ยังอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อครับ...ความสำเร็จในการแยกขยะของคนญี่ปุ่น ไม่ได้มาจากแค่กฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้นครับ แต่ผมพบว่าเป็นเพราะญี่ปุ่นปลูกฝังความรับผิดชอบ ความมีระเบียบกันมาตั้งแต่อนุบาล
เด็กญี่ปุ่นจะถูกสอนในเรื่องของจิตสำนึกสาธารณะ ให้คิดถึงส่วนรวมก่อน อันนี้เป็นเรื่องที่เขาฝังชิปความคิด หล่อหลอมมาตั้งแต่ในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องของขยะ...ที่พวกเขาจะใส่ใจการจัดการขยะอย่างเคร่งครัด แยกขยะทุกชิ้นไม่ว่าชิ้นเล็กชิ้นน้อย จะไม่มีทางปล่อยขยะให้ถูกวางทิ้งไว้แบบข้ามวันข้ามคืนเหมือนบ้านเรา โดยเขาจะมีการกำหนดวันเวลาของการทิ้งขยะไว้ชัดเจน
ซึ่งเรื่องเวลากับคนญี่ปุ่นนี่ ผมคงไม่ต้องอธิบายนะครับ ว่าพวกเขาตรงเวลาขนาดไหน...
หลังจากที่นำขยะมาวางตามเวลาที่กำหนด ไม่ถึงชั่วโมงครับ รถขยะก็จะเข้ามาจัดการเก็บไปทิ้ง ซึ่งการทิ้งขยะในญี่ปุ่น ถ้าเป็นบ้านเราอาจจะบอกว่ามันยุ่งยากมากๆ เช่น การแยกฝาขวด PET และลอกพลาสติกที่ติดกับขวด PET ออกก่อนแยกทิ้ง การล้างกระป๋องเบียร์และเศษอาหารออกจากกระป๋องให้สะอาดก่อนแยกทิ้ง และการนำกล่องนมมาล้างให้สะอาดและตัดหรือทุบให้แบนเพื่อนำไปรีไซเคิล ฯลฯ แต่สำหรับคนญี่ปุ่น นี่เป็นเรื่องปกติในวิถีชีวิตประจำวันของพวกเขาครับ
...
เด็กญี่ปุ่นทุกคนจะถูกฝึกตั้งแต่เล็กว่าเมื่อไปนอกบ้านหากหาถังขยะไม่เจอก็ให้นำขยะกลับมาแยกทิ้งที่บ้าน ในโรงเรียนประถม เด็กๆจะต้องเรียนรู้ชนิดของขยะ วิธีการแยกและจัดการขยะ ตลอดจนการฝึกฝนให้เด็กปฏิบัติที่บ้านตามบทเรียนอย่างจริงจัง รวมทั้งเรียนรู้ถึงข้อกำหนด การทิ้งขยะประเภทต่างๆที่แตกต่างกันในแต่ละวันด้วย
กลับมาที่บ้านเราครับ...วันลอยกระทงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กทม.และเทศบาลในหลายๆจังหวัด ต้องทำงานหนักมากในการเก็บขยะที่ลอยฟ่องในแม่น้ำ ลำคลอง หรือแม้แต่บ่อเล็กๆในชุมชน ยังไม่รวมขยะปกติ ที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะรีไซเคิล กล่อง กระป๋อง ขวดพลาสติก ขวดแก้ว...บางทีกระป๋องพวกปลากระป๋องหรือกระป๋องอาหารสำเร็จรูป ถูกนำมาทิ้งไว้ระเกะระกะ สัตว์จรจัดอย่างหมา แมว หรือแม้แต่พวกลิงตามแหล่งท่องเที่ยวไปคุ้ยเขี่ยเพื่อกินเศษอาหารถูกคมของฝาและตัวกระป๋องบาดเป็นแผลเหวอะหวะ...น่าเวทนามากครับ
และถ้าจะให้เมืองไทยมีการจัดการขยะที่ดี ควรเริ่มต้นตรงไหนก่อนดีครับ ผมว่าเป็นคำถามที่เรามาชวนกันคิดดีกว่าครับ...หรือจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AI ที่แค่ใส่โปรแกรมแยกขยะในสมองกล
มันก็จะทำทุกอย่างได้ดีกว่าคนแล้วครับ...!!!
นายอรุณ