“รัฐบาลเพื่อการปฏิรูป” หรือ “หักดิบเพื่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติ”ไม่ว่ารัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ออกมาในรูปแบบไหน อย่างน้อยใน ครม.จะต้องปรับเอารัฐมนตรีที่เป็นนายทหารออกไป เพื่อดึงมืออาชีพเข้ามาเสริมทัพขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินท่ามกลางมรสุมทางการเมืองหลายลูกจ่อถล่มรัฐบาล และกำลังมีการเตรียมตั้งพรรคทหารขึ้นมาบนถนนสายรัฐธรรมนูญปี 60 และกติกาการเลือกตั้งฉบับแกะกล่อง การเมืองใหม่ในอนาคตจะเดินไปทิศทางไหนในมุมมองของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่มีเครือข่าย และมีบุคคลหลากหลายวงการ รวมถึงวงการเมือง เข้าพบหารือเป็นระยะๆ บอกกับ ทีมข่าวการเมือง โดยแนะนำถึงการปรับ ครม. อย่าไปตีกันเลย อุตส่าห์ร่วมมือทำกันมาจนถึงป่านนี้แล้วต่อไป ครม.ที่มีทหารก็คงไม่เยอะ เริ่มถอยแล้วพร้อมพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาของประเทศไทยในเชิงโครงสร้างทุกครั้งที่ “บิ๊กจิ๋ว” พูดถึงการแก้ปัญหาของประเทศ จะย้ำอยู่เสมอถึงต้นเหตุของปัญหามันเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ได้เกิดจากตัวบุคคล ไม่ได้เกิดจากการคอร์รัปชันแต่เกิดจาก “ความเหลื่อมล้ำ” โครงสร้างของประชากรไม่มีความเสมอภาค ไม่ได้รับความเป็นธรรม“คนร่ำรวยมีนิดเดียว-คนยากจนมีมหาศาลทั้งแผ่นดิน”ตอนนี้ยิ่งห่างมากยิ่งขึ้น เป็นปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขเมื่อประชากรในชาติไร้ความเท่าเทียม ความขัดแย้งในสังคมก็ยิ่งมากขึ้นนี่คือรากเหง้าของวิกฤติบ้านเมืองฉะนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย ตามกติกาใหม่ “บิ๊กจิ๋ว” บอกว่า ไม่มีอะไรใหม่วิถีทางการเมืองและการเลือกตั้ง ส.ส.ยังเป็นแบบเก่าหากยังไม่มีการแก้ปัญหาที่รากเหง้า รัฐธรรมนูญใช้ไปได้แค่ 2-3 ปีคงถูกฉีกอีกรอบตามกงล้อประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 ถึงปัจจุบัน 85 ปี มีรัฐธรรมนูญ 20 ฉบับ ถูกฉีกเฉลี่ย 4 ปีต่อครั้ง แม้รัฐธรรมนูญในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม ถูกใช้ยืนยาวที่สุด ประมาณ 14 ปี และสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร ประมาณ 11 ปีแม้จะยืนยาว แต่สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ฉะนั้นที่บอกกันว่าจะอยู่ 8 ปี ขอให้ดูตัวอย่างเอาไว้ ให้ระวัง จะทำอะไรอย่าให้เหมือนเก่าสงสารแก อยากให้เห็นว่าอยู่นานๆ 16 ปี แล้วอยู่อย่างไรล่ะก่อนตาย มีตัวอย่างให้เห็นแล้วเพราะการเมืองยังเป็นวงจรอุบาทว์ รัฐธรรมนูญร่างเสร็จ เลือกตั้งอยู่ได้สักระยะหนึ่งก็ยึดอำนาจ และกลับมาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่อีกเป็นกงล้อประวัติศาสตร์ ยังไม่มีใครทำลายได้จนถึงวันนี้ทั้งหมดเกิดจากรากเหง้าของปัญหายังไม่ได้รับการสะสาง ไม่เหมือนประเทศเกาหลีใต้ จากที่ไม่มีอะไร ประเทศญี่ปุ่นโดนระเบิดปรมาณูถล่ม แต่วันนี้ทั้งสองประเทศพัฒนาและเจริญรุดหน้าไปมากต่างกับประเทศไทย 6 เดือนแรกประสบภัยแล้ง ต้องขนน้ำไปช่วยเหลือชาวบ้าน 6 เดือนหลังประสบปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่เหนือจดใต้ ต้องช่วยกันขนชาวบ้านหนีน้ำ ทุกปีเป็นอย่างนี้ หากยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ นับวันปัญหาก็จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทั้งที่ปัญหาเหล่านี้ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร” รัชกาลที่ 9 ทรงปูพื้นฐานไว้ดีมาก กลไกที่เกี่ยวข้องควรจะนำไปสานต่อ รวมถึงการแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ควรนำพระราชดำริของพระองค์ท่านไปต่อยอดเพื่อแก้ไขปัญหาให้สะเด็ดน้ำที่สำคัญขณะนี้ ปัญหาของประเทศที่สำคัญคือประชาชนยากจนการแก้ปัญหาความยากจนของประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สร้างเอสเอ็มอี ทำแค่นี้ก็รวยมหาศาล ภายใต้อุดมการณ์แห่งชีวิตที่มีอยู่ข้อเดียวคือแก้ไขปัญหาความยากจน ฉะนั้น เราจะต้องมีวิธีการทำให้ประชาชนทำงาน โดยมีอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ในแผ่นดินนี้จะต้องสร้างเอสเอ็มอีให้เกิดขึ้นทุกหมู่บ้าน บริหารงานโดยองค์กรของประชาชนในรูปแบบสหกรณ์ มีธนาคารหมู่บ้าน และด้านการศึกษาก็จะต้องให้เด็กบนหลังควายได้ปริญญาระหว่างทำในสิ่งเหล่านี้ ในทางการเมืองที่มีแต่ทหารปกครอง สิ่งแรกที่ต้อง ทำก็ต้องเปลี่ยนแปลงหลัก– สูตรโรงเรียนนายร้อย จปร. เดิมเรียน 5 ปี ก็ให้นักเรียนนายร้อยเรียน 4 ปี และปีที่ 5 ก็มีเรียนเพื่อรักษาขนบธรรม– เนียม โดยศึกษาเพิ่มด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การต่างประเทศ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์จบโรงเรียนนายร้อยแล้วติดยศร้อยโท ถ้าหลักสูตรโรงเรียนนายร้อยเป็นอย่างนี้ ทหารก็เข้ามาปกครองได้ ถามว่าทำได้หรือไม่ ทำได้อยู่แล้วแต่ที่ยากที่สุดคือปัญหาชายแดนใต้ ไม่อยากให้มองเป็นปัญหาเฉพาะภาคใต้ เพราะปัญหานี้เป็นภาพสะท้อนของชาติ ต้องมองเป็นภาพใหญ่ ทั้งประเทศจะได้ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกต่อไป ภาคเหนือ ภาคอีสานก็น่าห่วงวันนี้เรามัวไปยุ่งเรื่องอำนาจประชาธิปไตยโดยประชาชน จึงเกิดเป็นลัทธิรัฐธรรมนูญ จะต้องสร้างรัฐธรรมนูญที่ดีถึงจะสร้างประชาธิปไตยได้ ปัจจุบันมันต้องเปิดความคิดให้กว้าง สร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นได้“การปกครองทุกรูปแบบ” ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ใครจะว่าเราขอให้อดทนเอาหน่อยต้องเข้าใจว่า “ทุกการปกครอง” นำไปสู่ผลประโยชน์สุดท้ายเพื่อ ประชาชนแต่ทุกวันนี้ยังอยู่กับรัฐธรรมนูญ ร่างแล้วร่างอีก วุ่นวายปวดหัว ขอย้ำจะต้องยึดเอาผลประโยชน์สุดท้ายเพื่อประชาชน ทุกอย่างต้องทุ่มเทมาตรงนี้ก่อนทีมข่าวการเมือง ถามว่า มาถึงวันนี้การปฏิรูปด้านต่างๆ รัฐบาลจะทำสำเร็จแค่ไหน พล.อ.ชวลิต บอกว่า อย่าไปว่ารัฐบาลที่เสียสละเข้ามา จะปฏิรูปด้านต่างๆสำเร็จหรือไม่ก็ต้องให้โอกาสรัฐบาล“ถ้ารัฐบาลทำกันไม่ได้ก็จะต้องระวัง อย่าให้ประชาชนลุกขึ้นมาทำ มันจะยุ่ง”อย่างกรณีปัญหาที่ดินภูทับเบิก กรณีจับขังคดีรุกป่าที่ศรีสะเกษและปัญหาคดีพื้นที่ทับซ้อน ไม่ใช่ไปไล่จับ ไล่ฆ่าปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ เพื่อเทิดพระเกียรติ “สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10”ต่อไปจะต้องทำถวายพระองค์ท่านอีกเยอะและเป็นการตามรอย “พระยุคลบาทรัชกาลที่ 9” ด้วยเมื่อการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆไม่คืบหน้าการเลือกตั้งมีโอกาสเกิดขึ้นแค่ไหน พล.อ.ชวลิต บอกว่า...“...ต้องจำไว้ว่าวันนี้ผมมีหน้าที่หยุด เวลามีข่าวว่ามีคนเอาขวานจามถังน้ำมันที่แช่ปืนเอาไว้ระวังคนไทยเราเลือดเนื้อเชื้อไทย ยากที่จะมี นอกจากจะทนไม่ไหวจริงๆ...”ฉะนั้นจะมาถามว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ ตนไม่ได้เป็นหมอดูแนวโน้มอย่าไปคิดเรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก เพราะกลัวความขัดแย้งที่ยังไม่หายและเกิดขึ้นทุกวันใครจะทำอะไรก็ทำไป ต้องอยู่ภายใต้ความคิดเอาประชาชนมาก่อน ช่วยเหลือประชาชนให้ได้ในรอบสองปี ร้านโชห่วยหายหมด ขอให้ผลักดันเอสเอ็มอีขึ้นมาสู้ มีธนาคารหมู่บ้าน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยถูกเพื่อทำฐานรากให้แข็งแรง อย่าลืมว่าวันนี้ประเทศมันยุ่งไปเรื่อย ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ก็น่าห่วง ทั้งหมดเป็นพี่น้องอยู่ประเทศเดียวกัน อยู่ภายใต้พระมหากษัตริย์ ภาระหน้าที่ตอนนี้คือช่วยเหลือประชาชนเพื่อถวายในหลวงและในช่วงต้นปี 61 หลังผ่านพระราชพิธีที่สำคัญไปแล้ว “พระเกียรติยศรัชกาลที่ 10” ที่เกริกไกรตามเสด็จพ่อที่จะตามไปอีกขั้นหนึ่ง หรืออาจจะตามไปสามขั้นเลยทั้งหมดต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน ป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญ พล.อ.ชวลิต บอกว่า เรามีรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญกันมาเยอะแล้วเราจะต้องทำทุกอย่างเพื่อประชาชนสุดท้ายจะได้ผู้แทนที่เป็นของประชาชนจริงๆ.ทีมการเมือง