สาวต่อผมแล้วร่วง ไม่ทน ควงทนายแจ้งความเอาผิด "นักเลงคีย์บอร์ด" หลังโดนคุกคาม-ข่มขู่ พร้อมเผยได้รับผลกระทบอย่างหนัก รู้สึกแย่ถึงขั้นคิดสั้น 

จากกรณีสาวโพสต์โซเชียล ไปต่อผมที่ร้านแห่งหนึ่งย่านบางใหญ่ นนทบุรี เสียเงินไป 5,000 บาทค่าต่อผม ผ่านมาไม่ถึง 5 วัน ผมที่ต่อไปร่วง ไปแก้แล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม จนเกิดเป็นประเด็นวิวาทะกันระหว่างเจ้าของร้านและลูกค้า จนต้องไปออกรายการดัง เพื่อพูดคุยชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น กระทั่งต่อมา ได้ต่อผมใหม่ พร้อมเผยสิ่งที่พูดไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (สาวผมร่วง ยิ้มได้แล้ว ล่าสุดได้ต่อผมใหม่ ลั่นความจริงก็คือความจริง)

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 มี.ค. 2567 น.ส.สุดารัตน์ วงษาชัย หรือ แป้ง อายุ 25 ปี อาชีพช่างต่อขนตาต่อเล็บ พร้อม ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ หอบหลักฐานเป็นภาพและข้อความ หลังถูกเหล่านักเลงคีย์บอร์ดแสดงความคิดเห็นสร้างความเสียหายผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย นำเข้าพบ พ.ต.อ.ธนุเพ็ชร ฉมาฤกษ์ ผกก.สภ.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ และ ร.ต.ท.จตุรานนท์ โพธิ์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.คลองด่าน เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเหล่านักเลงคีย์บอร์ดและจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด   

...

ทนายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่เป็นประเด็นข่าว และเคลียร์กันจบไปแล้ว มีกลุ่มนักเลงคีย์บอร์ดนำภาพไปตัดต่อพร้อมระบุข้อความ ด่าทอ ทำให้เกิดความเสียหาย วันนี้จึงเดินทางนำหลักฐานที่ถูกละเมิดกว่า 30 ข้อความ เข้าพบพนักงานสอบสวนแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีอาญา โดยจะไม่ยอมความและต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ นักเลงคีย์บอร์ดเหล่านี้ ไปทำร้ายคนอื่น ซึ่งอาจจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ผู้ถูกละเมิดเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายได้  

ขณะที่ น.ส.แป้ง ผู้เสียหาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่ไปออกรายการกลับมาก็ถูกโจมตีอย่างหนัก มีทั้งโทรมาคุกคาม ข่มขู่ ส่งข้อความมาด่า หนักสุดถึงขั้นบอกที่อยู่ของตนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียจนต้องปิดร้านหนี ตนได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้กระทั่งลูกหรือคนรอบข้าง ยอมรับว่ารู้สึกแย่ถึงขั้นคิดสั้น แต่พอเห็นหน้าลูกและลูกเข้ามาให้กำลังใจบอกว่า แม่ไม่เป็นไรนะ ยังมีลูกมีน้องที่อยู่ข้างๆ หากไม่มีแม่แล้วใครจะคอยดูแลส่งเสียให้ลูกได้เรียนหนังสือ 

ทางด้าน พ.ต.อ.ธนูเพ็ชร ฉมาฤกษ์ ผกก.สภ.คลองด่าน กล่าวว่า ในส่วนของคดีเรื่องนี้ ก็จะให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วออกหมายเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำ หากพบความผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนรายใดที่เป็นอวตาร ก็ต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค เข้ามาช่วยเพื่อสืบสวนติดตามตัว มาดำเนินคดีต่อไป พร้อมฝากเตือนหากใครที่ไปทำการละเมิดผู้อื่น นำข้อความอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหาย จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา มีโทษค่อนข้างหนัก.