โศกนาฏกรรมเขย่าขวัญ เพลิงนรกโหมไหม้ “เมาน์เท่น บี” ผับเปิดใหม่ใหญ่เบิ้มในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จู่ๆมีเสียงระเบิดดังสนั่นใกล้บูธดีเจ ประกายไฟลามไหม้ฉนวนกันเสียงแล้วลุกพรึบรวดเร็ว เปลวไฟแดงฉานสูงท่วมหลังคา นักเที่ยวกว่า 100 ชีวิต วิ่งฝ่าทะเลเพลิงหนีตายโกลาหล มีเหยื่อถูกย่างสดรวม 14 ศพ เจ็บอีกกว่า 40 คน อาการโคม่า 20 ราย ตำรวจสั่งปิดห้ามเข้าอาคารหวั่นทรุดตัว พร้อมเร่งตรวจสอบหาสาเหตุ “อธิบดีกรมการปกครอง” เด้งฟ้าผ่า “นายอำเภอสัตหีบ” เซ่นเหตุการณ์ “มท.1” จี้ผู้เกี่ยวข้องหาตัวคนรับผิดชอบ “บิ๊กตู่” สั่งผู้ว่าฯทั่วประเทศ อย่าให้มีเหตุซ้ำรอยแบบ “ซานติก้า ผับ” เช่นนี้อีก
...
โศกนาฏกรรมสยองที่เกิดจากความประมาทเลินเล่อและเห็นแก่ได้ของนายทุนเจ้าของกิจการ ก่อสร้างดัดแปลงอาคารไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีระบบป้องกันอัคคีภัย และไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีเพียงพอ แต่ยังฝืนเปิดให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต กระทั่งเกิดเพลิงไหม้ผับ Mountain B (เมาน์เท่น บี) สถานบันเทิงเปิดใหม่ชื่อดังในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซ้ำรอย “ซานติก้า ผับ” ย่านเอกมัย กรุงเทพฯ ที่คร่าชีวิตนักเที่ยวถึง 67 ศพ สร้างความโศกเศร้าสะเทือนใจให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ขณะที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบเข้มงวด ทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคมในภาพรวม
เพลิงไหม้ผับ “เมาน์เท่น บี” วอด
เพลิงนรกโหมไหม้สถานบันเทิงชื่อดัง คร่าชีวิตนักเที่ยวราตรีนับสิบศพครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลาเกือบตี 1 วันที่ 5 ส.ค. ขณะที่นักเที่ยวชายหญิงหลากวัยนับ 100 ชีวิต กำลังดื่มกิน เต้นตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนานในผับ Mountain B (เมาน์เท่น บี) เลขที่ 2/51 ตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 99 (ซอยเขาตาหมอน) ถนนสุขุมวิท (บางนา-ตราด) หมู่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จู่ๆได้เกิดเหตุระทึกขวัญ เมื่อมีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง พร้อมประกายไฟบริเวณเพดานใกล้บูธดีเจ ต่อมามีเปลวเพลิงลุกลามไปติดผนังโฟมซับเสียงที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี มีกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งอย่างรวดเร็ว สร้างความแตกตื่นตกใจให้บรรดานักเที่ยว พากันวิ่งกรูมายังประตูทางออกด้านหน้าเพื่อหนีตาย จากนั้นได้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นอีก 2 ครั้ง แรงอัดระเบิดส่งผลให้กระจกประตูแตกกระจาย มีเปลวเพลิงแดงฉานโหมไหม้รุนแรงหนักขึ้น
นักเที่ยววิ่งหนีตายอลหม่าน
ระหว่างนั้นนักเที่ยวชายหญิงบางส่วน ได้วิ่งหนีตายออกมายืนออกันบนลานกว้างด้านหน้าร้าน ขณะที่ภายในร้านกลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตา เปลวไฟร้อนระอุลุกลามพุ่งสูงท่วมหลังคา นักเที่ยวชายหญิง 3-4 คนที่ยังติดค้างอยู่ในร้าน ตัดสินใจวิ่งฝ่าเปลวเพลิงออกมาทางประตูหน้าที่มีเพียงประตูเดียว แต่ละคนอยู่ในสภาพมีไฟลุกไหม้ติดเสื้อผ้าจนขาดวิ่น ผิวหนังพุพองเพราะถูกไฟคลอกร่างย่างสดทั้งตัว กลิ่นเนื้อไหม้ไฟเหม็นคลุ้ง แต่ยังฝืนวิ่งต่อไปด้วยความตกใจ กระทั่งพลเมืองดีช่วยนำผ้ามาคลุมตัวดับไฟ บางคนต้องทิ้งตัวลงนอนกลิ้งกับพื้นเพื่อดับไฟ พร้อมส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด นักเที่ยวหลายคนที่หนีเปลวไฟออกมาได้ทันยังมีอาการสำลักควันหายใจไม่ออก สถาน การณ์สับสนอลหม่าน เสียงร้องไห้สลับเสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนเรียกเพื่อนและคนรู้จักดังระงม

รถดับเพลิง 20 คันระดมฉีดน้ำ
ต่อมา พ.ต.อ.วุฒิพงศ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง ร.ต.อ.บุญส่ง ยิ่งยง รอง สว.(สอบสวน) สภ.พลูตาหลวง นายกัณฑ์พงษ์ สุวรรณปทุมเลิศ ปลัดอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่แทน นอภ.พลูตาหลวง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมาน์เท่น บี ผับ รีบระดมรถดับเพลิงหลายหน่วยงานกว่า 20 คัน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนฯ สัตหีบมาที่เกิดเหตุพบเป็นอาคารชั้นเดียวหลังใหญ่ ปลูกสร้างในเนื้อที่กว่า 3 ไร่ เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ภายในตัวอาคารอย่างรุนแรง ด้านหน้ามีนักเที่ยวหลายสิบคนอยู่ในอาการแตกตื่นตระหนก มีผู้ถูกไฟลวกบาดเจ็บสาหัสหลายราย เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาล แล้วนำตัวส่ง รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ สัตหีบ ส่วนการควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากในตัวอาคารมีวัสดุติดไฟได้ง่าย โดยเฉพาะโฟมซับเสียงที่ติดไว้บนผนัง ทำให้เพลิงลามไปทั่วตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำนานกว่า 2 ชั่วโมง ควบคุมเพลิงไว้ได้ ตำรวจสั่งผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากนอกพื้นที่เพราะหวั่นอาคารทรุดตัว
ย่างสดร่างเกรียมคาที่ 13 ศพ
ภายหลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ภายในอาคาร พบภาพที่น่าสลดใจ มีร่างผู้เสียชีวิตนอนตายกองรวมกันบริเวณประตูทางออก 4 ศพ ในห้องน้ำชาย 3 ศพ หลังบูธดีเจ 1 ศพ ในเคาน์เตอร์แคชเชียร์ 2 ศพ บริเวณหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ 3 ศพ แต่ละศพถูกไฟไหม้เกรียมจำสภาพเดิมไม่ได้ รวมมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 13 ศพ เป็นชาย 9 ศพ หญิง 4 ศพ ส่วนผู้บาดเจ็บรวม 18 คน เป็นชาย 13 คน หญิง 5 คน อาการสาหัสถูกไฟลวกตัวกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ รวม 8 คน ที่เหลือมีอาการสำลักควัน และบาดเจ็บจากการวิ่งเบียดเสียดกันออกมา ลำเลียงส่งโรงพยาบาลในพื้นที่
กัปตันอ้างไฟไหม้บนเพดาน
เวลา 03.20 น. พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมร่วมสอบปากคำ น.ส.ธัญญาภัทร์ ศรสุวรรหิรัญ อายุ 26 ปี กัปตันผับดังกล่าว ให้การอ้างว่าเห็นไฟเริ่มลุกไหม้บริเวณเพดานหลังคา ก่อนจะลุกลามไปทั่วอาคารอย่างรวดเร็ว ตนได้ตะโกนบอกการ์ดของร้าน ให้พยายามผลักดันลูกค้าออกหน้าร้าน แต่เพลิงลุกลามเร็วมากและมีกลุ่มควันหนาทึบมองอะไรไม่เห็น ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนฯ สัตหีบที่เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทีมแรกให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตอนมาถึงพบเพลิงกำลังลุกไหม้บริเวณหลังคา เปลวเพลิงพุ่งสู่ชั้นอากาศสูงกว่า 5 เมตร คนเจ็บหลายสิบคนพยายามวิ่งกรูกันออกมา รีบลำเลียงคนออกจากที่เกิดเหตุ และแจ้งระดมรถดับเพลิงมาระงับเหตุ
พยานยันมีเสียงระเบิดรุนแรง
นายจิรภัทร ธุระพันธ์ อายุ 51 ปี 1 ในผู้รอดชีวิตเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงที่ดนตรีกำลังเล่น ขณะนักเที่ยวกำลังเต้นกันเมามันอยู่นั้น ได้เกิดเพลิงลุกไหม้มาจากบริเวณฝ้าเพดาน ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังขึ้น 2-3 ครั้งติดต่อกัน แรงระเบิดได้อัดประตูกระจกทางเข้าที่มี 2 ชั้นแตกละเอียด ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีหลายราย จากนั้นมีเพลิงโหมไหม้เร็วมาก ไฟคลอกร่างนักเที่ยวที่พยายามตะเกียกตะกายหนีออกมาด้านนอกจนได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเช่นกัน
ผับมรณะเปิดได้ 2 เดือนเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานบริการแห่งนี้เป็นผับเปิดใหม่ เพิ่งเปิดได้เพียง 2 เดือนเศษ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน เป็นสถานบันเทิงที่กลุ่มวัยรุ่นสัตหีบกำลังให้ความนิยมเที่ยวเป็นอย่างมาก มีทายาทเจ้าของธุรกิจหลายอย่างในพื้นที่เป็นเจ้าของ ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่นักเที่ยวกำลังสนุกกับเสียงเพลงจนไม่มีใครทันตั้งตัว พอเห็นแสงไฟต่างพากันหนีตาย วิ่งเบียดกันออกทางประตูหน้าล้มลุกคลุกคลานจนเหยียบกันทุลักทุเล และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งแรกของเมืองสัตหีบด้วย
รายชื่อ 14 เหยื่อเซ่นเพลิงนรก
เวลา 05.00 น. หลังเคลียร์พื้นที่ภายในร้านเสร็จสิ้นไม่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 13 ศพ ทราบชื่อ 1.นายวรากุล จำรัส อายุ 32 ปี 2.นายสมรัฐ หินเธาว์ อายุ 31 ปี 3.นายกรวิทย์ เม็งคำมี อายุ 17 ปี 4.นายสุรกานต์ เรืองฤทธิ์ อายุ 35 ปี 5.น.ส.ณัฐธิดา ม่วงธิมา อายุ 28 ปี 6.นายเจษฎาภรณ์ ปิ่นอนงค์ อายุ 20 ปี 7.นายวิริยะ แต่งสง่า อายุ 31 ปี 8.น.ส.พรหมพร พูลสวัสดิ์ อายุ 18 ปี 9.น.ส.วาทินี หุยทุมาล อายุ 19 ปี 10.น.ส.สวิตตา จันทา อายุ 39 ปี แคชเชียร์ 11.นายฉัตรชัย ชื่นค้า อายุ 30 ปี นักร้องประจำผับ 12.นายณัฐกร มีชำนาญ อายุ 49 ปี 13.นายรังสิมันต์ วนิชโรจนาการ อายุ 30 ปี มือคีย์บอร์ด ต่อมาในช่วงเช้า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มที่ รพ.สมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ฯอีก 1 ศพ ทราบชื่อนายสุเทพ มงคลแก้ว อายุ 33 ปี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี สั่งการให้ส่งศพทั้งหมดให้สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ชันสูตรพลิกศพและตรวจอัตลักษณ์บุคคล ก่อนมอบให้ญาติไปบำเพ็ญกุศล

บาดเจ็บ 41 คน สาหัส 14 คน
ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี ยืนยันรายชื่อผู้บาดเจ็บ รวม 37 คน ยังไม่ทราบชื่อ 4 คน รวมผู้บาดเจ็บ 41 คน รักษาตัวอยู่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จำนวน 23 คน อาการสาหัส 14 คน รพ.วัดญาณสังวรารามฯ เจ็บเล็กน้อย 2 คน รพ.กรุงเทพพัทยา เจ็บเล็กน้อย 2 คน และ รพ.จอมเทียน เจ็บเล็กน้อย 1 คน รพ.สัตหีบ กม.10 มีผู้รักษาตัว 9 คน ชาย 7 คน หญิง 2 คน ต่อมานำคนเจ็บสาหัส 1 คน ส่งต่อ รพ.เมืองชลบุรี
โวยผับให้โจ๋ 17 ปีเข้าใช้บริการ
บรรยากาศที่ รพ.สัตหีบ กม.10 ญาติทยอยมาดูศพด้วยความโศกเศร้า นายฤทธิชัย ทรัพย์สิน อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มของ น.ส.สวิตตา จันทา อายุ 39 ปี แคชเชียร์ประจำผับ เล่าว่า เวลาประมาณตี 2 หลังดูหนังจบพยายามติดต่อแฟนสาว ทั้งโทร.และส่งข้อความทางไลน์ แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ รู้สึกเอะใจ สักพักเพื่อนโทรศัพท์มาแจ้งว่าผับที่แฟนสาวทำงานไฟไหม้ รีบออกจากบ้านมาดูพบว่าแฟนเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้ รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ผับดังกล่าวควรมีมาตรการป้องกันที่ดีกว่านี้ คิดว่าผู้บริหารอาจยังไม่มีประสบการณ์มากนักเพราะเป็นผับเปิดใหม่ ต่อมานางทองสา ผมเพชร อายุ 67 ปี ผู้เป็นยาย มาดูศพนายกรวิทย์ เม็งคำมี อายุ 17 ปี หลานชาย พอเห็นศพหลานถึงกับร่ำไห้เป็นลมล้มพับ กอดร่างหลานพร้อมทั้งต่อว่าพนักงานของผับว่า “ทำไมถึงปล่อยให้เด็กอายุ 17 ปี เข้าไปใช้บริการ”
ห้ามเข้า พท.หวั่นอาคารทรุดตัว
เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์จุดเกิดเหตุภายหลังเพลิงสงบลงแล้ว เบื้องต้นตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่รอบตัวอาคาร ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เพื่อป้องกันอันตรายหากอาคารพังถล่ม เนื่องจากตัวอาคารได้รับความเสียหายหนัก โครงสร้างหลังคาทรุดตัว จากการตรวจสอบอาคารดังกล่าว พบก่อสร้างด้วยปูน เป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงลึก หน้ากว้างราว 20 เมตร ยาวกว่า 30 เมตร สูงราว 5-6 เมตร หลังคามุงด้วยเมทัลชีท ผนังอาคารบุอัดโฟมป้องกันเสียง มีประตูทางเข้าด้านหน้าชั้นแรกเป็นกระจกบานคู่ ชั้นที่ 2 เป็นประตูปิดเปิดบานเดียวคล้ายประตูห้องน้ำ และตัวอาคารด้านขวามีประตูบานเลื่อนไว้เก็บสินค้า สภาพภายในร้านได้รับความเสียหายทั้งหมด
ไฟปะทุอีกจากฉนวนกันเสียง
เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี นายสัณฐิติ ธรรมใจ หน.ปภ.จ.ชลบุรี นายสมพจน์ กวางแก้ว รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 จ.ชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในและภายนอกอาคาร เพื่อหาต้นตอของสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ ตลอดจนดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีความผิดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ กล่าวว่าจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุทั้งหมดพบว่าเกิดการไหม้ทั่วบริเวณภายในร้าน ส่วนของโครงสร้างและฝ้าเพดานไม่มั่นคงแข็งแรง ได้จำกัดคนเข้าออกเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อไม่ให้ได้รับอันตราย ขณะตรวจสอบยังมีเพลิงปะทุขึ้นมาจากบนหลังคา เป็นจุดที่บุฉนวนกันเสียง สามารถก่อให้เกิดเปลวไฟขึ้นมาได้อีก เนื่องจากเป็นสารไวไฟ
ดัดแปลงร้านอาหารเป็นผับ
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนการขออนุญาต ทราบว่า ได้ขออนุญาตก่อสร้างเป็นร้านอาหารเพื่อการจำหน่ายสุรา อยู่ในพื้นที่ 1 งานเศษ แต่จากการตรวจสอบร่วมกับกรมช่างโยธาพบว่า หลังจากการขออนุญาตแล้ว ได้ดัดแปลงสถานที่เป็นแบบปิด ขณะที่แบบทางเข้า-ออก และทางหนีไฟยังมีปัญหาอยู่ และไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการผับ/บาร์ ถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนทางเข้า-ออกของผู้มาใช้บริการ พบเพียงการใช้ประตูด้านหน้าช่องทางเดียว อีกทั้งสถานที่นี้ยังเปิดเกินเวลา เคยมีผู้ร้องเรียนเรื่องของการส่งเสียงดังเข้าไปแล้ว ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงขอให้รอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานสรุปผล เพื่อที่จะยืนยันตามหลักวิทยาศาสตร์
ผช.ผบ.ตร.สั่งเช็กคนมีสีเอี่ยว
ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการสอบสวน ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความปลอดภัยของ สถานที่ เช่น ประตูหนีไฟ เบื้องต้นทราบว่าประตูหนีไฟถูกปิดล็อก มีความผิดชัดเจน จะเร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ส่วนข้อมูลเรื่องคนมีสีมีเอี่ยวหรือปล่อยปละละเลยในการตรวจสอบ จะทราบผลในเร็ววันนี้ ยืนยันว่าในพื้นที่ใครเกี่ยวข้องหรือทำความผิดต้องรับผิดชอบ จะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต สามารถแจ้งดำเนินคดีทางแพ่งได้ ส่วนความผิดอื่นต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
อธิบดี ปค.เซ็นเด้ง นอภ.สัตหีบ
วันเดียวกัน กรมการปกครองได้ออกหนังสือด่วน เลขที่ 1441/2565 เรื่องให้ข้าราชการช่วยราชการ เพื่อประโยชน์ของทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 จึงให้ว่าที่พันตรี ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน ตำแหน่งนายอำเภอ (ผู้อำนวยการสูง) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ช่วยราชการที่กรมการปกครอง โดยมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ที่วิทยาลัยการปกครอง เป็นการประจำ ทั้งนี้ ตั้งแต่ 5 ส.ค.65 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 5 ส.ค.65 ลงนาม นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง
ผู้ว่าฯสั่งตั้งศูนย์เยียวยาเหยื่อ
ขณะเดียวกัน นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.ชลบุรี มอบหมายให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี (ปภ.) ตั้งศูนย์บัญชาการในที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าเป็นอุบัติภัยตามกฎของกระทรวงมหาดไทย จะมีงบช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้บาดเจ็บรายละ 4,000 บาท บาดเจ็บจนพิการรายละ 13,300 บาท และเสียชีวิตจะได้รายละ 29,700 บาท หากผู้เสียชีวิตเป็นผู้นำครอบครัว จะได้เงินทวีคูณ 2 เท่า เป็น 59,400 บาท นอกจากนี้ยังมีงบของอำเภอ และเทศบาลในพื้นที่เพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียในครั้งนี้ด้วย
สาวเข้าห้องน้ำไฟคลอกดับ
เวลา 14.00 น. ผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้เมาน์เท่น บี ผับ 2 คน คือ นายชลิต โชติศุภกานต์ อายุ 48 ปี ถูกไฟคลอกกลางแผ่นหลัง ใบหู และศีรษะ และน.ส.ณัฎฐนิช พิกุล อายุ 29 ปี ถูกไฟคลอกลำคอ ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และหน้าแข้งซ้าย ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เดินทางมาลงรายชื่อขอรับการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย น.ส.ณัฎฐนิชเล่านาทีหนีตายออกจากผับนรกว่า ก่อนเกิดเหตุ นักร้องกำลังแสดงบนเวที ทุกคนในผับกำลังสนุกเฮฮา พอหันไปเห็นทางด้านซ้ายมือ บริเวณลำโพงมีเสียงดัง “แปะ” 1 ครั้ง จากนั้นมีเปลวไฟพุ่งออกมา ก่อนไฟจะไหม้และลุกลามเป็นไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นกลุ่มพวกตนเต้นอยู่หน้าเวที พากันวิ่งหนีตายกันออกมา พวกตนมากัน 4 คน รอดเพียง 3 คน มีรุ่นพี่ 1 คนไม่รอด เพราะช่วงเกิดเหตุเดินไปเข้าห้องน้ำเลยหนีออกมาไม่ทัน ถือเป็นความเศร้าใจครั้งใหญ่ในชีวิต
ดีเจผับเล่านาทีระทึกหนีตาย
นายสิทธิชัย ช่างทอง อายุ 36 ปี ดีเจผับเมาน์เท่น บี ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่านาทีระทึกว่าก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงพักเบรก ปกติตนจะเข้าห้องน้ำในร้าน แต่ไม่รู้อะไรดลใจเลยเดินมาเข้าห้องน้ำด้านนอกร้าน เมื่อเสร็จธุระได้กลับเข้ามานั่งคอยขึ้นทำงานที่โต๊ะหน้าร้าน ขณะนั้นวงดนตรีกำลังแสดงสด มีนักเที่ยวกว่า 100 คน จู่ๆการ์ดของร้านวิ่งออกมาตะโกนบอกว่าให้รีบหนีออกด้านนอก และได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจากภายในร้าน ตนรีบวิ่งออกมารอดชีวิตหวุดหวิด
แม่นักร้องเศร้าสูญเสียลูกชาย
นางเปรมใจ แซ่อึ้ง มารดาของนายฉัตรชัย ชื่นค้า นักร้องผับที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ลูกชายจะเดินสายร้องเพลงตามสถานบันเทิงต่างๆ แต่ส่วนใหญ่เป็นร้านเปิดโล่ง ส่วนผับที่เกิดเหตุมีลักษณะปิดทึบ ทราบจากเพื่อนผู้ตายเล่าว่า ผู้ตายกำลังร้องเพลงอยู่ก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้นบริเวณด้านหลังเวที เป็นเหตุให้ออกมาไม่ทัน ขณะนี้ศพของบุตรชายได้นำส่งสถาบันนิติเวชแล้ว ลูกชายถือเป็นกำลังหลักของครอบครัว เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ
ส่งผู้ป่วยโคม่าเข้า รพ.ใน กทม.
เวลา 17.00 น. นพ.อภิรัต กตัญญุตานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี พร้อมคณะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนเปิดเผยว่า ล่าสุดมีผู้บาดเจ็บ 38 ราย เสียชีวิต 14 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนัก มี 20 ราย ทั้งใส่เครื่องช่วยหายใจและแผลไฟไหม้ ส่วนใหญ่จะเข้ารักษาตัวที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ฯ แต่ขณะนี้พบว่าการรักษาพยาบาลเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะสถานที่รวมถึงแพทย์เฉพาะทางมีไม่พอเพียงต่อความต้องการ ได้ประสานโรงพยาบาลเครือข่ายของกระทรวงสาธารณสุข และกรมแพทย์ เพื่อส่งตัวผู้บาดเจ็บอาการหนักไปรักษาตัวรวม 12 ราย อาทิ รพ.รามา รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯ รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน โรงพยาบาลเหล่านี้มีแพทย์เฉพาะทางดูแลได้
ศพไฟไหม้ติดเชื้อโควิด 1 ราย
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เวลา 17.04 น. รถตู้มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน สัตหีบ 5 คัน นำร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ผับดังกล่าว มาส่งให้แพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ก่อนส่งมอบให้ญาติ นายสินชัย เต่าสา อาสามูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน สัตหีบ รหัส 144 เปิดเผยว่า นำร่างผู้เสียชีวิตมายังสถาบันนิติเวชวิทยา 13 ศพ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ด้วย 1 ศพ เบื้องต้นผู้เสียชีวิต 10 ราย สาเหตุมาจากการถูกไฟไหม้ ส่วนอีก 3 รายเสียชีวิตภายในห้องน้ำ สาเหตุมาจากการสำลักควัน ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตรายที่ 14 ไม่ได้ถูกนำมาตรวจเอกลักษณ์บุคคลที่สถาบันนิติเวช เนื่องจากไม่ใช่ผู้ที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุและสามารถระบุตัวบุคคลได้ชัดเจน
เร่งพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล
พ.ต.อ.พงศกร ฐิตโชติ นายแพทย์ (สบ.5) หัวหน้ากลุ่มงานตรวจพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคล สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ชี้แจงการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลกรณีมีผู้เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ผับ “เมาน์เท่นบี” จ.ชลบุรี ว่า เมื่อศพมาถึงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดในภารกิจของสถาบันนิติเวชวิทยา นอกจากจะหาสาเหตุการเสียชีวิตของผู้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว จะต้องพิสูจน์เอกลักษณ์ให้ได้ว่าผู้ตายเป็นบุคคลเหล่านั้นจริงหรือไม่ ก่อนส่งมอบร่างคืนให้ญาติ ในกรณีที่จะต้องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล จะต้องอาศัยข้อมูลทางทันตกรรม ต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้คือหมอฟันจาก รพ.ตำรวจเข้ามาช่วยตรวจพิสูจน์ทั้งในเรื่องการพิมพ์ฟัน เอกซเรย์ฟัน และต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ หากศพมาถึงบ่ายนี้และไม่ล่าช้ามาก จะพิจารณาตรวจพิสูจน์ภายในวันนี้ และหากพิจารณาแล้วว่ากระบวนการทำงานอาจจะช้าจะเริ่มตรวจพิสูจน์อย่างช้าในวันที่ 6 ส.ค.ในเวลา 09.00 น.

ตรวจหาสารพิษในร่างกาย
พ.ต.อ.พงศกรกล่าวต่อว่า กรณีศพที่เสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติปริมาณมากในครั้งนี้ จะตั้งกรรมการมาพิสูจน์โดยเฉพาะอีกชุดหนึ่ง ประกอบด้วย แพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ ช่างภาพ นักวิทยาศาสตร์ ตำรวจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งตรวจ 11 ศพที่ทราบตัวแล้ว เพื่อหาสารพิษ แอลกอฮอล์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด ที่เป็นสารพิษทำให้เลือดแข็งตัว ภายใน 1-2 วันจะส่งมอบร่างคืนให้กับญาติไปบำเพ็ญกุศลได้ ส่วนอีก 2 ศพที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวบุคคลได้จะประสาน สภ.พลูตาหลวง ค้นหารายชื่อบุคคลสูญหาย และพิสูจน์ตัวบุคคล ก่อนเชิญญาติมาเทียบเคียงดีเอ็นเอ และหากมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมจากเหตุการณ์นี้ ควรส่งศพมาให้นิติเวชฯ เพื่อเป็นแนวทางเดียวให้กับพนักงานสอบสวนทำสำนวนคดี ส่วนการเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้มี 3 สาเหตุหลักคือ สำลักควันไฟ ร่างกายถูกไฟไหม้ และอวัยวะได้รับบาดเจ็บจากการถูกของแข็งกระแทก เช่น การถูกเสา หรือสิ่งของขนาดใหญ่ล้มทับระหว่างหลบหนี
มท.1 จี้หาตัวคนรับผิดชอบ
ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลกรมการปกครอง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้ผับ เมาน์ เท่นบี ว่า การดำเนินการไม่น่าจะถูกต้อง เพราะไม่ได้รับอนุญาต ฉะนั้น จะต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าใครรับผิดชอบอะไรอย่างไร เนื่องจากอยู่ในพื้นที่โซนนิงไม่ให้มีสถานบันเทิง รวมไปถึงสถานประกอบการดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตและยังไม่นับว่าในการขออนุญาตท้องถิ่นนั้นถูกต้องหรือไม่ ทั้งในเรื่องรูปแบบอาคาร เพราะอาคารที่ให้บริการประเภทนี้ วัสดุการก่อสร้างต้องกำหนดว่าเป็นวัสดุประเภทใด ระบบควบคุมอาคาร รวมไปถึงช่องทางการหนีไฟ มีรายละเอียดอีกมาก ขอให้ไปดูว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรใครต้องรับผิดชอบ
“บิ๊กตู่” ชี้กระทบความเชื่อมั่น ตป.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้ผับเมาน์เท่นบี ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปสำรวจความเสียหาย ดูแลผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รัฐบาลเสียใจกับผู้ที่สูญเสีย เราต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ เพราะภาพเหล่านี้ออกไปต่างประเทศ จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นหายไปเยอะไปพอสมควร ได้สั่งการไปแล้วกับทุกหน่วยงานต้องหาตัวผู้รับผิดชอบ หาสาเหตุและดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด
สั่งทุกจังหวัดอย่าให้ซ้ำรอย
“เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วใน กทม.กับซานติก้าผับ เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกัน ฉะนั้น เป็นสิ่งที่เราต้องร่วมมือกัน ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อกฎหมายทุกประการในการที่จะตกแต่งประดับอะไรต่างๆก็ตาม ประตูหนีไฟประตูเข้าออก มีระเบียบอยู่แล้ว แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร นายกฯให้ความสำคัญเรื่องนี้ เมื่อเช้าได้ย้ำไปกับตำรวจ เจ้าหน้าที่ และกระทรวงมหาดไทย ผวจ.ทุกจังหวัดว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก” ผู้สื่อข่าวถามว่า พื้นที่นี้ห้ามเปิดผับใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า กำลังให้ตรวจสอบอยู่ โดยกระทรวงมหาดไทย จะต้องตรวจสอบหมดทั่วประเทศ นายกฯกล่าว

ลืออาถรรพณ์หมายเลข 13
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ผับในครั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า คล้ายกับเหตุการณ์ในอดีตคือเหตุเพลิงไหม้ “ซานติก้า ผับ” ย่านเอกมัย กรุงเทพฯ ขณะที่โลกออนไลน์พูดถึงอาถรรพณ์เลข 13 ที่เป็นเลขแห่งความโชคร้าย เริ่มจากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ถูกไฟคลอกตายในที่เกิดเหตุ 13 ศพ รวมถึงวันที่เกิดเหตุ วันที่ 5 เดือน 8 รวมกันแล้วได้เลข 13 พร้อมยังจับตาไปที่ป้ายด้านบนทางเข้าผับ “MOUNTAIN B” เนื่องจากอักษรตัว B ลักษณะเหมือนเลข 13 อีกทั้งยังมีคลิปวีดิโอเปิดตัวผับแห่งนี้ที่โพสต์โปรโมตไว้ในเพจของร้านเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในคลิปดังกล่าวได้ถ่ายทอดเปลวไฟ ลักษณะให้ไฟลามไหม้ด้วย ขณะที่ความเชื่อของคนบางกลุ่มมองว่าเป็นความบังเอิญที่เหมาะเจาะ และเป็นแรงอาถรรพณ์จากเลข 13 ในคืนวันพระ
สยองย้อนรอย “ซานติก้า ผับ”
ผู้สื่อข่าวได้ย้อนรอยเหตุการณ์เพลิงไหม้อดีตผับหรู “ซานติก้า ผับ” ย่านเอกมัย กรุงเทพฯ ว่า เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ส่งท้ายปี 2551 เกิดขึ้นลางดึกวันที่ 31 ธ.ค. คืนเคาต์ดาวน์สู่ปีใหม่ 1 ม.ค.52 หลังการแสดงของ “วงเบิร์น” จบลง ได้มีการจุดพลุสเปเชียลเอฟเฟกต์ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น นักเที่ยวหลายสิบคนล้มทับกันหน้าประตูทางออก รวมมีผู้เสียชีวิต 67 ศพ เจ็บสาหัส 45 คน เจ็บเล็กน้อย 72 คน ผู้เสียหายได้ฟ้องร้องเจ้าของสถานบันเทิงทั้งแพ่งและอาญา ต่อมาศาลฎีกาสั่งจำคุกนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว ผู้บริหารซานติก้า ผับ 3 ปี ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และนายบุญชู เหล่าสีนาท กรรมการบริษัทโฟกัสไลท์ฯติดตั้งเอฟเฟกต์ พร้อมให้ชดใช้เงินญาติคนตายและบาดเจ็บ ศาลระบุว่า พื้นที่ของซานติก้า ผับ จุคนได้เพียง 500 คน แต่ในวันเกิดเหตุกลับให้นักเที่ยวเข้าไปสูงถึง 1,200 คน อีกทั้งยังไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ ระบบแจ้งเตือนไฟไหม้ และไม่มีระบบดับเพลิงอัตโนมัติ