กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดยุทธการ “ปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวบุกรุกป่าสงวน” ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ หลังพบเครือข่ายนายทุนผู้ประกอบการเชียงใหม่ ฝ่าฝืนกฎหมาย ยึดนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ปราบปรามกลุ่มนายทุนบุกรุกป่าแหล่งท่องเที่ยวสำคัญพล.ต.อ.จักรทิพย์ มอบ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. นำกำลังตำรวจท่องเที่ยวมาสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ปราบปรามการประกอบกิจการธุรกิจนำเที่ยวที่เข้าข่าย รุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ส่งผลภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ให้เข้ามาดำเนินคดีทุกราย ครั้งที่ 1 และ 2 ได้มียุทธการ “ปราบปรามธุรกิจท่องเที่ยวบุกรุกป่าสงวน” ที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา ดำเนินคดีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและท่าเรือที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เป็นกลุ่มที่บุกรุกเอาเปรียบสังคมมานาน มาครั้งที่ 3 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. นำตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ สำนักงานสรรพากร ทหาร สำนักงานพาณิชย์จังหวัด เข้าตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งบุกรุกเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.เชียงใหม่โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแนว “แอดเวนเจอร์” ตามป่าเขา เครื่องเล่นส่วนใหญ่ไม่ได้มาตรฐาน ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทำให้เกิดความสูญเสียกับนักท่องเที่ยวมาหลายครั้ง แต่เจ้าของสถานประกอบการปิดข่าว และบางแห่งมีคำสั่งให้ปรับปรุงและปิดกิจการ แต่มีการฝ่าฝืนเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยว โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแยกเป็น 4 ส่วน 19 สถานประกอบการ ส่วนที่ 1 สถานประกอบการสถานที่ท่องเที่ยว ตรวจสอบ 7 สถานที่ 1.ไฟลท์ออฟเดอะกิบบอน พบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแม่ออน แจ้งเตือนให้ออกนอกพื้นที่ป่าสงวน 2.ฟลายอิ้งสควอเรียลส เชียงใหม่ พบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแม่ริม แจ้งเตือนให้รื้อถอน 3.โป่งแยงซิปไลน์ พบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแม่ริม แจ้งเตือนให้รื้อถอน และจับกุมข้อหาประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ซิปไลน์ เชียงใหม่ พบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแม่แตง แจ้งเตือนให้รื้อถอน 5.ทาร์ซาน คาโนปี้ หรือปางช้างโชคชัย พบบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติแม่ริม จับกุมในฐานความผิดบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ส่วน 6.สกายฮอว์ก ซิปไลน์ และ 7.อีเกิ้ลแทรค ตรวจสอบไม่พบการกระทำผิด ส่วนที่ 2 บริษัทธุรกิจนำเที่ยว ตรวจสอบ 3 บริษัท 1.บริษัทคังไทยทัวร์ ไม่พบการกระทำผิด 2.บริษัทฮาน เชียงใหม่ พบไม่จัดให้มีการประกันภัยสำหรับอุบัติเหตุให้แก่นักท่อง สั่งพักใช้ใบอนุญาต 3.บริษัทฟู่ซวงหลง ไม่พบการกระทำความผิดส่วนที่ 3 สถานประกอบการขายของฝาก ของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว ตรวจสอบ 4 แห่ง 1.Natural Latex พบสินค้าที่ไม่มีฉลากหรือแสดงฉลากไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 จำนวน 122 รายการ 2.Family Latex พบสินค้าที่ไม่มีฉลากหรือแสดงฉลากไม่ถูกต้อง 160 รายการ 3.Thai Park Snake Farm พบมีการขายยาแผนโบราณขณะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการไม่อยู่ปฏิบัติงาน 4. Lanna Herb Park พบผลิตภัณฑ์ยาชื่อไม่ตรงกับที่ขึ้นทะเบียนไว้ 85 กระปุก ตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ รวมมูลค่า 791,520 บาทส่วนที่ 4 สถานประกอบการด้านโรงแรมที่พัก ตรวจสอบ 3 แห่ง 1.ปายเรสสิเดนท์ 2.คาเท่ รีสอร์ท 3.ทริปเปิ้ล เกสเฮาท์ พบประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่แจ้งการเข้าพักของบุคคลต่างด้าว ทั้ง 3 โรงแรมมีความผิดฐานประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม และความผิดฐาน เป็นผู้ครอบครองเคหสถานรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัย โดยไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ผลการปฏิบัติร้านขายของฝากที่นำของไร้คุณภาพมาจำหน่ายจับกุมดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2 ราย ตรวจยึดรถยนต์ของบริษัททัวร์ จำนวน 6 คัน พบว่าเป็นรถสวมป้ายทะเบียน จับกุมเปิดธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 ราย ตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยวเชิงผจญภัย 14 จุด พบมีใบอนุญาต 5 จุด ปิดกิจการ 4 จุด อยู่ระหว่างดำเนินคดี 3 จุด พบการกระทำผิด 2 จุดซิปไลน์ 4 แห่งที่ตรวจสอบ เป็น 1 ใน 14 แห่งที่มีการตรวจสอบไปแล้ว แต่เจ้า ของยังไม่ปรับปรุง ยังมีการรุกล้ำพื้นที่ป่า ที่หนักกว่านั้นตรวจสอบพบ เครื่องเล่นไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัย บางเครื่องหมดอายุ แต่ก็ยังประกอบกิจการอยู่ ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว เกิดผลเสียภาพพจน์การท่องเที่ยวเมืองไทยตำรวจท่องเที่ยว ประสาน กรมป่าไม้ ปักป้ายเตือน ให้ออกนอกพื้นที่ภายใน 15 วัน หากยังฝ่าฝืนกรมป่าไม้ จะรื้อถอนทันที โดยให้ผู้ประกอบการออกค่าใช้จ่ายเอง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “การบูรณาการตรวจค้นครั้งนี้ได้รับคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบเรื่องการบุกรุกผืนป่าซึ่งเป็นสมบัติของชาติ พบว่ามีนายทุนมาบุกรุกถือครองในพื้นที่ป่าสงวนหลายแห่ง แผ้วถางทำกิจการท่องเที่ยว จึงนำกำลังมา “ทวงคืนผืนป่า” ให้กลับมาเป็นของชาติ โดยพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีกิจการท่องเที่ยวประเภทซิปไลน์ 7 แห่งที่ผิดกฎหมาย กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหากผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด หากมีการลอบเปิดอีกจะจับทุกวัน เพราะการท่องเที่ยวแบบซิปไลน์ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก หากดำเนินการถูกต้องตามหลักความปลอดภัย ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเปิดแบบลักลอบ ไม่มีหลักประกันความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว แม้การท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์จะดูดเม็ดเงินเข้าประเทศปีละไม่น้อย ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่บุกรุกป่าที่สำคัญต้องปลอดภัย จะไม่ปล่อยให้เกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวเด็ดขาดและให้ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยว 4 ส่วน 19 สถานประกอบการ พบการกระทำผิดหลายแห่ง สั่งให้ดำเนินคดีทุกราย เพื่อยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ต่อเนื่องจากพื้นที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต หากพบว่าที่ใดยังมีการบุกรุกป่าทำกิจกรรมท่องเที่ยว เอาเปรียบนักท่องเที่ยว จะดำเนินการจับให้หมด ไม่มีปล่อยให้ทำความเสียหาย”ปฏิบัติการต่อเนื่องตำรวจท่องเที่ยวบุกยึด “ทวงคืนผืนป่า” สมบัติชาติ ที่มีเหลืออยู่ไม่มาก และการแก้ไขปัญหาเครื่องเล่นที่ไม่ได้มาตรฐาน มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิต แต่ผู้ประกอบการไม่สนใจรับผิดชอบ คิดแต่หารายได้ และ อดีตกิจกรรมท่องเที่ยว บุกรุกป่า ไม่ได้มาตรฐาน เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ถูกเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบปล่อยปละละเลย จนมาปัจจุบันนโยบายที่รัฐบาลสั่งให้ตำรวจท่องเที่ยว มาปราบปรามทำกันจริงจังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายบ้านเมือง.ทีมข่าวอาชญากรรม