"ผู้การอิ้ว ปคบ." สั่งจับแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์คาบ้านซอยรามอินทรา 65 หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับในความผิดเบื้องต้น 4 ข้อหา ทั้งฉ้อโกง ประชาชน พ.ร.บ.คอมฯ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค แฉวินาทีถูกตำรวจบุกจับ 2 ผัวเมียถึงกับหน้าเหวอก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถมาสอบปากคำที่กองปราบฯ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธและขอให้การชั้นศาล จ่อฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัวเพราะเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก เผยก่อนหน้าถูกจับไม่กี่ชั่วโมง สคบ.มาถึงก่อน ส่งหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้แม่ตั๊กเข้าให้ข้อมูลหลังเลื่อนนัดมาหน
กรณีมีผู้ที่ซื้อทองรูปพรรณออนไลน์ของ “แม่ตั๊ก-กรกนก สุวรรณบุตร” เจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ย่านถนนหทัยราษฎร์ กทม.โพสต์ลงโซเชียลหลังนำสร้อยพร้อมทองของแถมรูปแบบต่างๆไปขายที่ร้านทองเจ้าอื่นแต่ขายไม่ได้เนื่องจากไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองไม่มียี่ห้อและถ้านำไปหลอม จะไม่เหลืออะไรผิดกับทองคำจริง พอคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ ลูกค้าที่เคยซื้อทองจากแม่ตั๊กเก็บออมไว้ เก็งกำไรต่างแห่นำมาขายคืนที่ร้านเชื่อว่าเป็นทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ อีกทั้งผู้เสียหายบางส่วนรวมตัวแจ้งความ เอาผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ส่งผลให้หลายหน่วยงานรัฐ เตรียมเข้าตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่ แม่ตั๊ก-กรกนก และป๋าเบียร์-กานต์พล เรืองอร่าม 2 ผัวเมียยังเก็บตัวเงียบ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
หลังเป็นข่าวฉาวได้ไม่นาน ล่าสุด ตำรวจ ปคบ. นำหมายศาลบุกจับ 2 ผัวเมียคาบ้านแล้ว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. เปิดเผยว่า สั่งการ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1.บก.ปคบ. และพนักงานสอบสวน กก. 1 บก.ปคบ. ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด นายกานต์พล เรืองอร่าม เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก เป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4797-4798-4799 ลงวันที่ 30 ก.ย.67 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค, ร่วมกันเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้า หรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มี ข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้ว ว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น
...
ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.วิศรุต บางน้ำเค็ม พ.ต.ท.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.กก.1 บก.ปคบ. นำหมายจับและหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 72 ถนนรามอินทราซอย 65 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พร้อมจับกุม น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ ที่อยู่ในบ้านไว้ได้ ก่อนคุมตัวไปสอบปากคำที่ บก.ปคบ.ทันที ทั้งคู่ มีสีหน้าตื่นตระหนก ป๋าเบียร์พยายามยกมือไหว้สื่อมวลชน ขณะที่แม่ตั๊กใช้มือสองข้างปิดบังใบหน้าไม่ให้ สื่อมวลชนถ่ายภาพขณะถูกนำไปนั่งอยู่ในรถตำรวจ
ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.กิตติพศ คงสูงเนิน สว.กก.1 บก.ปคบ. นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้น ห้างทองเคทูเอ็น โกลด์ จำกัด ถนนหทัยราษฎร์ แขวง บางชัน เขตคลองสามวา กทม. อีก 1 จุดด้วย
กระทั่งเวลา 13.30 น. ตำรวจ บก.ปคบ.คุมตัว ป๋าเบียร์ แม่ตั๊ก มาที่ห้อง ศปก.ป. ชั้น 2 อาคารกอง บังคับการปราบปราม (บก.ป.) มี พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. รอสอบปากคำ ขณะที่ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ตอบสั้นๆ เพียงว่า “ไม่เครียด” เช่นเดียวกับนายกานต์พล หรือ ป๋าเบียร์ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อสั้นๆเพียงว่า จะออกมาชี้แจงหลังให้การเจ้าหน้าที่เสร็จ ส่วนเรื่องคืนทองของลูกค้ายืนยันว่าจะยังรับคืนเหมือนเดิม
หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำเบื้องต้นใช้เวลาประมาณ 45 นาที พล.ต.ต.วิทยาออกมาเปิดเผยว่า เมื่อเช้าตำรวจ กก.1 บก.ปคบ. ได้ขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 3 หมาย 4 ข้อหา หมายค้นอีก 2 จุด จับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ สอบสวนทั้งคู่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ขอให้การใดๆ สำหรับคดีนี้เป็นคดี ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน แม้ว่าขณะนี้จะมีผู้เสียหาย มาร้องทุกข์ 2 คน แต่ก็มีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้มา ดังนั้นจะคัดค้านการประกันตัว คาดว่าจะฝากขัง ต่อศาลอาญาในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องการประกันตัว ขอให้เป็นดุลพินิจศาลที่จะพิจารณาต่อไป
พล.ต.ต.วิทยากล่าวต่อว่า ส่วนพยานหลักฐานที่ยึดได้จากบ้านแม่ตั๊กที่มีทั้งตู้เซฟและปืน 4 กระบอก เป็นปืนมีทะเบียน รวมทั้งได้เก็บรวบรวมหลักฐานเอกสารได้พอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบและอาจกระทบต่อรูปคดี นอกจากนี้ยังตรวจยึดทองได้บางส่วน ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รถหรูหลายคันที่มีกระแสข่าวถูกขนย้ายไป อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วนั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าสังเกตการณ์ติดตามทรัพย์ตั้งแต่ก่อนที่หมายจับจะออกอยู่แล้ว ตลอดจนเฝ้าระวังตามแนวชายแดนด้วย เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทรถหรูออกนอกประเทศ ทั้งนี้ จะรายงานคดีไปยัง ปปง. เพื่อให้สืบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด เนื่องจากคดีนี้เป็นมูลฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
“หลังจากนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างขยายผลบัญชีแถว 2 และ 3 รวมถึงบุคคลที่มาร่วมรีวิว เพื่อออกหมายเรียกมาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เบื้องต้นการไลฟ์รีวิวร่วมกันเข้าข่ายความผิดร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนที่ปรากฏ ภาพตำรวจสนิทสนมกับแม่ตั๊ก ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากตำรวจคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญา ยืนยันภาพดังกล่าวไม่กระทบต่อการดำเนินคดี เพราะ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย” พล.ต.ต.วิทยากล่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงสายวันเดียวกัน ที่หน้าบ้านของป๋าเบียร์และแม่ตั๊ก ก่อนที่ตำรวจ บก.ปคบ.จะเข้าตรวจค้นจับกุม มีเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นำหมายเรียกแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ สคบ.ในวันที่ 4 ต.ค.นี้ หลังจากที่แม่ตั๊กได้ขอเลื่อนเข้าให้ข้อมูลไปแล้วครั้งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ สคบ.ที่นำหมายเรียกครั้งที่ 2 มาให้กล่าวว่า มาส่งหนังสือเรียกเข้าให้ข้อมูลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ส่งหนังสือเรียกครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 26 ก.ย. เป็นการเชิญบุคคลที่ตกเป็นข่าวทั้งสองคน เป็นกรรมการของบริษัทก่อนจะมีเหตุขัดข้องและแจ้งขอเลื่อน นอกจากนี้ยังเชิญบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องครั้งแรกนี้เป็นการเชิญตามภูมิลำเนาผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย หนังสือเรียกถูกส่งถึงผู้มีรายชื่อตั้งแต่ครั้งแรก ที่หน้าร้านทอง เป็นที่ตั้งของที่ทำการบริษัทโดยการส่งหนังสือเรียกครั้งนี้จะเรียกให้พบในวันที่ 4 ต.ค. หากไม่ไปตามหนังสือเรียกก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งนี่เป็นแค่ข้อหาขัดหนังสือเรียกของเจ้าพนักงาน ส่วนผลการตรวจทองคำถึงปริมาณความบริสุทธิ์จะออกผลภายในสัปดาห์นี้
อีกด้านหนึ่งที่ร้านเพชรทองเคทูเอ็น หรือร้านทองแม่ตั๊ก ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ มีประชาชนทยอยมานั่งรอที่เต็นท์หน้าร้านเพื่อนำทองคำมาขายคืนให้แก่ร้านทองแม่ตั๊กราว 300 คน ขณะที่ร้านยังคงปิดอยู่โดยติดป้ายประกาศไว้ระบุว่า “เปิดรับบัตรคิว 200 คิว ตั้งแต่เวลา 10.00 น. และรับลูกค้าคืนสินค้าที่เป็นปี่เซียะเท่านั้น” ประชาชนได้เซ็นชื่อลงใส่สมุดพร้อมเบอร์โทรศัพท์เพื่อรอรับบัตรคิว
น.ส.โชติกา เสาศิลา อายุ 32 ปี 1 ในผู้นำทองคำมาขายคืนกล่าวว่า เดินทางมาจาก จ.สระบุรีถึงที่หน้าร้านตั้งแต่เวลา 02.00 น. อาศัยนอนในรถ ลงชื่อรอรับบัตรคิวลำดับที่ 28 ตนซื้อสร้อยข้อมือทองคำปี่เซียะผ่านการไลฟ์แม่ตั๊กเมื่อปี 2563 ราคาประมาณ 30,000 บาท ซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้แม่ ต่อมาแม่จำเป็นต้องใช้เงิน นำทองไปจำนำ ร้านทองตรวจสอบแล้วไม่ได้มาตรฐานขู่ว่าจะเอาตำรวจมาจับอีก ทำให้แม่รู้สึกตกใจและทำให้ตนเสียความรู้สึก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดร้องเรียนเนื่องจากยังไม่มีกระแสข่าว แต่พอเกิดข่าวขึ้นมามีประชาชนเสียหายหลายรายนำทองมาขายคืน พร้อมนำของแถม เป็นรูปเทพเจ้ามาคืนด้วย อยากได้เงินคืนครบจำนวนเนื่องจากตอนที่ซื้อได้ซื้อในราคาเต็ม เวลาคืนก็อยากได้เต็มจำนวนจะไม่ติดใจดำเนินคดี
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่