ถึงยานอวกาศแคสสินีขององค์การนาซา ที่ส่งไปโคจรสำรวจรอบดาวเสาร์และดวงจันทร์บริวารจะอวสานตัวเองไปแล้ว แต่ข้อมูลที่ยานเก็บรวบรวมได้อย่างมหาศาลกำลังทยอยออกมาเรื่อยๆ ล่าสุด นักวิสำรวจทยาศาสตร์ได้ใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ในช่วง 13 ปีมาสร้างภาพดวงจันทร์เอนเซลาดัส บริวารของดาวเสาร์

นักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลโครงการแคสสินีค้นพบในปี พ.ศ.2548 ว่าเอนเซลาดัสมีลักษณะเหมือนก้อนหิมะสีขาว ความสว่างสะท้อนแสงสูงส่งออกมาจากผลึกน้ำแข็งจำนวนมหาศาลและไอจากมหาสมุทรที่อยู่ใต้เปลือกน้ำแข็ง แผนที่สเปกตรัมใหม่แสดงให้เห็นว่าสัญญาณอินฟราเรดมีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับกิจกรรมทางธรณีวิทยาบนเอนเซลาดัส สามารถมองเห็นได้ง่ายที่ขั้วใต้ ตรงจุดที่เรียกว่า “ลายเสือ” ที่มีการพ่นน้ำแข็งและไอออกมาจากมหาสมุทรที่อยู่ข้างใต้ แต่อินฟราเรดก็บ่งชี้สิ่งที่ปรากฏในขั้วเหนือเช่นกัน ว่าขั้วเหนือถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งสดใหม่ และมีกิจกรรมทางธรณีวิทยาแบบเดียวกัน เป็นการกลับตัวของภูมิทัศน์เกิดขึ้นในทั้ง 2 ขั้ว การผลัดพื้นผิวทางขั้วเหนืออาจเกิดจากไอที่พ่นออกมาเป็นน้ำแข็งผ่านรอยแตกในเปลือกของดวงจันทร์ โดยขึ้นมาจากมหาสมุทรใต้พื้นผิวจนทะลุถึงผิวชั้นนอก

ทั้งนี้ ภาพประกอบใหม่เหล่านี้สร้างขึ้นจากเครื่องตรวจจับคลื่นในช่วงแสงที่มองเห็นได้และรังสีอินฟราเรด (Visible and Infrared Mapping Spectrometer-VIMS) ที่ถ่ายภาพและวิเคราะห์ความถี่แสงทั่วพื้นที่อย่างละเอียดมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาของดวงจันทร์เอนเซลาดัส.

(ภาพ : Credit : NASA/JPL-Caltech/University of Arizona/LPG/CNRS/University of Nantes/Space Science Institute)