ใครๆต่างมองว่าทำนาเหนื่อยและยากจน ...แต่ ดร.ขวัญชนก และ ดร.เชษฐกานต์ เหล่าสุนทร พี่น้อง 2 สาว ดีกรีเรียนจบสถาปนิก วิศวกรโยธาและทนายความ เปลี่ยนชีวิตมาเป็นชาวนา ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เจ้าของ “แมคนีน่าฟาร์ม” บ.บ่อทอง ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย กลับมองต่าง

“เป็นชาวนาสบายจะตาย ปีหนึ่งทำงานแค่ 4 เดือน ทำนาแล้วสนุก มีความสุข ไม่ต้องรำคาญรถติด แถมรายได้ยังดีกว่าทำงานบริษัท” ดร.ขวัญชนก พูดเหมือนเป็นเรื่องตลก ที่หลายคนฟังแล้วขำไม่ออก

แต่พอได้รู้ถึงสิ่งที่ทั้งสองได้ลงมือทำเองมาร่วม 5 ปี...ต้องยอมรับ เกษตรกรไทยยังรู้ไม่จริง ในสิ่งที่ตัวเองทำ จึงก่อให้เกิดความยากจน

“เดิมเราทำงานกรุงเทพฯ ครอบครัวได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มานานแล้ว แต่เพราะน้ำท่วมใหญ่ปี 54 เลยหนีน้ำมาอยู่เชียงราย ประกอบกับตอนนั้นลุงคนดูแลที่ดินจะเลิกทำนา เพราะทำไปมีแต่หนี้ เราเลยสงสัย ทำไมทำนาถึงยากจน สาเหตุมาจากอะไรแน่” ดร.เชษฐกานต์ สาวผู้น้องเล่าถึงที่มาของจุดพลิกผันชีวิต...ระหว่างหาคำตอบ ปี 2555 มหาวิทยาลัยแม่โจ้เปิดรับสมัครนักศึกษาปริญญาเอก สาขาพัฒนาทรัพยากรชนบท เลยสมัครเรียน

ตั้งใจจะนำความรู้ระหว่างเรียนไปด้วยทำนาไปด้วย...ค้นหาคำตอบ

คำตอบที่ได้จากการทำนาข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ในปีแรก...ได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 550 กก. ส่วนชาวนาทำแบบเดิมได้ 300-400 กก.

...

“หลักสำคัญอยู่ตรงต้นทุน ของเราไร่ละ 2,000 บาท ในขณะที่เราทำวิจัย พบว่าบางคนมีต้นทุนสูงไร่ละ 8,000-9,000 บาท สาเหตุมาจากไม่มีความรู้อย่างแท้จริง อย่างเรื่องปุ๋ย ทำนาปี ไม่จำเป็นต้องใช้ยูเรีย หรือปุ๋ยไนโตรเจน เพราะฝนที่ตกลงมาจะปนผสมกับไนโตรเจนในอากาศอยู่แล้ว เมื่อไปซื้อมาใส่มาก ต้นข้าวอวบอ้วนอ่อนแอเป็นโรคง่าย ส่งผลให้มีต้นทุนค่าสารกำจัดเพิ่ม

เอาสารมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเคมีหรือชีวภัณฑ์ ยังใช้ไม่ถูก ธรรมชาติของหนอนแมลงจะมากัดกินทำลายตอนกลางคืน แทนที่จะฉีดพ่นตอนบ่ายแก่ๆหรือเย็น กลับทำตอนเช้า เลยได้ผลน้อย ต้องพ่นบ่อย ต้นทุนเพิ่ม การให้ปุ๋ยทางใบก็เช่นกัน ธรรมชาติของพืชปากใบจะเปิดตอนเช้า แดดร้อนปากใบจะปิดจะให้ได้ผลดีต้องฉีดพ่นตอนเช้า แต่กลับพ่นตอนสาย ผลที่ได้ไม่คุ้มค่าต้นทุนเลยเพิ่มไปแบบสูญเปล่า”

และเพื่อลดต้นทุนการใช้สารกำจัดศัตรูพืชและค่าแรงงาน สองสาวยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ใช้ความรู้ด็อกเตอร์ที่เรียนมา ปลูกสารพัดพืชบนคันนา...ทั้งไล่และล่อแมลง ไม่ให้ไปยุ่งกับต้นข้าว

ตะไคร้หอม สาบเสือ พญายอ ผักเสี้ยน ปอเทือง ถั่วพร้า ฯลฯ ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนกำจัดศัตรูข้าว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้อีกต่างหาก...หลังเกี่ยวข้าวพืชสมุนไพรจะถูกนำมาแปรรูปเป็นยาดม ยาหม่อง ลิปสติก ในแบรนด์ ออร์แกนิค เฮิร์บ @ เชียงราย...พืชที่นำมาแปรรูปไม่ได้จะทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์

ส่วนข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่ได้ ก่อนลงมือปลูกได้ติดต่อหาตลาดไว้ก่อนล่วงหน้า ส่วนหนึ่งส่งไปสิงคโปร์ อีกส่วนขายในประเทศเป็นข้าวถุง แบรนด์ ออร์แกนิค ไรซ์ @ เชียงราย...ไปพบสัมผัสสินค้าอินทรีย์รู้เท่าทันธรรมชาติได้ในงาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” 16-20 ส.ค.นี้ ที่สวนลุมพินี กทม.

ชาติชาย ศิริพัฒน์