แม้กองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) จะพ่ายแพ้ สงครามในอิรักและซีเรีย แต่ไอเอสซึ่งมีแนวร่วมและสาขาอยู่ทั่วโลกยังไม่แตกดับ ยังมีพิษสง มีศักยภาพ “ก่อการร้าย” คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก ตัวอย่างหนึ่งคือเหตุโจมตีสะท้านโลกที่คาบสมุทรไซนายในอียิปต์ เมื่อ 24 พ.ย.ที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายในชุดพรางทหารสวมหน้ากากไอ้โม่งราว 30 คน ใช้รถเอสยูวี 5 คันเป็นพาหนะ บุกโจมตีมัสยิด “อัลรอว์ดา” ในเมืองบีร์ อัลอาเบด จ.ไซนายเหนือ บนคาบสมุทรไซนาย คนร้ายทั้งจุดระเบิดและกราดยิงผู้คนในมัสยิดที่วิ่งหนีตายอย่างโหดเหี้ยม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 305 คน รวมทั้งเด็ก 30 คน มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 100 คนมัสยิดแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมนิกาย “ศูฟี” ซึ่งแปลงคำสอนมาจากนิกายสุหนี่ เน้นความเชื่อทางจิตวิญญาณ ทำให้กลุ่มไอเอสชี้ว่าเป็นพวก “นอกรีต”นี่เป็นเหตุโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของอียิปต์ แม้ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบ แต่คนร้ายโบกธงสีดำของกลุ่มไอเอส และเชื่อว่าสังกัดกลุ่มญีฮัดกลุ่มใหญ่ที่สุดชื่อว่า “อันซาร์ เบอิต อัลมัคดิส” หรือกลุ่ม “จังหวัดไซนาย” ซึ่งเป็นสาขาของไอเอสในอียิปต์คาบสมุทรไซนายเป็นแผ่นดินรูปสามเหลี่ยมที่มียอดแหลม ทางตอนใต้เป็นที่ตั้งของเมือง “ชาร์เมลเชค” เมืองท่าตากอากาศชื่อดังบนริมฝั่งทะเลแดง ส่วนด้านทิศเหนือติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นแนวแผ่นดินที่พาดผ่านจากแอฟริกาสู่เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีเนื้อที่ราว 60,000 ตร.กม. ส่วนใหญ่รกร้าง ผู้คนอาศัยอยู่เบาบางกลุ่มญีฮัดหลายกลุ่มเคลื่อนไหวในคาบสมุทรไซนายมานานแล้ว แต่ก่อนจะโจมตีนานๆครั้ง เป้าหมายเป็นทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ แต่หลังเกิดการประท้วงใหญ่และกองทัพอียิปต์ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี ผู้นำขบวนการ “ภราดรภาพมุสลิม” ในเดือน ก.ค.2556 กลุ่มญีฮัดก็อาละวาดหนักโจมตีถี่ยิบ มีตำรวจ ทหาร และพลเรือนเสียชีวิตแล้วหลายร้อยคนการโจมตีส่วนใหญ่เป็นฝีมือกลุ่มอันซาร์ฯ ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีชาวคริสเตียน นิกาย “ค็อปติก” ในพื้นที่อื่นๆของอียิปต์ด้วย กลุ่มนี้ยังอ้างว่าเป็นผู้วางระเบิดเครื่องบินโดยสารของรัสเซียที่คาบสมุทรไซนาย ในเดือน ต.ค.2558 ทำให้คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด 224 ศพ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดิมทีกลุ่มอันซาร์ฯ จงรักภักดีต่อเครือข่าย “อัล เคดา” แต่หลังกลุ่มอัล เคดาในซีเรียแตกแยกกัน และกลุ่มไอเอสประกาศตั้งรัฐอิสลาม หรือรัฐกาหลิบ (คอลีฟะห์) ขึ้นในอิรัก ในปี 2557 กลุ่มนี้ก็ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอส ซึ่งมีนายอาบู บัคร์ อัลแบกดาดี เป็นผู้นำสูงสุดหรือ “กาหลิบ”ยังไม่แน่ชัดว่า กลุ่มอันซาร์ฯมีนักรบอยู่เท่าใด แต่คาดว่ามีหลายพันคน และมีอาวุธล้ำสมัย รวมทั้งจรวดต่อต้านรถถัง ปืนกล และระเบิดที่ลักลอบนำเข้าจากลิเบียในช่วงสงครามกลางเมืองและจากที่อื่นๆข้อมูลของบรรดาผู้นำกลุ่มนี้แทบไม่มีใครรู้ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอียิปต์ก็หลีกเลี่ยงไม่เปิดเผย ยกเว้นเวลาแถลงข่าวการตายของผู้นำกลุ่มเท่านั้น แต่เชื่อว่าผู้นำระดับสูงส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าเร่ร่อน “เบดูอิน” บางคนเป็นชาวอียิปต์แผ่นดินใหญ่ ส่วนนักรบมีทั้งพวกเบดูอินและคนต่างชาติ รวมทั้งชาวปาเลสไตน์ และโมร็อกโกปีที่แล้ว กองทัพอียิปต์ประกาศว่าสามารถสังหารผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกลุ่มอันซาร์ฯได้ ชื่อ อาบู ดูอา อัลอันซารี จากการโจมตีทางอากาศ เขามีอีกชื่อหนึ่งว่า โมฮัมเหม็ด เฟรอิจ น้องชายของนาย ทอว์ฟิก เฟรอิจ ผู้ก่อตั้งกลุ่มอันซาร์ฯผู้ล่วงลับ ซึ่งกลุ่มไอเอสก็ยืนยันว่านายอาบู ดูอาฯ เสียชีวิตจริง และมีการแต่งตั้งนาย อาบู ฮาจาร์ อัลฮาเชมิ ขึ้นมาเป็นแม่ทัพแทน แต่ปูมหลังของผู้นำใหม่ก็แทบไม่มีใครรู้แม้แต่นักรบญีฮัดของกลุ่มอันซาร์ฯ ที่ถูกจับได้ก็ยืนยันว่า ไม่รู้ว่าผู้นำสูงสุดคือใคร รู้แค่ว่าเขาถ่ายทอดคำสั่งผ่านลูกสมุนเป็นทอดๆ และภายใต้การนำของแม่ทัพก็มีการแบ่งแยกความรับผิดชอบกันในหมู่แกนนำนักรบให้คุมหน่วยงานต่างๆ ทั้งด้านความมั่นคง การทหาร การผลิตระเบิด ไปจนถึงสื่อมวลชนอย่างไรก็ตาม สาขาของกลุ่มไอเอสยังไม่สามารถยึดพื้นที่และตั้งฐานบัญชาการในเมืองต่างๆบนคาบสมุทรไซนายได้เหมือนในอิรักและซีเรีย แม้ในเดือน ก.ค.2558 กลุ่มอันซาร์ฯพยายามบุกยึดเมืองเชค ซูวีด แต่ล้มเหลวต้องล่าถอยไป หลังกองทัพอียิปต์ส่งฝูงเครื่องบินรบ “เอฟ-16” เข้าไปโจมตีเชื่อว่านักรบของกลุ่มอันซาร์ฯหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตทะเลทรายที่มีภูเขาสลับซับซ้อนทางตอนกลางของคาบสมุทรไซนาย กลุ่มนี้ยังมี “เซลส์” หรือหน่วยงานใต้ดินที่อันตรายมาก มีหน้าที่ลอบสังหารบุคคลสำคัญและวางระเบิดตามเมืองเอลอาริช เมืองเอกของไซนายตอนเหนือ ไปจนถึงแผ่นดินใหญ่อียิปต์แม้ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี สั่งกองทัพบดขยี้กลุ่มญีฮัดบนคาบสมุทรไซนายอย่างหนักอยู่ในเวลานี้ แต่อาจถูกตอบโต้ด้วยการก่อการร้ายอย่างรุนแรงเช่นกัน!บวร โทศรีแก้ว