นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย. พบผู้ป่วย 1.5 แสนราย และเสียชีวิต 10 ราย

อย่างไรก็ตาม แต่ละปีจะมีแผนการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่แล้วโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.กลุ่มเสี่ยงที่ทำงานพบปะผู้คนโดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์จะใช้งบประมาณของ คร. 2.การให้วัคซีน เพื่อลดการเสียชีวิตใน 7 กลุ่มเสี่ยง อาทิ กลุ่มเด็ก 6 เดือน-3 ขวบ หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ คนอ้วน และผู้ที่มีโรคประจำตัว ในส่วนนี้จะใช้งบ 400 ล้านบาท จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งล่าสุดปี 2562 มีการนำเข้าวัคซีน 4 แสนโดส ซึ่งเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้แล้วตั้งแต่ปลาย เม.ย.เป็นต้นมา สำหรับการฉีดวัคซีนกลุ่มอื่น เช่น เด็กวัยเรียน ต้องเข้าใจก่อนว่าวัตถุประสงค์ไม่ใช่เพื่อลดการเสียชีวิต แต่เพื่อลดการเจ็บป่วย และหวังผลลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น เพราะถ้ามองอีกแง่มุมหนึ่งการเจ็บป่วยของเด็กวัยเรียนก็ทำให้เด็กต้องขาดเรียน เรียนไม่ทันเพื่อน บางคนไม่ได้เข้าสอบ และอาจจะกระทบกับการเติบโตได้ ซึ่งก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน ดังนั้น คณะอนุกรรมการเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้พิจารณาให้วัคซีนในกลุ่มเด็กวัยเรียนในปีงบฯ2563 อยู่ระหว่างนำเสนอต่อ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติพิจารณา

“เบื้องต้นจำนวนเด็กวัยเรียนจะมีช่วงเวลา12 ปี คือ ป.1-ม.6 แต่ละปีจะมีเด็กนักเรียนประมาณ 8 แสนคน ถ้าเพิ่มก็เท่ากับต้องเพิ่มงบส่วนนี้อีกประมาณเกือบพันล้านบาท แต่วัคซีนยิ่งซื้อมากก็ยิ่งราคาถูกลง และสำคัญคือองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็มีการสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งน่าจะเห็นผลเร็วๆ นี้และคาดว่าจะทำให้ราคาวัคซีนถูกลง” อธิบดี คร. กล่าว