อาชีพโสเภณี เป็นอาชีพเก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ในสมัยพุทธกาล วงการสังคมเล่าลือกันถึง “นางหนึ่ง” นอกจากงดงามไร้เทียมทาน ฝีมือบริการก็เลิศเลอแวดวงไฮโซชาย ตั้งแต่เจ้าชาย เสนาบดี เศรษฐี กว่าจะใช้บริการสักครั้งต้องรอคิวจองยาวโสเภณีระดับนี้มีที่มาไม่ธรรมดาซุบซิบกันว่า เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีตอนรุ่นสาวนิสัยดื้อ ไม่ยอมแต่งงานกับลูกเศรษฐีด้วยกัน หนีตามผู้ชายจนๆไปอยู่ด้วยกันในกระท่อมปลายนา เหมือนรจนากับเจ้าเงาะ ในเรื่องสังข์ทองเรื่องเข้าทำนอง เงินไม่มีความรักก็หนีออกหน้าต่าง ไม่นานนางก็เลิกกับสามี ไม่รู้ว่า ใครทิ้งใคร...จะกลับบ้านก็อายพ่ออายแม่ ดั้นด้นสู้ชีวิตต่อโบราณว่านารีมีรูปเป็นทรัพย์ ความงามขายได้ ไม่นานไม่ช้า แคว้นกาสีก็มีพูดกันถึงโสเภณีนางหนึ่ง...ค่าตัวแพงมาก แต่ไฮโซชายที่ได้คิว...ไม่เคยเปิดเผยว่า “เท่าไหร่”เพราะถ้าเปิดเผย บ้านอาจพัง ถ้าเป็นเสนาบดีก็จะถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน เจอข้อหาคอร์รัปชันโสเภณีนางนี้ รักษาเรตติ้งอันดับหนึ่งไว้ได้...มีทรัพย์สินเงินทองมากมหาศาล...แต่เธอก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดีสวยมาก รวยมาก จัดคิวไม่ดีก็ถูกต่อว่า รวยมากไปไหนมาไหนก็มีข่าวจะถูกปล้นเวลานั้น ในพระพุทธศาสนา พุทธศาสนามีภิกษุณีแล้ว ข่าวภิกษุณีหนีความทุกข์ไปพบความสุขสงบเย็นเข้าหู เธอก็อยากบวชบ้างแค่พอมีข่าว...เธอไปเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า วงการชายหนุ่มแคว้นกาสีก็อื้ออึง มีแต่คนที่เคยขอต่อคิว แล้วไม่ได้ ทั้งคนที่ไม่เคยต่อคิวก็อยากได้คิวพิเศษสักครั้งรวมไปถึงพวกโจร หลายก๊กหลายก๊วน ออกข่าวว่า เธอออกมาวันไหนก็จะปล้นเธอรู้ข่าวนี้เต็มสองหู คิดหาหนทางไปให้ถึงวัดยังไม่เจอ จึง ส่งคนไปกราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงช่วยการบวชช่วงแรกๆในพุทธกาล เช่นตอนบวช ปัญจวัคคีย์คนแรก... ทรงเปล่งวาจา โกณฑัญญะ จงเป็นภิกษุเถิดๆ เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทาไม่มีได้ข่าว นางโสเภณีค่าตัวแพง เดินทางไปเมื่อไหร่ รู้อีกที เธอเป็นพระภิกษุณีเต็มตัว โกนหัวห่มเหลือง บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว เธอเปล่งวาจาจากความปีติปราโมทย์ว่า“แคว้นกาสีได้ส่วยประมาณเท่าใด คนเขาตั้งราคาของเราเท่ากับกึ่งหนึ่งของส่วยแคว้นกาสี” คนไม่รู้ก็รู้กันตอนนั้นเอง ค่าตัวโสเภณีนางนี้ ครั้งละ 500 กหาปณะวันหนึ่งแคว้นกาสีเก็บภาษีได้ 1 พันกหาปณะ เท่ากับครึ่งหนึ่งของภาษีที่เก็บได้วันหนึ่งนับแต่นั้นมา ชื่อเธอที่เคยเรียกขานก็เปลี่ยนไป ใครต่อใคร เรียกชื่อเธอใหม่ว่า นางอัฒฑกาสี ซึ่งแปลว่า ครึ่งหนึ่งของภาษีแคว้นกาสีและความลับที่พวกหนุ่มๆที่รอต่อคิว และพวกโจรไม่รู้ ปล้นเธอไม่ได้เพิ่งรู้เธอไม่หายตัวไปไหน เพียงแต่พระพุทธเจ้าช่วยด้วยวิธีส่งคนไปบวชให้ถึงที่สำนัก ตอนเดินทางไปวัดเป็นภิกษุณีแล้ว จึงไม่มีใครรู้วิธีบวชนี้พุทธศาสนา เรียกทูเตนะอุปสัมปทา พิธีบวชโดยผ่านทูตคนวงในพุทธศาสนา รู้อีกว่า อัฒฑกาสีภิกษุณีบวชแล้ว ประกาศตัวว่า ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ บรรลุวิชชา 3 รู้ชาติปางก่อน ตาทิพย์ ทำอาสวะได้สิ้นปลายทางของนารีขี่ม้าขาวนางนี้ เธอหนีทุกข์ไปพบความสุขสงบเย็น เป็นนิรันดร์ที่ชาวพุทธรู้กันว่าคือพระนิพพาน น่าชื่นใจไม่น้อยเลย.กิเลน ประลองเชิง