที่เจ้าพ่อนักรบรายนี้สงวนไม่สนองให้กับหนุ่มวัยฉกรรจ์ครบเกณฑ์ทหารไปบนบานขอยกเว้นเป็นทหาร ซึ่งท่านไม่ชอบ...เพราะนักรบตำแหน่งขุนด่านคนนี้ ชอบการเป็นทหารเลือดนักสู้ คนขาดจิตวิญญาณการเป็นทหารจึงอย่าย่างเข้าคูหาศาลแห่งนี้เด็ดขาด!“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก-ยม