เพจดังชี้แจง ดราม่าเล่าอุทาหรณ์ เพื่อนร่วมทริปจมน้ำ เสียชีวิต ขณะล่องแก่งน้ำว้า ยืนยันไม่ได้ดึงเกม เพื่อจะเรียกยอดไลค์ เหตุผลที่ลบโพสต์

วันที่ 22 ส.ค. 66 กลายเป็นดราม่าบนโลกโซเชียล จากกรณี นักท่องเที่ยว เที่ยวสะปัน ล่องแก่งน้ำว้า พลัดตกเรือจมเสียชีวิต 1 ราย (อ่านต่อที่นี่) ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ "Palapilii Thailand" ได้โพสต์ข้อความเล่าอุทาหรณ์ จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมีการแก้ไขเป็นข้อความล่าสุด ระบุว่า "แด่... #เพื่อนร่วมทริป 13 สิงหาคม 2566 ล่องแก่งเข้าป่ากัน 11 คน แต่ออกจากป่ามาแค่ 10 คน ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ผมจะ #จำแบบไม่มีวันลืม

เรื่องราวทั้งหมดขออนุญาตญาติผู้จากไป (พี่ชาย) รวมถึงผู้ร่วมเหตุการณ์ในทริปทุกคนแล้ว 

#สรุปการจากไป: เรือติดโขดหิน จะพลิกคว่ำ จึงสละเรือทั้งลำ จากนั้นหายไป หาตัวไม่เจอ จนกระทั่ง ชูชีพและหมวกกันน็อกลอยขึ้นมาเหนือน้ำ แต่ไม่เห็นคน พวกเราค้นหานานกว่า 1 ชั่วโมง และทำใจพายเรือออกจากป่า เพื่อรีบมาแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทีมผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ค้นหากันทั้งวันทั้งคืน จนพบน้องในวันที่ 15 ช่วงเช้า พัดลอยมาไกลจากจุดเกิดเหตุกว่า 8 กิโลเมตร

• ทำไมเห็นน้ำแดงๆ แล้วยังกล้าล่องแก่ง?
: #ฤดูฝนคือฤดูล่องแก่งของที่นี่ครับ อาจจะดูตรงข้ามกับความรู้สึกของคนไม่เคยล่องแก่ง แต่การล่องแก่งกับน้ำสีแบบนี้ ถือเป็นเรื่องปกติครับ

• มีข่าวฝนตก ถนนขาด อาจเกิดน้ำป่า ทำไมยังกล้าลงน้ำกัน?
: เราตรวจสอบกับทางอุทยานฯ แล้ว #มีหนังสือรับรองว่าสามารถทำกิจกรรมได้ ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ครับ

• น้องถอดชูชีพออกตอนล่องแก่งตามข่าวจริงเท็จอย่างไร?
: การันตีว่า ช่วงที่อยู่บนเรือ #ไม่มีการถอดชูชีพออก 1,000,000% ครับ

• แล้วชูชีพกับหมวกหลุดออกมาได้อย่างไร
: #พวกเราก็อยากรู้เหมือนกัน

สุดท้ายไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และไม่มีใครอยากให้เกิด โพสต์นี้อยากให้ทุกคนตระหนักเรื่องความปลอดภัยก่อนทำกิจกรรมเสี่ยงอันตรายทุกกิจกรรม เราทั้ง 10 คนที่เหลือ ตอบไม่ได้เลยว่า ชูชีพหลุดออกมาได้อย่างไร น้ำต้องแรงขนาดไหน หรือเกิดจากอะไร อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์แก่เพื่อนๆ ทุกคนครับ"

...

ทั้งนี้ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป และกลายเป็นประเด็นดราม่า เนื่องจากว่า โพสต์ก่อนหน้านี้ที่มีการถูกแก้ไข มีการโพสต์เล่าเรื่องราวแต่ละช่วงในการล่องแก่ง จนหลายคนมองว่า ไม่ได้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

กระทั่งล่าสุด ทางเพจได้ออกมาชี้แจงอีกครั้งว่า "ก่อนอื่นต้องกราบขอโทษญาติของน้อง คนที่รักน้อง รวมถึงบุคคลรอบข้างทุกท่านที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ผมขอชี้แจงในมุมมองของผมหน่อยนะครับ ผมเข้าใจดีว่าเป็นสิทธิของแต่ละบุคคลที่จะมีมุมมองต่อประสบการณ์แตกต่างกันไป ฉะนั้นผมเองจึงรับฟังความเห็นของทุกคนในมุมมองต่างๆ เช่นกัน

1. แม้ว่าเรื่องราวดังกล่าวจะได้รับอนุญาตให้เผยแพร่จากญาติน้อง (พี่ชาย) ตัวผมเองก็เตรียมใจแล้วระดับหนึ่งในเรื่องความเห็นต่างที่อาจจะก่อให้เกิดดราม่า แต่ชั่งใจแล้วว่าการแชร์ในครั้งนี้ จะมีข้อดีมากกว่าแค่เป็นอุทาหรณ์ ให้กับทั้งตัวผมเองและผู้อ่านได้ตระหนักถึงความปลอดภัยที่สามารถควบคุมได้ รวมถึงอยากออกมาแก้ต่างบทความจากสำนักข่าวบางช่องที่ให้ข้อมูลผิดเพี้ยนไปมาก การโพสต์บอกเล่าเรื่องราวจึงเกิดขึ้น

2. การเล่าเรื่อง ผมตัดสินใจเล่าอย่างละเอียด จึงมีบางตอนของบทความ ติดความสุขและความสนุกในช่วงเวลาดังกล่าวของพวกเราทั้ง 11 คนที่อยู่ในป่าด้วยกันก่อนเกิดเหตุการณ์ฯ อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าผมเองไม่ได้เดือดเนื้อร้อนตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องขออภัยหากมันผิดกาลเทศะ แต่ความตั้งใจอย่างสุดซึ้ง คือการเก็บทุกโมเมนต์ดีๆ ที่ทุกคนต่างยิ้ม หัวเราะ เมื่อเล่ากันในวงกลางป่าช่วงพักกินข้าวที่อยู่กันครบทั้ง 11 คนไว้ในบทความนี้เท่านั้น

3. เหตุผลที่ไม่ได้เล่าครั้งเดียวจบ ตัวผมเองค่อยๆ นึก ค่อยๆ เล่าไปทีละข้อ บวกกับคอนเฟิร์มเหตุการณ์กับเพื่อนในกลุ่มที่เหลือ 10 คน สลับกับทำงานอื่นๆ ส่วนตัว ทั้งเดินทาง ทำธุระอื่นๆ ว่างจึงมาอัปเดต ไม่ได้มีความคิดความตั้งใจจะดึงเกมเพื่อเรียกยอดไลค์ยอดแชร์ตามที่บางคนพูดถึง ซึ่งผมก็เข้าใจในมุมมองของผู้อ่าน มันคิดแบบนั้นได้จริงๆ แต่อยากชี้แจงว่าไม่มีความตั้งใจแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวครับ

4. กรณีที่โพสต์ครั้งที่สอง (ตอนที่สอง) เพียงเพราะมีบางคอมเมนต์ ผู้อ่านบางท่าน หาเนื้อเรื่องลำดับเรียงกันไม่เจอ ด้วยความเป็นห่วงผู้อ่าน ต้องการให้ผู้อ่านสะดวก จึงดึงข้อ 21 เป็นต้นไป มาวางไว้ในโพสต์ที่สองให้ได้หาอ่านง่ายขึ้น เช่นเดิม ตัวผมไม่ได้มีความคิดความตั้งใจจะดึงเกม ทำเป็น Episode เพื่อเรียกยอดไลค์ยอดแชร์ตามที่ทุกคนคิดกัน แต่ผมก็เข้าใจทุกคนและไม่ได้มีความรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจกับข้อตำหนิเหล่านั้น

5. จริงแล้วผมอยากเล่าต่อให้จบ เชื่อว่าแต่ละจุดจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านแน่นอน เพราะมันคือเหตุการณ์จริง การตัดสินใจจริง แต่เหตุผลที่ลบโพสต์ และลบเรื่องราวลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดออกจากโพสต์ที่เหลือ เพราะมีผู้อ่านจำนวนหนึ่ง ไม่ต้องการอ่านเรื่องราวอย่างละเอียด ต้องการทราบเรื่องราวโดยย่อ รวมถึงอุทาหรณ์ในแบบบทสรุป อีกทั้งยังมองว่าผมกำลังนำเรื่องของน้องมาทำคอนเทนต์ เมื่อผู้อ่านกลุ่มนั้นสรุปแล้วว่าผมมีวัตถุประสงค์ไปในทิศทางนั้น ซึ่งไม่ใช่ความตั้งใจและเจตนาของผมตั้งแต่ต้น ผมจึงตัดสินใจลบ เพื่อปกป้องตัวผม น้องผม และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ต้องขออภัยสำหรับผู้อ่านที่ตั้งใจอยากจะอ่านต่อด้วย

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญอีกชิ้นหนึ่งในชีวิตของผม ผมเสียใจกับการจากไปของน้อง ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กราบขอโทษญาติของน้อง ผู้ที่รักน้อง และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านอีกครั้ง รวมถึงขอบคุณทุกท่านที่หวังดีและคอยตักเตือนผมในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ขอบคุณคนที่เข้าใจผมด้วยนะครับ สุดท้ายขอให้ทุกท่านเดินทางกันอย่างมีสติ และอย่าลืมตระหนักถึงความปลอดภัยที่เราสามารถควบคุมได้ทุกครั้งก่อนเดินทางหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงทุกชนิด แล้วเจอกันระหว่างทางครับ"

ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ ชีวิตติดคอนเทนต์เกินไปค่ะ, เข้าใจเจตนาค่ะ และขอส่งกำลังใจให้นักเดินทางทุกคนค่ะ, ในเนื้อหาที่เขียน มันผิดกาลเทศะ มันไม่เศร้า มันไม่สลด เพื่อนตกน้ำก็ยังตื่นเต้นอยู่ เพื่อนร่วมทริปเสียชีวิตก็ยังโพสต์แบบผจญภัยให้คนติดตาม ติดทำคอนเทนต์จัดจนมันไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่ในใจเลย, ตามมาจากมาทวิต ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเพจนี้ถึงโดนดราม่า ทุกอย่างคือคอนเทนต์สินะ ฯลฯ.

ที่มาจาก เฟซบุ๊กเพจ Palapilii Thailand

(ติดตาม ข่าวในกระแส ทั้งหมดที่นี่)