ปัญหาที่ดิน พื้นที่ทับซ้อน ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชาวบ้าน ฯลฯ ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีความพยายามแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี และนครราชสีมา อุทยานแห่งชาติที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ซึ่งมีความ สมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และสัตว์ป่า นานาชนิด จนได้รับการผนวกเป็นหนึ่งในผืนป่ามรดกโลก “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ผ่านเรื่องราวความขัดแย้งและผ่านการแก้ปัญหามาอย่างยาวนานจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง
ด้วยเหตุนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบ จึงเข้าไปแก้ปัญหาที่ดินในเขตอุทยานฯ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดและเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างประชาชนและภาครัฐเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยุติธรรมกับทุกฝ่าย ด้วยการจัดตั้ง “ศูนย์แก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินในเขตอุทยานฯ ทับลาน” ขึ้น มี นายเฉลิมชัย ปาปะทา รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นประธานอำนวยการ เมื่อปลายเดือน ก.ค.2560 ที่ผ่านมา

...
“หัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาคือข้อมูล ต้องมีข้อมูลพื้นที่ชัดเจน ลักษณะการถือครอง ครอบครอง โดยกรมอุทยานฯ จะมีการสำรวจ จัดเก็บข้อมูลและสร้างความเข้าใจแก่ชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียพร้อมทั้งสร้างความเข้าใจแนวทางในการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2541 โดยประสานความร่วมมือจากผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่เป้าหมายให้เกิดความเข้าใจในขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้” นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวถึงภาพรวมการทำงาน ในการแก้ปัญหา
ทั้งนี้ มาตรการที่กรมอุทยานฯจะดำเนินการในการแก้ปัญหา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่ม 1 พื้นที่ทับซ้อนระหว่างอุทยานฯ ทับลาน และสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อ.วังน้ำเขียว อ.ครบุรี และ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 58,582 ไร่ ให้หารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งผลการพิจารณาคาดว่าจะออกมา 3 แนวทางคือ แนวทางที่ 1 ให้ ส.ป.ก.มีอำนาจหน้าที่ตามเขตปฏิรูปที่ดิน กรมอุทยานฯจะพิจารณาเสนอเพิกถอนพื้นที่ แนวทางที่ 2 ให้กรมอุทยานฯมีอำนาจหน้าที่ในพื้นที่ที่ได้ดำเนินการปฏิรูปที่ดิน จะพิจารณาดำเนินการต่อราษฎรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 และแนวทางที่ 3 ให้กรมอุทยานฯ และ ส.ป.ก.มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทั้ง 2 หน่วยงาน จะร่วมกันเพื่อตรวจสอบ และจัดการพื้นที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่กำหนด

กลุ่ม 2 พื้นที่เดิมที่หน่วยงานของรัฐจัดสรรที่ดินให้ราษฎรที่อยู่อาศัยในเขตอุทยานฯ ทับลาน ตามโครงการจัดสรรที่ดินให้แก่ราษฎรเพื่อเกษตรกรผู้ยากไร้ (คจก.) หมู่บ้านป่าไม้ การรับรองสิทธิ์ทำกิน (สทก.) โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคง (พมพ.) และโครงการพัฒนาป่าเสิงสางครบุรี ท้องที่ อ.เสิงสาง และ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2521 และโครงการพัฒนาที่ราบเชิงเขาทับลาน 1 และ 2 อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโครงการของรัฐ ซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนที่จะประกาศให้เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เห็นควรให้ใช้มติ ครม. 30 มิ.ย.2541 เข้าดำเนินการพร้อมทั้งปรับปรุงเงื่อนไขท้ายมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานตามความเหมาะสมของพื้นที่ โดยกรมอุทยานฯได้จัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาที่ดินอุทยานแห่งชาติทับลาน และจะเร่งสำรวจพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
กลุ่ม 3 ราษฎรที่อยู่อาศัย/ทำกินในเขตอุทยานฯ ทับลาน และปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2541 เห็นควรพิจารณาแก้ไขหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขท้ายมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 ให้สามารถยืดหยุ่นตามสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่โดยให้ราษฎรสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินในรูปแบบต่างๆที่จะไม่ส่งผล กระทบกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่เหล่านี้ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างอุทยานฯทับลาน และราษฎรในพื้นที่ ทั้งนี้ ต้องกำหนดให้อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยมีหัวหน้าอุทยานฯทับลานเป็นคณะกรรมการ และเลขานุการ และให้มีการตรวจสอบติดตามการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยความเข้มข้น สามารถตอบสนองต่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนตลอดไป
“ขณะนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 1 (ปราจีนบุรี) และ สบอ.ที่ 7 (นครราชสีมา) แบ่งเป็น 48 ชุด ชุดละ 8 คน เพื่อสำรวจข้อมูลพื้นที่อย่างละเอียดและประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ คาดว่าจะได้ข้อมูลรายชื่อผู้ครอบครองที่ดินประมาณ 15,000 แปลง เนื้อที่กว่า 1 แสนไร่ ใน อ.เสิงสาง และครบุรี ก่อนสิ้นเดือนนี้” นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานฯทับลานกล่าว

ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศในทุกมิติ โดยจะมีการนำเสนอ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ และรัฐบาลต่อไป
“ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม” เห็นด้วยกับแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตอุทยานฯทับลาน ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนาน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพราะหากปล่อยไปนานวันปัญหาจะยิ่งสะสมจนยากเกินเยียวยา ขณะที่ความขัดแย้งจะฝังลึก ส่งผลให้ประเทศเดินหน้าลำบาก
สู้เร่งแก้ปัญหาให้เกิดความถูกต้อง เป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจนสำหรับคนรุ่นหลังดีกว่า.
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม