ยายวัย 68 พอยิ้มได้ เพราะคนใจบุญให้อยู่บ้านฟรี หลังอาศัยศาลาริมถนนเป็นที่นอน เหตุถูกมือดีเผาบ้านแทบไม่เหลือ แต่ยังต้องหาอุปกรณ์เลี้ยงชีพทั้งรถเข็นของเก่า อุปกรณ์เครื่องครัว

จากกรณีการนำเสนอข่าว ครอบครัวยายวัย 68 อาศัยศาลาริมถนนเป็นที่นอน หลังถูกมือดีมาทำร้ายลูกสาวตาบอด แถมเผาบ้านแทบไม่เหลือ ซึ่งมีผู้อ่านจำนวนมากได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลนางอังชัญ เพื่อให้ความช่วยเหลือ (ครอบครัวยายวัย 68 อาศัยศาลาริมถนนเป็นที่นอน หลังถูกมือดีเผาบ้านแทบไม่เหลือ)

ล่าสุด "ทีมข่าวไทยรัฐออไลน์" ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของครอบครัวนี้ ซึ่งยังอยู่อาศัยตรงศาลารอรถ เยื้องมหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี หมู่ 1 ต.หนองไม้แดง อ.เมืองชลบุรี

นางอังชัญ แจ้งจำรัส อายุ 68 ปี กล่าวว่า เดิมทีมีกระต๊อบเป็นที่พักพิงอยู่ริมถนนสุขุมวิท หมู่ 1 ต.หนองไม้แดง อยู่นานประมาณ 37 ปี ตัวเองยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย ส่วนนางสาวรุ่งเรือง บุตรบุญธรรม ตาบอด ก็ออกตระเวนขอทานเลี้ยงชีพกับเด็กชายปุ๊ อายุ 13 ปี เรียนหนังสือจบชั้น ป.5 แล้วก็ไม่ได้เรียนเพราะต้องพาย้ายที่อาศัยหลายที่

ก่อนชีวิตจะพลิกผัน กลางดึกคืนวันที่ 31 ธ.ค.61 ขณะที่ยังไม่หลับ ลูกสาวกลับจากขอทานเข้าบ้านได้เดินสวนกับชายฉกรรจ์ 2 คน หลังจากลูกสาวขึ้นกระต๊อบเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ยินเสียงคนราดน้ำมันดังแฉ่ๆ และยังได้ยินเสียงชายอีกคนพูดว่า "จุดเลยๆ ทุกอย่างจะได้เป็นของเรา"

หลังจากนั้นไฟก็ลุกไหม้พึ่บ ตนกับลูกสาวได้ช่วยกันตักน้ำจากตุ่มน้ำ และในห้องน้ำวิ่งรอกราดเพื่อดับไฟ ขณะนั้นมีรถดับเพลิง ไม่รู้ว่ามาจอดรออยู่ตั้งแต่ตอนไหน ทั้งๆ ที่ตนยังไม่ได้แจ้งขอความช่วยเหลือ ได้เข้าช่วยดับไฟจนไฟดับ ปรากฏว่ากระต๊อบถูกไฟเผาวอดเกือบหมดทั้งหลัง ข้าวของเครื่องใช้เสียหายหมด จากนั้นไปอาศัยแคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่งใน อ.ศรีราชา ประมาณ 5-6 เดือน แล้วก็ย้ายไปพักอยู่ในศูนย์ฝึกอบรมโรงไฟฟ้าบางปะกง อีก 5–6 เดือน ก่อนจะมาอาศัยศาลารอผู้โดยสารตรงนี้เป็นที่หลับนอน

...

เมื่อถามว่า มีผู้ใจดีจะช่วยเหลือให้พากันไปพักอาศัยอยู่บ้านที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โดยให้อยู่บ้านฟรี และจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายรวมทั้งช่วยส่งเสียให้หลานชายได้เรียนหนังสือต่อ

นางอังชัญ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้ใจดีให้บ้านอยู่ในซอยไก่ต๊อก ถนนวิบูลย์ธรรมรัตน์ โดยให้อาศัยอยู่ฟรีตลอดชีวิต แต่เนื่องจากตนต้องเก็บของเก่าขาย ตอนนี้ก็พยายามขายของเก่าเพื่อเก็บเงินซื้อเครื่องครัว หม้อข้าว กระทะ ถ้วย จาน ชาม รวมทั้งที่หลับที่นอน และที่สำคัญตนอยากได้รถเข็นเอาไว้ใช้ตระเวนเก็บของเก่าขาย ส่วนเด็กชายปุ๊ ตนก็อยากให้เรียนหนังสือหากสถานการณ์เข้าที่เข้าทางแล้ว

นางสาวรุ่งเรือง บุตรบุญธรรมของ นางอังชัญ ที่ตาบอด กล่าวว่า ตนก็เดินขอทานในตลาดด้านหลังศาลาได้เงินมาซื้อข้าวกินด้วย สำหรับของที่ใฝ่ฝันอยากได้ที่สุดก็คือ ชุดเครื่องเสียงร้องเพลงได้ เพื่อจะใช้เดินร้องเพลงขอทานแลกเงินจากผู้ใจดี และก็ไม่ต้องถูกตำรวจจับด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้ครอบครัวของยายอังชัญ ไม่ได้อาศัยหลับนอนที่ศาลาดังกล่าวแล้ว แต่ใช้จุดนี้เป็นที่พักเพื่อเก็บของเก่าขายเพื่อหารายได้ไปซื้ออุปกรณ์ของใช้ในครัว และสิ่งจำเป็นที่ใช้ดำรงชีพ หากผู้ใจบุญท่านใดต้องการช่วยเหลือ สามารถเดินทางไปยังศาลารอรถดังกล่าวได้ เนื่องจากครอบครัวนี้ไม่มีโทรศัพท์