สำนวนรงค์ วงษ์สวรรค์ เรียกบ้านเมืองที่พัฒนาเต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้าว่า “ป่าคอนกรีต” เด็กๆในเมืองวันนี้จึงแทบจะไม่รู้จักกา เพราะธรรมชาติของกาอาศัยอยู่ในป่าหรือในดงไม้
เด็กบ้านนอกรุ่นผมเคยมีบทร้องเล่น “กากา ได้ลูกมันมา เอายัดใส่พก มันได้ลูกนกเอามาโยนเล่น อ้ายพ่อมันเต้น อีแม่การำ อีกาหน้าดำ เขาจำหน้าได้”
ร้องๆกันไปพอเข้าใจความหมาย “อีกาหน้าดำ เขาจำหน้าได้” เป็นสำนวนที่ใช้เปรียบเปรย เมื่อเห็นใครที่เคยรู้จักคุ้นเคย แต่ห่างไกลไปนานแล้วกลับมาพบกันอีกครั้ง
มีคนมากมายฝากอนุสรณ์ไว้ด้วยการสร้างวัด...เรื่องของวัดใหม่ยายแฟง...ย่านพลับพลาไชยยังเล่ากันถึงวันนี้
ยายแฟงสมัยรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 เรียก “แม่แฟง” เพราะเป็นแม่เล้าซ่องโสเภณีใหญ่
ตอนสร้างวัดเรียกวัดใหม่ยายแฟง เรื่องยายแฟงมีศรัทธาพระพุทธศาสนา สร้างวัดด้วยทุนทรัพย์จำนวนมาก จึงเป็นเรื่องที่กล่าวขานต่อๆกันไปจนเกิดข้อสงสัย ยายแฟงจะได้บุญสัก...กี่มากน้อย
สมเด็จพุฒาจารย์ วัดระฆัง ท่านเป็นหนึ่งในพระนักเทศน์ ปุจฉา วิสัชนา เมื่อมีปุจฉาเรื่องยายแฟงสร้างวัด สมเด็จฯท่านก็วิสัชนาทันทีว่า “โยมแฟงได้บุญ สลึงเฟื้อง”
วิสัชนาสมเด็จพุฒาจารย์โต จึงเป็นเรื่องโด่งดังฝังใจเล่าขานต่อๆกันมา
ทางการ ซึ่งหมายถึงทั้งฝ่ายพระฝ่ายรัฐก็ขานรับตั้งชื่อวัดใหม่ยายแฟง ว่าเป็นวัด “คณิกาผล”
เรื่องวัดใหม่ยายแฟงเก่าไป เรื่องสมัยใหม่ที่ยังพอจำกันได้ จู่ๆป้อมยามตำรวจตามแยกต่างๆในกรุงเทพฯ แปลงร่างเป็นอาคารคอนกรีต สะดุดใจตรงมีชื่อผู้บริจาคตัวใหญ่ “ต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์”
...
ผมเป็นนักข่าวโรงพักเก่ายังตกข่าว มารู้เอาทีหลังชื่อนั้น เป็นชื่อลูกชายคุณชูวิทย์ เจ้าของธุรกิจอาบอบนวดใหญ่ เกื้อหนุนตำรวจท้องที่เป็นที่ให้ชาวบ้านคิดว่าตอบแทนกันและกัน
แต่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ยุคนั้น ท่านเห็นต่าง ท่านว่าป้อมต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์ เป็นเหมือนหลักฐานประจาน ตำรวจรับส่วยซ่อง จึงสั่งให้ทุบทิ้ง
ตอนนั้นคุณชูวิทย์ดิ้นสู้อย่างไรผมไม่แน่ใจ แต่เชื่อว่าเป็นแรงผลักให้คุณชูวิทย์เป็นนักการเมือง...เป็นพิธีกรทีวี ที่มั่นใหม่นี้ มั่นคงแข็งแรงพอที่ตำรวจจะตามไปราวีไม่ได้ง่ายๆ
แล้วก็มรดกธุรกิจอาบอบนวดนี้ก็ตกทอดไปถึงเจ้าสัวอีกคน ชื่อกำพล วิระเทพสุภรณ์ คุณชูวิทย์บอกเองขายธุรกิจให้ เมื่ออาบอบนวดของคุณกำพลเจอข้อหาค้ามนุษย์ จนคุณกำพลต้องหนีคดี
มีข่าวคุณกำพลให้ตำรวจใหญ่ยืมเงินไป 300 ล้าน ข้อแก้เป็นเงินในแวดวงเล่นหุ้น...อ้างได้ แต่ชาวบ้านจะเชื่อแค่ไหนเป็นอีกเรื่อง
ผมจึงได้รู้เงินธุรกิจอาบอบนวดนั้นมากมหาศาล เป็นดั่งท่อเงินไหล คนในตระกูลโรงนวดชื่อดังอย่างน้อยก็สองคนร่ำรวยมั่งคั่ง เดินเข้าสู่เวทีการเมือง คนหนึ่งเป็นรัฐมนตรี
และคนล่า...มีข่าวว่าจะเป็นถึงเลขาธิการพรรคการเมืองใหญ่...เก้าอี้รัฐมนตรีเป็นเป้าหมายต่อ
บทเด็กร้องเล่น “กากา...อีกาหน้าดำ เขาจำหน้าได้” ทำให้นักข่าวโรงพักเก่ารุ่นผม รู้ชัด...สถานบริการที่เรียกว่าอาบอบนวด ใหญ่โตหรูหรานั้นก็คือซ่องกะหรี่สมัยยายแฟง
วันนี้คนมีอาชีพพ่อเล้า แมงดา พัฒนามาเป็นใหญ่ในการเมืองผมเริ่มไม่แน่ใจ ผลบุญจากธุรกิจค้าโสเภณีจะมีแค่สลึงเฟื้องอย่างที่สมเด็จพุฒาจารย์โตท่านว่าไว้จริงๆ.
กิเลน ประลองเชิง