การตรวจหาเชื้อก่อโรคปนเปื้อนในอาหาร ไม่ว่าจะด้วยวิธี Hazard Analysis Critical Control Point (HACCP) หรือ Good Manufacturing Practice (GMP) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การตรวจสอบแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน 5-7 วัน กว่าจะรู้ผล ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออก ที่ต้องเสียเวลารอนาน และยังทำให้คุณภาพของอาหารลดลง

นางวรรณสิกา เกียรติปฐมชัย หัวหน้าห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีวิศวกรรมชีวภาพและการตรวจวัด หน่วยวิจัยเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยทางชีวภาพ ไบโอเทค เผยว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) พัฒนาชุดตรวจแลมป์เคมีไฟฟ้าแบบรวดเร็วขนาดพกพาเพื่อการตรวจหาเชื้อก่อโรคในอาหาร “VIP-SAFE PLUS”

โดยใช้เทคนิคการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมในอุณหภูมิคงที่ (LAMP) ที่มีความไวและมีความจำเพาะสูง นำมาประยุกต์ใช้ตรวจหาเชื้อก่อโรค ร่วมกับเทคนิคการตรวจวัดทางเคมีไฟฟ้าที่สามารถประยุกต์ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ดีเอ็นเอ ที่ทีมวิจัยพัฒนามาเพื่อนำไปใช้ตรวจอาหารทะเลและผัก

...

เป็นชุดตรวจที่พัฒนาให้มีขนาดเล็กเคลื่อนย้ายได้ง่าย เหมาะกับการทำงานในภาคสนาม การตรวจแต่ละครั้ง สามารถรู้ผลตรวจในระยะเวลา 60 นาที มีต้นทุนในการตรวจ 15-50 บาท ต่อ 1 ตัวอย่าง

ต่างจากการตรวจแบบเดิมที่ต้องใช้เวลาเพาะเชื้อ 7 วัน ที่ผู้ประกอบการต้องเสียค่าใช้จ่าย 1,500-2,300 บาท ต่อ 1 ตัวอย่าง

และ VIP-Safe Plus หรือชุดตรวจแลมป์เคมีไฟฟ้าแบบรวดเร็วขนาดพกพาเพื่อการตรวจหาเชื้อก่อโรคในอาหาร ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ ได้รับรางวัลสูงสุด Platinum Award ซึ่งมีเพียงไทยประเทศเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ จากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ในงาน 13th Taipei International Invention Show & Technomart (INST 2017) ณ กรุงไทเป ไต้หวัน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา.