"อภัยภูเบศร" แนะผู้ป่วยกินสมุนไพรป่าช้าเหงา หรือหนายเฉาเหว่ย แต่พอดี ชี้กินได้หลากหลาย นำไปทำอาหาร กินใบสด ต้มดื่ม ช่วยบำรุงร่างกาย แต่ไม่ได้รักษาโรคหายขาด ย้ำกินมากไปอันตราย...


จากกรณีผู้ป่วยชายวัย 64 ปี มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจ ได้นำใบสมุนไพรป่าช้าเหงา หรือ หนานเฉาเหว่ย มาต้มดื่มเพื่อหวังลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ทำให้เกิดน้ำตาลตก มีอาการหน้ามืด เหงื่อออก ใจสั่น อ่อนแรง ต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลนั้น

ล่าสุด วันที่ 25 ก.ย.61 มีรายงานว่า แฟนเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร ได้เตือนผู้ป่วยให้ระมัดระวัง สังเกตความผิดปกติ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนรับประทาน เนื่องจากปัจจัยในแต่ละบุคคลย่อมมีความแตกต่างกัน โดยมีขนาดรับประทานที่แนะนำ ดังนี้ หากต้องการนำไปทำอาหาร นิยมนำมาลวกน้ำร้อนก่อนรับประทาน เพื่อลดความขมและลดฤทธิ์ยา รับประทานวันละ 3-5 ใบ กินเป็นยา เช่น เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือกินบำรุงร่างกาย

หากต้องการรับประทานใบสด ถ้าใบใหญ่เท่าฝ่ามือ วันละ 1 ใบ แนะนำให้รับประทานวันเว้นวัน หรือ 2-3 วันครั้ง หรือถ้าต้องการรับประทานทุกวัน แนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 ใบเล็กๆ ติดต่อกันไม่เกิน 1 เดือน หรืออาจเว้น 1 เดือน แล้วเริ่มรับประทานใหม่ ส่วนคนที่นำไปต้มดื่ม แนะนำให้ใช้ใบเท่าฝ่ามือ 3 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มพอเดือด 3-5 นาที ดื่ม 250 มิลลิลิตร ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ตอนตื่นนอน กินบ้างหยุดบ้าง ไม่แนะนำให้กินทุกวัน หรือกินต่อเนื่อง เพราะเป็นยาเย็น 

...

สำหรับผู้ป่วยที่กินยาละลายลิ่มเลือดชื่อวาร์ฟาริน หญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตบกพร่อง ไม่ควรรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยในการใช้ในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว ส่วนผู้ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุมความดันโลหิตได้ดีอยู่แล้ว ไม่ควรนำสมุนไพรป่าช้าเหงามารับประทานเป็นยา และที่สำคัญผู้ที่ป่วยเบาหวาน ความดัน ไขมัน ที่สนใจรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ ห้ามหยุดยาแผนปัจจุบัน ห้ามขาดการรักษา 

ทั้งนี้ผู้ป่วยควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ความดันตก (BP < 90/60 มิลลิเมตรปรอท อาจมีวิงเวียน หน้ามืด) น้ำตาลตก (ระดับน้ำตาล < 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจมีวิงเวียนหน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก) ต้องหยุดกินทันที.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภญ.เตือนภัย หนานเฉาเหว่ย พบน้ำตาลต่ำ ช็อกอันตรายถึงตายได้

(ข้อมูลจาก แฟนเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร)