‘พระราชทาน’ กว่า 631 ล้าน บ. ซื้อเครื่องมือใช้ช่วยผู้ป่วย
ชาวกระทรวงสาธารณสุขต่าง ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.10 พระราชทานเงินจัดซื้อเครื่องมือ-อุปกรณ์การแพทย์ โดยมีโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงฯ จำนวน 11 แห่ง ได้รับเงินพระราชทานรวมกว่า 631 ล้านบาท ผอ.รพ.พร้อมสนองพระบรมราโชบายอย่างเต็มที่ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลน ขณะที่ นายกฯพร้อม ครม.นำแจกันดอกไม้ถวายพระพรถวายความจงรักภักดี ในหลวง ร.10 พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์
ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงการดูแลรักษาพยาบาล สุขภาพร่างกายของประชาชน ตลอดจนประสิทธิภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงินในการจัดซื้อเครื่องมือครุภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล วิทยาลัยแพทย์และพยาบาล และสถานพยาบาลต่างๆ จากทั่วประเทศ ที่ยังคงขาดแคลนและมีความจำเป็นในการให้บริการในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยจำนวน 27 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลตำรวจ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ โรงพยาบาลหัวหิน โรงพยาบาลมหาราช–นครเชียงใหม่ โรงพยาบาลน่าน โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา โรงพยาบาลศูนย์ปัตตานี โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน รวมเป็นเงิน 2,407,144,487.59 บาท
...
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โรงพยาบาลสังกัด สธ.ได้รับพระราชทานเงินสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ 11 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงพยาบาลราชวิถี 2.โรงพยาบาลสงฆ์ 3.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 4.โรงพยาบาลหัวหิน 5.โรงพยาบาลน่าน 6.โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร 7.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ 8.โรงพยาบาลศูนย์ยะลา 9.โรงพยาบาลศูนย์ปัตตานี 10.โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และ 11.โรงพยาบาลท่าวังผา จังหวัดน่าน
นพ.ปิยะสกลกล่าวอีกว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นเหลือ ที่พระองค์พระราชทานเงินสำหรับจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ลงมา ซึ่ง สธ.จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ตามที่มีพระบรมราโชบายเพื่อให้เงินนี้ลงไปสู่ประชาชนผู้ยากไร้อย่างเต็มที่ โดยจะเน้นเป็นเครื่องมือแพทย์ที่เหมาะสมกับความต้องการการรับบริการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกันออกไป เพราะโรงพยาบาลที่ได้รับพระราชทานเงินมีหลายระดับ และกระจายในหลายภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ มีทั้งระดับโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลชุมชน โดยโรงพยาบาลแต่ละแห่งอาจมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก
ส่วน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ชาวกระทรวงสาธารณสุข ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ที่พระราชทานเงินให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 631,949,852 บาท ให้กับโรงพยาบาล 11 แห่ง ทั้งในสังกัดกระทรวงและกรมการแพทย์ โดยจะนำเงินพระราชทานที่ได้รับนี้ไปจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยเพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจะมีคณะกรรมการจัดซื้อ และถวายรายงาน และความคืบหน้า เป็นระยะ คาดว่าจะมีการจัดซื้อแล้วเสร็จภายใน 90 วัน โดยครุภัณฑ์ที่จัดซื้อมีตั้งแต่เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม, เครื่องช่วยหายใจ, เครื่องดมยา, เครื่องสวนหัวใจ, เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์, เครื่องตรวจครรภ์มารดา ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเกี่ยวกับการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียง เป็นต้น ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสว่าให้นำเงินจำนวนนี้มาใช้เพื่อพี่น้องประชาชนในการรักษาพยาบาล
ด้าน นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ โดย รพ.เด็กได้รับเงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว 83.4 ล้านบาท มีพระบรมราโชบายให้นำเงินจำนวนนี้ไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยอุปกรณ์การแพทย์นี้จะต้องมีความทันสมัย โดยทางสถาบันฯจะจัดซื้ออุปกรณ์ทั้งสิ้น 27 รายการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ รพ.เด็กขาดแคลน ประกอบด้วย กล้องผ่าตัดสมอง ประมาณ 18 ล้านบาท เครื่องเอกซเรย์กระดูกสำหรับเด็ก ซึ่งจะสามารถอยู่ในห้องผ่าตัดไม่ต้องเคลื่อนย้ายเด็ก ประมาณ 5 ล้านบาท และเครื่องพาสเจอไรซ์นมแม่ ซึ่งถือเป็นเครื่องแรกในโรงพยาบาลสังกัด สธ. ซึ่งจะนำมาใช้ในธนาคารนมแม่ ในการตรวจนมแม่ เพื่อช่วยเหลือเด็ก และอุปกรณ์อื่นๆ อาทิ เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่ครุภัณฑ์ของเด็กจะมีความละเอียดอ่อน และต้องการความทันสมัย โดยคาดว่าจะเร่งให้มีการจัดซื้อแล้วเสร็จภายใน 90 วัน
ขณะที่ นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ในส่วนของศิริราชพยาบาลได้รับพระราชทานเงินเพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ สำหรับอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา หลายร้อยล้านบาทจนครบ ซึ่งเป็นอาคารที่ล้นเกล้า รัชกาลที่ 9 พระราชทานนามไว้ โดยครุภัณฑ์ทาง การแพทย์ที่จะจัดซื้อนี้จะมีความทันสมัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้อยโอกาสของโรงพยาบาลศิริราช และเชื่อว่าเงินพระราชทานที่ให้กับ รพ.ทั้ง 27 แห่งนี้ จะทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงสายวันเดียวกัน ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำแจกันดอกไม้เข้าถวายพระพรหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ และถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศขึ้นเป็นสมเด็จพระบรม ราชินี รวมทั้งมอบผู้แทนถวายแจกันดอกไม้ถวายพระพรพระบรมวงศ์ในโอกาสมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย สถาปนาและเฉลิมพระนามพระบรมวงศ์ และจากนั้น นายกฯและภริยา พร้อมคณะรองนายกฯ เดินทางไปลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย