“สรวงศ์” แจงเพื่อไทยนัดเลี้ยงพรรคร่วมฯกระชับ สัมพันธ์ หลังฟอร์มรัฐบาลใหม่ "นายกฯอิ๊งค์" กำชับหัวหน้าพรรคร่วมฯคุมเข้ม สส.เข้าประชุมสภาฯ ซื้อใจพรรคอันดับสองยกโควตารองประธานสภาฯคนที่ 2 ให้ รวมไทยสร้างชาติ “วิสุทธิ์” มั่นใจรัฐบาลไร้อุบัติเหตุการเมือง วงพบปะสังสรรค์ไม่มี ถกปมการเมืองเป็นทางการ ไม่รับประกันสภาฯจะไม่ล่ม “โฆษก พท.” โต้ “ทักษิณ” ครอบงำรัฐบาล ย้อนอดีตยุค “รัฐบาลชวน” เคยเชิญนายใหญ่เข้า ทำเนียบฯช่วยเจรจาการค้ากับออสเตรเลียมาแล้ว ทีมไทยแลนด์ลุ้นชงภาษี 2 อัตราต่อรองสหรัฐฯ ภาคเอกชนชูมือหนุนช่วยเอสเอ็มอี-เกษตรกรอยู่รอด จับตาอนุ กกต.สอบคดีฮั้ว สว.จ่อสรุปผล 17 ก.ค. “แสวง” ชิ่งเผือกร้อนโยนรองเลขาฯลงความเห็นแทนจากกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) ระบุจะมีการหารือเตรียมการรองรับ กรณีอาจเกิดอุบัติเหตุการเมืองขึ้นกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ในงานเลี้ยงสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นเจ้าภาพในวันที่ 22 ก.ค. ล่าสุดแกนนำพรรค พท.ระบุว่าเป็นเพียงงานพบปะสังสรรค์ธรรมดา อาจมีการปรับทุกข์กันบ้าง แต่คงไม่มีการหารือเรื่องการเมืองกันอย่างเป็นทางการ“อิ๊งค์” กำชับพรรคร่วมรักษาองค์ประชุมเมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารในวันที่ 22 ก.ค. ที่จะมี สส.เข้าร่วมด้วยว่าไม่มีอะไร ตั้งแต่ฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา และเปิดสมัยประชุมสภาฯมา ยังไม่ได้เจอกัน จึงมีแนวคิดอยากพบปะกัน จะรับประทานอาหารร่วมกันเฉยๆ ไม่มีอะไร และไม่มีการกำชับอะไรเป็นพิเศษ ส่วนที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแล้วว่าให้สมาชิกช่วยกันเป็นองค์ประชุมจ่อยกเก้าอี้รอง ปธ.สภาให้ รทสช.ผู้สื่อข่าวถามว่าจะพูดคุยถึงโควตารองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ด้วยหรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า ยังไม่แน่ใจ แต่คร่าวๆที่มีการพูดคุยกันอาจเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล หากดูตามโควตาแล้วอาจเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เนื่องจากเป็นพรรคอันดับ 2 ในพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่าได้ทำความเข้าใจกับ สส.ในพรรคเพื่อไทย แล้วหรือยัง นายสรวงศ์ตอบว่า เป็นไปตามโควตาอยู่แล้วที่พรรคอันดับ 2 ควรจะได้พาลูกสาว “อมรเทพ” ลงสมัครรักษาพื้นที่นายสรวงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 แทนนายอมรเทพ สมหมาย อดีต สส.ศรีสะเกษ พรรค พท.ที่เสียชีวิต ในวันที่ 14 ก.ค.วันเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งซ่อมวันแรก จะพา น.ส.ภูริกา สมหมาย บุตรสาวนาย อมรเทพ ไปลงสมัครด้วยตัวเองเวลา 08.00 น.ที่ที่ว่าการอำเภอขุนหาญ จะมี สส.จังหวัดใกล้เคียงไปร่วมให้กำลังใจด้วย การเลือกตั้งซ่อมเขตนี้พรรคเต็มที่มาก เนื่องจากเป็นเขตเดิมของ สส.เพื่อไทยผู้สมัครเป็นบุตรสาวอดีต สส.เจ้าของพื้นที่ ทำธุรกิจในพื้นที่ รู้จักคุ้นเคยประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ส่วนพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ที่ส่งผู้สมัครลงชิงด้วย เมื่อลงสนามแข่งขันกันแล้ว ต้องสู้ให้เต็มที่ที่สุด“วิสุทธิ์” ไม่รับประกันสภาฯจะไม่ล่มนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีพรรค พท. เป็นเจ้าภาพนัดกินข้าวพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 22 ก.ค.ว่า เป็นการนัดสังสรรค์พบปะกันธรรมดา ไม่มีนัยพิเศษทางการเมืองที่ต้องมาพูดคุยกันซีเรียส เรื่องการเมืองอาจนำมาคุยกันบ้าง แต่คงแค่การปรับทุกข์ ไม่ได้หารือเป็นทางการ อย่างเรื่ององค์ประชุมสภาฯ ได้กำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ขอความร่วมมือไปแล้วว่า ถ้ายังอยากเป็นรัฐบาลต่อ สัมพันธภาพต้องแน่นแฟ้น มี สส.และรัฐมนตรีมาประชุสภาฯทุกวันพุธ วันพฤหัสฯอย่างเต็มที่ ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ถึงจะไปต่อได้ และไม่ใช่แค่มาประชุม แต่ต้องอยู่ร่วมในห้องประชุมด้วย ห้ามออกไปไหน เมื่อถามว่าหลังจากกำชับทุกพรรคอย่างจริงจังแล้ว รับประกันได้หรือไม่จะไม่เกิดปัญหาเรื่ององค์ประชุม จนต้องสั่งปิดประชุมหนีสภาฯล่ม เหมือน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายวิสุทธิ์ตอบว่า พยายามเต็มที่ดีที่สุด แต่ไม่รับประกัน หวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ยังมั่นใจไร้อุบัติเหตุการเมืองนายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุการเมืองกับรัฐบาล มั่นใจไม่มีอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้น ทุกคนมั่นใจรัฐบาลไปต่อได้ ทุกวันนี้ประชาชนลำบาก อยากให้รัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหาทั้งราคาพืชผลการเกษตร ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจโลกลำบากอยู่แล้ว อย่าให้มีอุบัติเหตุการเมืองอีกเลยฉุนลูกอีช่างฟ้องจ้องจับผิด “ทักษิณ”เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับมามีบทบาทส่งสัญญาณทางการเมือง ร่วมประชุมกับทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลก เกรงจะถูกดำเนินคดีครอบงำพรรคและรัฐบาลอีกหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า การเชิญไปให้คำแนะนำในฐานะผู้มีประสบการณ์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ นำมาปรับใช้ ไม่ใช่ครอบงำ นายทักษิณไม่เคยสั่งการ สส.หรือข้าราชการ ระวังตัวในทางปฏิบัติและคำพูดอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องจะมาจ้องจับผิดฟ้องไปหมด ทำทุกอย่างเป็นนิติสงครามให้ประเทศเดินต่อไม่ได้ จะกลัวอะไรนายทักษิณขนาดนั้น พวกลูกอีช่างฟ้องต้องหมดได้แล้ว น่าเบื่อน่ารำคาญ ไม่อยากคบเพื่อนแบบนี้ แต่คดีฮั้วเลือก สว.หลักฐานชัดเจน ทำไมไม่ไปฟ้องบ้าง“สุทิน” รับ รบ.เปราะบางความเชื่อมั่นดิ่งนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงสถานการณ์รัฐบาลว่า ขณะนี้ความเชื่อมั่นของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แตกต่าง จากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ หลังจากมีปัญหาพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เสียงไม่มีเสถียรภาพเท่ารัฐบาลชุดก่อน และมีหลายประเด็นรุมเร้า ทั้งปัญหาเพื่อนบ้าน คดีศาลรัฐธรรมนูญรุมเร้า ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลน้อยลง เชื่อว่าต้องอาศัยเวลาสักนิด เมื่อสถานการณ์นิ่งขึ้น รัฐบาลตั้งใจทำงานโดยไม่ตื่นตระหนก จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้ มีหลายปัจจัยทั้งที่คุมได้ เช่น ความนิยม หรือปัจจัยในสภาฯ รวมถึงปัจจัยที่คุมไม่ได้ เช่น คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือจากองค์กรอิสระต่างๆ ทำให้รัฐบาลไทยเปราะบางไม่เหมือนประเทศอื่น ต้องให้กำลังใจกัน ถ้ารัฐบาลเป็นอะไรไปประเทศจะเสียประโยชน์ แต่ยังไม่ใช่เวลาเกิดสุญญากาศ ควรมีรัฐบาลที่ฟูลพาวเวอร์เพื่อแก้ปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรคประเทศต่อไป ส่วนตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 แล้วแต่นโยบายผู้บริหารพรรค หากคิดแบบโควตาต้องเป็น สส.อีสาน แต่ถ้าคิดแบบตัวบุคคลคงพิจารณาตามความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมบลัฟ “ชวน” เคยเชิญ “ทักษิณ” แก้วิกฤตินายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค พท. กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การเชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าร่วมหารือทีมไทยแลนด์หาแนวทางแก้ไขมาตรการภาษีสหรัฐฯที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ว่า ทุกฝ่ายควรพิจารณาโดยวางอคติ ส่วนตัว อคติทางการเมือง มองข้อเท็จจริง การที่รัฐบาลหรือรัฐมนตรีเชิญบุคคลภายนอกมาปรึกษาหารือเป็นเรื่องปกติมากของทุกรัฐบาลในโลก ที่ต้องการหาแนวทางดีที่สุดแก้ปัญหาประชาชน ขณะนี้ปัญหามาตรการภาษีสหรัฐฯ รัฐบาลพยายามเร่งแก้ไขในอดีตประเทศไทยเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายชวน หลีกภัย เคยเชิญนายทักษิณเข้าทำเนียบรัฐบาลช่วยเจรจาการค้ากับออสเตรเลียมาแล้ว ประเทศไทยเวลานี้เผชิญหน้าความท้าทายหลายเรื่อง การมีผู้มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ตรง นำประเทศพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่มาได้ จึงควรใช้มาประกอบการพิจารณาแก้ปัญหา ถ้าไม่คิดใช้ความรู้ความสามารถของนายทักษิณมาช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยเวลานี้ น่าเสียดายมากโอ่ปราบยาเสพติดได้ดีกว่า ภท.แน่นายดนุพรกล่าวอีกว่า ส่วนที่รัฐบาลดำเนินนโยบายปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ การปฏิบัติการมีแนวโน้มในทางที่ดี มีการออกหมายจับเครือข่าย “นายก๊กอาน” เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อายัดเงินสด ทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล รวมถึงประสานงานตำรวจสากลเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด เป็นไปตาม การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ขณะที่กระทรวงมหาดไทยกำลังปรับปรุงการทำงานตามนโยบายรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ให้ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาประชาชนรวดเร็วขึ้น ทั้งปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรม ปราบบ่อนกลางกรุง ปราบปรามผู้มี อิทธิพลและกลุ่มทุนสีเทา การปราบยาเสพติดเชื่อว่า จะเห็นผลชัดเจนในไม่ช้าภายใน 3 เดือน จำนวนการ ก่ออาชญากรรมต่างๆ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะยาเสพติด ที่ สส.พรรคเพื่อไทยแก้ปัญหามาตลอด มั่นใจว่าจะมีประสิทธิผลดีกว่าช่วงที่กระทรวง มหาดไทยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคการเมืองอื่น ที่ขณะนี้ถอนตัวออกไปเป็นฝ่ายค้านกธ.มั่นใจ ลต.พร้อมเป็นแกนนำตั้ง รบ.ที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จ.ชลบุรี นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ โฆษก พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงผลการสัมมนาสมาชิกพรรค กธ.ภายใต้งานชื่อ “คนกล้าลงมือทำ Dare to do” ว่า การสัมมนาครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำว่าพรรค กธ.กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสมาชิกพรรคทั่วประเทศมีจำนวนกว่าแสนรายชื่อแล้ว และยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามว่าการจัดสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นการการันตีว่าพรรค กธ.พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายอัครแสนคีรีกล่าวว่า พรรคเราพร้อม เพราะ สส.ปัจจุบันมีคุณภาพและใส่ใจ ความเดือดร้อนของประชาชน เชื่อว่าการเลือกตั้งรอบ หน้าพรรค กธ.โดยเฉพาะ สส.เขตจะสามารถเข้าสภาฯ มาได้ถึง 90-100% ส่วนเป้าที่จะต้องทำเพิ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. รวมถึงกรรมการบริหารพรรคทุกคน จะให้ความสำคัญ และดูข้อมูลเป็นรายเขตว่าต้องทำเพิ่มเติมในจุดใดบ้างแจงให้ข้อมูลเพื่อเกษตรกรไม่ถูกทิ้งนายอัครแสนคีรีกล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส ร่วมวงทีมเจรจาภาษีสหรัฐฯ ที่บ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นอดีต รมว.เกษตรฯ และวันนี้พรรค กธ.ดูแลกระทรวงเกษตรฯ โดยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรฯ และนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่ผ่านมาทำงานขับเคลื่อนพร้อมกับพรรค กธ.ลงลึกไปถึงปัญหาประชาชนเกษตรกร และคนรากหญ้า โดย ร.อ.ธรรมนัสเข้าใจเกษตรกรอย่างถ่องแท้ ทั้งเรื่องประมง ปศุสัตว์ และผลิตภัณฑ์การเกษตร การที่ ร.อ.ธรรมนัสไปให้ข้อมูลที่บ้านพิษณุโลก เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทีมไทยแลนด์ เพราะพรรคเราเข้าใจว่าเกษตรกรเดือดร้อนเรื่องอะไร ปวดหัวปวดใจกับอะไรบ้าง อะไรเป็นตลาดที่เราไม่สามารถให้เปิดได้ หรืออะไรที่เปิดตลาดแล้ว ไม่กระทบเกษตรกร รวมถึงผู้เลี้ยงสัตว์ หรือผู้ประกอบกิจการประมง เราจำเป็นต้องให้ข้อมูล เพื่อไม่ให้ พวกเขาถูกทอดทิ้ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ร.อ.ธรรมนัส และนายอรรถกร ต้องเข้าบ้านพิษณุโลก“ทักษิณ” วางคิวจ้อปลดล็อกอนาคตไทยสำหรับความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 17 ก.ค. นายทักษิณจะขึ้นเวทีปาฐกถา พิเศษในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย...สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย...สู่อนาคต” พร้อม ให้สัมภาษณ์พิเศษ เวลา 19.45-21.30 น. ที่ห้องบอลรูม 1-2 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะที่วันที่ 19 ก.ค. นายทักษิณจะเดินทางไปยังวัดบ้านไร่ (วัดหลวงพ่อคูณ) ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก และเททองหล่อส่วนฐานรับองค์หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่“อลงกต” ไม่หวั่นไหวข่าวฟันคดีฮั้ว สว.นายอลงกต วรกี สว. กล่าวถึงกระแสข่าวคณะ อนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลางชุดที่ 26 สรุปสำนวนคดีฮั้วเลือก สว.เสร็จแล้ว โดยให้ส่งฟ้องผู้กระทำผิด 229 คน และเตรียมส่งเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาในวันที่ 14 ก.ค. ว่า เป็นสิทธิของ กกต.ในการดำเนินการ ทราบว่าล่าสุด กกต.ปฏิเสธแล้วว่า ไม่เป็นความจริง กรณีดังกล่าวเป็นสิทธิของ กกต.ที่เรียก สว.ไปรับทราบ ข้อกล่าวหาและตรวจสอบ สว.ได้ สว.มีหน้าที่ไปรับทราบข้อกล่าวหา และมีสิทธิปฏิเสธข้อกล่าวหา ถือเป็นสิทธิและหน้าที่แต่ละฝ่าย ถ้าถามว่า รู้สึกหวั่นไหวหรือไม่ เรื่องนี้ผ่านมา 4-5 เดือน จนเลิก หวั่นไหวแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ที่ผ่านมาใช้สิทธิ โต้ข้อกล่าวหาหมดแล้ว อยู่ที่ กกต.จะสอบเพิ่มหรือไม่ สุดท้ายทุกอย่างอยู่ที่ศาลเป็นผู้ชี้ขาด เขาคงกลัวข่าวสว.จะเงียบ เลยมีกระแสข่าวเรื่องนี้ออกมา ถ้าจะโฟกัส ข่าวฮั้วเลือก สว.จับตาได้ แต่อย่าลืมข่าวเรื่องเขมร ที่ต้องใส่ใจด้วย ขณะนี้กัมพูชาด่าไทยทุกวัน อยากถาม ว่า เรื่องความสัมพันธ์ทางการทูตสมควรต้องตัดสัมพันธ์หรือยังอนุ กกต.สอบคดีฮั้ว สว.จ่อสรุป 17 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า มีรายงานว่าคณะกรรมการสืบสวน และไต่สวนกลางชุดที่ 26 ของสำนักงาน กกต. ที่รับผิดชอบคดีฮั้วเลือก สว. นัดประชุมในวันที่ 17 ก.ค. วันสุดท้ายของกรอบระยะเวลาการสอบสวน โดยยังไม่พบว่าคณะกรรมการสืบสวนฯ ขอขยายเวลาการสอบสวนเพิ่มเติมต่อ กกต. คาดว่ามีความเป็นไปได้ว่าการประชุมวันที่ 17 ก.ค. คณะกรรมการสืบสวนฯจะมีการสรุปสำนวนตามพยานหลักฐานเห็นควรที่ กกต.จะดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 77 (1) ประกอบมาตรา 62 กับผู้ใดบ้าง ก่อนที่จะเสนอมายังสำนักงานฯให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป“แสวง” โยนรองเลขาฯลงความเห็นผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสำนวนดังกล่าวจากขั้นตอนที่ 1 เข้ามาสู่ขั้นตอนที่ 2 ที่เลขาธิการกกต. จะต้องมีความเห็นต่อสำนวนดังกล่าว ในขั้นตอนนี้ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด 2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 กำหนดเวลาไว้ว่า 60 วันก่อนมีความเห็น เลขาธิการ กกต. สามารถสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมได้ มีรายงานว่านายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.จะมอบให้รองเลขาธิการ กกต.เป็นผู้ให้ความเห็นแทน เนื่องจากตัวเองเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียต่อเรื่องดังกล่าวโพลจี้ ครม.แก้ ศก.เชื่อพ่ายภาษีทรัมป์วันเดียวกัน “สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,191 คน เรื่อง “ครม.ชุดใหม่และภาษีทรัมป์” ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค. พบว่าผลงานหรือนโยบายที่อยากเห็น ครม.ชุดใหม่เร่งดำเนินการมากที่สุด ร้อยละ 65.41 การแก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ ส่วนเรื่องที่กังวลเกี่ยวกับ ครม. ชุดใหม่ ร้อยละ 62.97 อาจมีบุคคลประวัติไม่โปร่งใส ความสามารถไม่ตรงกับงาน เมื่อเทียบกับ ครม.ชุดที่ ผ่านมาร้อยละ 41.56 คิดว่าการทำงานของ ครม.ชุดใหม่อาจจะแย่กว่า ด้านความเห็นเกี่ยวกับกรณีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทย 36% ร้อยละ 50.04 คาดว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก ร้อยละ 50.63 มองว่ารัฐบาลไทยไม่น่าจะเจรจาแก้ไขปัญหานี้ได้“อิ๊งค์” ควรลาออก เชียร์ “ลุงตู่” คัมแบ็กขณะที่ “นิด้าโพล” เปิดเผยผลการสำรวจ ประชาชน อายุ 18 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ 1,310 หน่วย ตัวอย่างเรื่อง “การเมืองไทย ไปต่อแบบไหนดี” ระหว่าง วันที่ 4-7 ก.ค. พบว่าสถานการณ์ทางการเมืองไทยปัจจุบันร้อยละ 42.37 เห็นว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหานายกฯ คนใหม่ ร้อยละ 39.92 ควรยุบสภาฯ เพื่อจัดการเลือกตั้ง ทั่วไป ร้อยละ 15.04 น.ส.แพทองธารควรบริหารประเทศ ต่อไป ร้อยละ 1.37 เรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ร้อยละ 0.99 อย่างไรก็ได้และร้อยละ 0.31 ไม่ตอบ โดยบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ คนต่อไปกรณี น.ส.แพทองธารต้องพ้นจากตำแหน่ง ร้อยละ 32.82 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 27.94 ไม่สนับสนุนใครเลย ร้อยละ 11.53 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 10.92 นายชัยเกษม นิติสิริ ร้อยละ 9.77 ใครก็ได้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 3.82 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ร้อยละ 1.83 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 0.84 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และร้อยละ 0.53 ไม่ตอบ/ไม่สนใจหนุน ปชน.ร่วมลงชื่อเปิดซักฟอก รบ.เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการ ที่พรรคประชาชน ควรร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้าน เพื่อขอเปิดอภิปรายและลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ และ/หรือรัฐมนตรี จากสถานการณ์ทางการเมืองใน ปัจจุบัน ร้อยละ 64.43 ระบุควรลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ และ/หรือรัฐมนตรี รองลงมา ร้อยละ 26.26 ระบุว่า ไม่ควรลงชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายกฯ และ/หรือรัฐมนตรี ร้อยละ 7.48 ระบุว่า อย่างไรก็ได้ และร้อยละ 1.83 ไม่ตอบปชน.ขยี้รถไฟฟ้า 20 บาทเอื้อนายทุนเมื่อเวลา 16.00 น. เพจเฟซบุ๊กพรรค ปชน.โพสต์ข้อความว่า ตามที่รัฐบาลพรรค พท.ประกาศจะทำนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เริ่มวันที่ 1 ต.ค.68 พรรค ปชน.เห็นด้วยว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าปัจจุบันราคาแพงควรถูกปรับลดบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ประชาชน แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของพรรค พท. ที่ใช้เงินของรัฐ ภาษีประชาชนทั้งประเทศไปอุดหนุนให้นายทุนรถไฟฟ้าอย่างไร้ฐานคิด รัฐบาลไม่ทราบต้นทุนของรถไฟฟ้าแต่ละสาย แต่กลับตั้งราคาขึ้นมาลอยๆที่ 20 บาท ส่งผลให้ 1.รัฐต้องทุ่มเงินอุดหนุนจำนวนมาก สุดท้ายเข้ากระเป๋านายทุนรถไฟฟ้าเต็มๆ 2.เป็นนโยบายที่คิดไม่ครบ ใช้งบจำนวนมาก ละเลยผู้ใช้รถเมล์ 3.ขาดความยั่งยืน ต้องลุ้นแบบปีต่อปีเพราะไม่ได้ออกเป็นกฎหมาย ขึ้นอยู่กับรัฐบาลต่อไปจะทำต่อหรือไม่ดันตั๋วร่วม 8-45 บาทใช้งบฯ 7 พันล้านเพจพรรค ปชน.ระบุอีกว่า ข้อเสนอพรรค ปชน.การทำค่าโดยสารร่วม 8-45 บาท รวมระบบรถไฟฟ้า และระบบรถเมล์ ผ่านร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ผ่าน กมธ. แล้วรอเข้าสภาฯ วาระที่ 2 ข้อดีผู้เดินทางไม่ต้องจ่าย ค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน เดินทางข้ามสายหรือข้ามระบบ (เช่นจากรถไฟฟ้าไปรถเมล์) อย่างไร้รอยต่อ หากร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมพรรค ปชน.ผ่านสภาฯจะมีตั๋วร่วม (Common Ticket) หรือตั๋วใบเดียว ที่ใช้ได้ทุกขนส่งสาธารณะ ไม่ต้องลงทะเบียนผ่านแอปฯ ให้วุ่นวายยุ่งยาก เช่นเดียวกับกรุงลอนดอนที่มีบัตร Oyster สิงคโปร์มีบัตร EZ-Link ฮ่องกงมีบัตร Octopus นโยบายพรรค ปชน.รัฐอุดหนุน แต่ไม่เหมือนพรรค พท. (ที่อุดหนุนตรงไปที่นายทุนใหญ่รถไฟฟ้า) คาดว่าใช้ 7,000 ล้านบาทต่อปี เงินอุดหนุนส่วนมากไปช่วยระบบรถเมล์ ฐานผู้ใช้มีรายได้น้อยกว่ารถไฟฟ้า ในส่วนรถไฟฟ้าไม่เอื้อนายทุนเพราะอยู่บนฐานสัมปทานเดิม (15-45 บาท) พรรค ปชน.ออกแบบนโยบายภายใต้แนวคิดขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน โดยจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด เพื่อช่วยคนที่เดือดร้อนจริงๆมากหน่อย “ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบปะผุ โปรยไปทั่วให้เหลือ 20 บาท แต่แท้จริงประเคนผลประโยชน์ให้นายทุนรถไฟฟ้า ที่สนิทสนมกับนายใหญ่ในรัฐบาล”รัฐผ่อนปรนรถ 2 ชั้น วิ่ง 6 เส้นทางน.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯเปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสาร 2 ชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด จะมีการติดตามและประเมินผล ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ GPS แบบสื่อสารสองทาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมและกำกับการเดินรถ ส่วนเส้นทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ยังคงห้ามมิให้รถโดยสาร 2 ชั้น (มาตรฐาน 4) เดินรถ เนื่องจากเป็นเส้นทางความเสี่ยงสูงและมีสถิติเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างต่อเนื่องเล็งชงภาษี 2 อัตราเจรจาสหรัฐฯผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการติดตามการเจรจาลดภาษีตอบโต้ระหว่างไทย-สหรัฐฯ ไทยกำลังรอผลตอบรับการยื่นข้อเสนอครั้งที่ 2 จากสหรัฐฯ ต้องจับตาอาจเป็นไปได้ว่าที่สหรัฐฯจะพิจารณาคิดภาษีไทยแบบ 2 อัตราเหมือนกับเวียดนาม โดยสินค้าที่ผลิตในไทย 100% ไม่มีวัตถุดิบ หรือถิ่นกำเนิดสินค้ามาจากประเทศที่สามไทยจะได้เสียภาษีในอัตราต่ำ ขณะที่สินค้ามีวัตถุดิบจากประเทศอื่น หรือนำเข้ามาแล้วสวมสิทธิ ตีตราเป็นสินค้าไทยจะเสียภาษีแพงกว่า แนวทางนี้จะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ ไม่ว่าสินค้าเกษตรที่คนไทยผลิตเอง 100% หรือสินค้าเอสเอ็มอีที่ใช้วัตถุดิบในประเทศส่วนใหญ่ มีโอกาสเสียภาษีน้อยลง แข่งขันได้ สินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากต่างประเทศสัดส่วนมากๆ หรือนำเข้ามาใช้ไทยเป็นทางผ่านเลี่ยงภาษี อาจต้องเสียภาษีสูงกว่า ซึ่งสหรัฐฯเคยตกลงเก็บภาษีสินค้าที่ผลิตได้เองในเวียดนาม 20% ส่วนสินค้าผ่านทางจะถูกเก็บภาษีถึง 40%เอกชนหนุนอุ้มรายเล็ก–เกษตรกรรอดด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยหากรัฐบาลจะเจรจาหาทางออกให้สหรัฐฯเก็บภาษีไทยเป็น 2 อัตรา สินค้าเกษตรและเอสเอ็มอีที่ไทยผลิตได้เองจะเสียภาษีต่ำ หากได้ภาษี 15-16% จะเป็นเรื่องดี สามารถแข่งขันกับเวียดนามได้ ส่วนสินค้าที่มีปัญหาสวมสิทธิหรือใช้ไทยผ่านทาง หากเสียภาษี 36% ก็ได้ เพราะสินค้าเหล่านี้ไทยได้รับประโยชน์น้อยอยู่แล้วอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่