ปลุก "ผู้เสียหายถูกกีดกันสิทธิ์โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ" ร้องคณะกรรมการ วลพ.

“สาวประเภทสอง วรวลัญช์ ทวีกาญจน์ รองอันดับ 2 มิสทิฟฟานี่ ยูนิเวิร์ส 2018 ดีกรีปริญญาครุศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถูกปฏิเสธการสมัครเป็นครูจากโรงเรียนในเครือคริสตจักรถึง 4 แห่ง เพราะเพศสภาพ”

“นายจ้างบริษัทลงทุนจากญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ปฏิเสธรับแรงงานจำนวนหนึ่งกลับเข้าทำงานหลังเรียกร้องค่าจ้างและสวัสดิการ ทั้งที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีมติให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานทั้งหมด ส่งผลกระทบอย่างมากโดยเฉพาะกับแรงงานหญิงบางคนที่ตั้งครรภ์ บางคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว บางคนเป็นผู้ป่วยฟอกไต”

นี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่างของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ที่ได้ยื่นคำร้อง ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ (คณะกรรมการ วลพ.) เพื่อให้วินิจฉัยถึงการกระทำต่างๆดังกล่าวเข้าข่ายการเลือกปฏิบัติหรือไม่

คณะกรรมการ วลพ. เป็นหนึ่งกลไกสำคัญภายใต้ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.2558 ที่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาคำร้องของผู้ที่ได้รับ หรือคาดว่าจะได้รับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุแห่งเพศ เพื่อให้ความคุ้มครองและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ทั้งจากการกำหนดนโยบาย กฎระเบียบ ประกาศ มาตรการ โครงการ หรือวิธีปฏิบัติของหน่วยงานรัฐ องค์กรเอกชน หรือบุคคลใด

...

เลิศปัญญา
เลิศปัญญา

นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หน่วยงานที่รับผิดชอบและดำเนินงานตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมระหว่างเพศ เปิดเผยว่า “หลังมีการแต่งตั้งคณะ กรรมการ วลพ. ได้มีการยื่นเรื่องร้องเรียนให้คณะกรรมการ วลพ.พิจารณาทั้งหมด 41 เรื่อง พิจารณาแล้วเสร็จ 11 เรื่อง อยู่ระหว่างพิจารณา 21 เรื่อง อีก 9 เรื่องถูกถอนเนื่องจากไม่เข้า ตามกฎเกณฑ์ เรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่เกี่ยวกับการแต่งกายข้ามเพศสภาพของนิสิตนักศึกษา โดยไม่ให้เข้าเรียนหรือไม่ให้เข้ารับปริญญา นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแรงงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยากให้ร้องเรียนกันมามากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถูกกีดกันเลื่อนตำแหน่ง ถูกไล่ออกขณะตั้งครรภ์ รวมถึงข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน หรือกลุ่มที่ใช้บริการสถานประกอบการ สถานบันเทิงต่างๆ ที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าใช้บริการ แม้แต่การรับสมัครงานแล้วถูกจำกัดเพศ ก็ร้องเรียนได้ จะได้สร้างความเป็นธรรม และหยิบยกเป็นเคสตัวอย่าง เพื่อนำไปสู่การออกเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจนว่าการกระทำอย่างไรควรหรือไม่ควร”

“คนส่วนใหญ่ยังคิดว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมายเฉพาะคนข้ามเพศ แต่ความจริง กฎหมายฉบับนี้ดูแลทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศชาย เพศหญิง หรือบุคคลที่แสดงออกต่างจากเพศโดยกำเนิด หากบุคคลใดเห็นว่าตนเองถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่เกิน 1 ปี สามารถยื่นคำร้องได้ที่ สค.หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทุกจังหวัด หรือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว 8 แห่ง ที่เชียงราย ลำพูน ลำปาง ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชลบุรี นนทบุรี และสงขลา โดยยื่นด้วยตนเอง หรือส่งไปรษณีย์ หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่าน email : gidentity3@gmail.com หรือแจ้งผ่านสายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูล เอกสาร หลักฐานต่างๆ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ วลพ. ซึ่งผลการวินิจฉัย หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะเดียวกัน กฎหมายยังกำหนดให้มีกองทุนส่งเสริมความ เท่าเทียมระหว่างเพศ เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ รวมถึงชดเชยเยียวยาแก่ผู้เสียหายด้วย” อธิบดี สค.แจกแจง

ศ.มาลี
ศ.มาลี

ขณะที่ ศ.มาลี พฤกษ์พงศาวลี ประธานคณะกรรมการ วลพ. กล่าวว่า “คณะกรรมการ วลพ.ได้ดำเนินภารกิจตามอำนาจหน้าที่มาจนเกือบจะครบวาระ 3 ปีในวันที่ 23 มิ.ย.2562 และอยู่ระหว่างสรรหาชุดใหม่ ที่ผ่านมาได้วินิจฉัยประเด็นปัญหาของกลุ่มคนข้ามเพศที่ร้องเรียนเข้ามามากที่สุดเกือบร้อยละ 90 ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องการแต่งกายของนิสิตนักศึกษาและบัณฑิตที่จะเข้ารับปริญญา ที่ระเบียบกำหนดให้แต่งกายตามเพศกำเนิด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของแรงงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ละเรื่องที่ร้องเรียนใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนาน ต้องยอมรับเราเป็นหน่วยงานที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นกระบวนการที่เราเองก็ได้เรียนรู้ปัญหาต่างๆ ไปด้วย เพราะบางประเด็นเป็นปัญหาทับซ้อนในหลายมิติ คณะกรรมการ วลพ.มีหน้าที่ทั้งรับฟังข้อเท็จจริง หาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ไต่สวนทั้งสองฝ่ายก่อนวินิจฉัย บางเรื่องอาจจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาหารือ และมีการแบ่งเป็นคณะอนุกรรมการพิจารณา”

“การเลือกปฏิบัติยังเป็นปัญหาใหญ่และเห็นอยู่ตลอดเวลาในสังคมไทย แม้จะพยายามสื่อสารให้คนรับรู้ช่องทางการร้องเรียน แต่อีกประเด็นสำคัญคือความกล้าของผู้ร้องเรียน ถ้าไม่สุดจริงๆ พอทนได้ก็ทนก็ไม่มาร้อง สังคมไทยยังเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ฝากข้อเสนอแนะ ซึ่งคิดว่าอาจจะต้องแก้ พ.ร.บ.ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้นโดยเฉพาะอำนาจคณะกรรมการ วลพ.ในการหยิบยกประเด็นปัญหาที่มีผลกระทบในวงกว้างขึ้นมาพิจารณาทันที โดยไม่ต้องรอผู้เสียหายมาร้องเรียน” ประธานคณะกรรมการ วลพ.ฝากข้อเสนอแนะ

ทีมข่าวการพัฒนาสังคม ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง ปลุกเสียงเล็กๆ ที่เชื่อว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ถูกกดขี่ข่มเหง และถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ ทั้งในสถานที่ทำงาน การรับสิทธิหรือบริการต่างๆ รวมถึงการดำรงชีวิตในสังคม ได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องสิ่งถูกต้องที่พึงได้ผ่านช่องทางคณะกรรมการ วลพ.

ฟื้นความเท่าเทียม-สลายอำนาจไร้ความเป็นธรรมในสังคมไทย.

ทีมข่าวการพัฒนาสังคม