จิตรกรที่ได้รับการยกย่องว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของการใช้สี สมเพ็ชร หวานชิต จัดนิทรรศการโชว์ผลงานเดี่ยวครั้งที่ 9 ในชื่อ “ห้วงอารมณ์” ถ่ายทอดความรู้สึกในห้วงอารมณ์ต่างๆ ผ่านภาพวาดสีอะคริลิกรวม 40 ภาพ ต้องการสื่อถึงมนุษย์ทุกคนมีความต้องการด้านอารมณ์ และต้องการตอบสนองด้านอารมณ์ของตัวเอง ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ดังนั้น หากทำความเข้าใจความเป็นมนุษย์ได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเห็นภาพสะท้อนความต้องการด้านอารมณ์ได้ชัดเจน ภาพวาดไฮไลต์ของงานครั้งนี้ มี 7 ภาพ ประกอบด้วย “คิดถึงพ่อ” วาดขึ้นในห้วงอารมณ์ที่เวลานั้น ประเทศไทยกำลังโศกเศร้าจากการสูญเสียพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ คือในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นภาพที่สื่อถึงความโศกเศร้าของประเทศไทย ผ่านรูปเด็กผู้หญิง ที่หมายถึงประเทศชาติ กำลังมองไปที่พระอาทิตย์ เปรียบดั่งพระองค์ท่านมองกลับมายังพวกเรา โดยแสงที่สาดส่องลงมาท่ามกลางการบดบังของใบบัว สะท้อนถึงการแหลกสลายพังทลาย ก็คือความโศกเศร้านั่นเอง ต่อด้วยภาพ “การสนทนาของตะเกียงกับพระจันทร์” ที่ต้องการสื่อว่าในความโศกเศร้าก็มักจะมีความเงียบงัน แต่ในความเงียบงันนี้ยังมีการพูดคุยกันอยู่ ในภาพดอกบัวมีแสงสว่าง สื่อถึงผู้คนในสังคมกำลังพูดคุยกัน ขณะเดียวกันแสงสว่างยังหมายถึงการมีคุณค่าในตัวเอง ส่วนภาพ “ความหวัง” ภาพนี้จิตรกรชื่อดัง เผยว่า ในห้วงอารมณ์ของความคิดถึง ยังคงมีความหวัง ยังคงรอคอย จึงวาดเป็นภาพผู้หญิงนั่งอยู่บนชิงช้า ท่ามกลางสวนดอกไม้ มีดอกบัวที่มีแดดส่องในตอนเช้า สื่อถึงการรอคอยที่มีความหวังว่าจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น ส่วนภาพ “ใบไม้เปลี่ยนสี” เมื่อถึงเวลาหนึ่ง อารมณ์หนึ่ง ฤดูกาลย่อมมีการเปลี่ยน แปลง ภาพนี้ต้องการโชว์เรื่องของเทคนิคการใช้สี ที่ใช้สีโทนเย็นในฝั่งซ้ายและโทนร้อนในฝั่งขวา ในภาพจึงมีดอกบัวหลากสีมาก หมายถึงความคิดของคนในสังคมที่แตกต่าง ขณะที่ภาพ “มหานทีสันทันดร” เปรียบเหมือนการเดินทางของชีวิตคนที่ต้อง พบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย ก็เหมือน ห้วงอารมณ์ของมหาสมุทร ที่ทุกคนล้วนแหวกว่ายฝ่าเกลียวคลื่นเพื่อหาฝั่ง แต่ในมหาสมุทรมีทั้งคลื่น มีทั้งลม เหมือนกับความสับสนในจิตใจของมนุษย์ที่ต้องฝ่าฟันผ่านพ้นไปให้ได้ ส่วน “ฝันถึงเธอ” เป็นภาพวาดจากจินตนาการ ณ ห้วงอารมณ์หนึ่ง ที่อยากสื่อถึงเรื่องของดอกบัว 4 เหล่าในพุทธศาสนา โดยในภาพจะมีนางเงือกกำลังมองดูบัวทั้ง 4 เหล่า หมายถึงคนที่มองเห็นคนทุกประเภท และยังจะเห็นเส้นสีที่หยดลงมาเป็นทาง สื่อถึงความเสื่อมสลายไป หรือความไม่เที่ยงนั่นเอง และภาพสุดท้าย “ตะวันจันทรา” ผู้เขียนตั้งใจแบ่งครึ่งภาพวาดเป็นภาพเวลากลางคืนและกลางวันกำลังกอดกัน สื่อถึงห้วงอารมณ์ของเวลา และความตรงข้ามกันหลายๆอย่าง เช่น ความร้อนแรงกับความร่มเย็น ความมืดความสว่าง ภาพนี้สื่อให้เห็นว่า จริงๆแล้วโลกเราหรือธรรมชาติกำลังสอนเราถึงความยุติธรรม แม้หลายคนมักชอบบอกว่า โลกไม่ยุติธรรม แต่จริงๆแล้วโลกหรือธรรมชาติยุติธรรมเสมอ เรามีเวลากลางวัน 12 ชั่วโมง มีเวลากลางคืน 12 ชั่วโมงเท่ากัน ดังนั้นไม่ว่าจะรวยหรือจน ทุกคนก็มีเวลาเท่ากันเสมอนิทรรศการชุด “ห้วงอารมณ์” นี้จัดแสดงไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ. ณ ศูนย์การค้า เดอะ เพนนินซูล่า พลาซ่า ถนนราชดำริ.
