ประวัติ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ควบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี สู้ศึกเลือกตั้ง 2569 นั่งมาแล้วทั้งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมาแล้ว ลั่น เป็นคนทำแล้วค่อยพูด
วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันรับสมัครเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต และ สส.บัญชีรายชื่อ ในช่วงวันที่ 27-31 ธันวาคม 2568 และกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 พรรคการเมืองต่างๆ มีท่าทีและความเคลื่อนไหวในการเปิดตัวบุคคลเข้าร่วมงานการเมืองในฐานะผู้สมัคร สส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยังคงเป็นหัวหน้าพรรค ควบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ประวัติ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 ชื่อเล่น ตุ๋ย เป็นบุตรของ พลโทณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์และเจ้ากรมการพลังงานทหาร และโสภาพรรณ สาลีรัฐวิภาค (นามสกุลเดิม: สุมาวงศ์) อดีตดาวจุฬาฯ คนแรก ส่วนชีวิตครอบครัว สมรสกับ สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค (นามสกุลเดิม: โทณวณิก) มีบุตรธิดารวมกันทั้งหมด 4 คน
...
นายพีระพันธุ์ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนเดียวกับ “บิ๊กป้อม” จากนั้น เรียนต่อปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบเนติบัณฑิตไทย ที่สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา จบปริญญาโท กฎหมายอเมริกันทั่วไป (LLM) และเรียนปริญญาโทอีกใบ ด้านกฎหมายเปรียบเทียบ (MCL) ที่มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา
ในด้านการทำงานเป็นทนายความมาตั้งแต่ปี 2524-2529 ในตำแหน่งที่สำคัญๆ คือ ผู้ช่วยผู้พิพากษา ปี 2529, ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ปี 2530, ผู้พิพากษาศาลจังหวัดตาก ปี 2530, ผู้พิพากษาศาลจังหวัดธัญบุรี ปี 2531, ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ช่วยราชการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองวิชาการ สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ กระทรวงยุติธรรม ปี 2532, ช่วยราชการในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลแพ่ง ปี 2535
ในทางการเมืองเคยลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2535 และปี 2538 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ สอบตกทั้งสองครั้ง ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2539 และเคยได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกมากมาย อาทิ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, กรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2535, ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปี 2536, ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และกรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ปี 2539, รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกฯ นายศุภชัย พานิชภักดิ์) 15 พฤศจิกายน 2540, ส.ส.กทม. เขต 11 (เขตดินแดง) พรรคประชาธิปัตย์ 6 มกราคม 2544, ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ 12 มิถุนายน 2544, กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ 20 เมษายน 2546, ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์ 6 กุมภาพันธ์ 2548, ส.ส.กทม.เขต 3 หมายเลข 7 พรรคประชาธิปัตย์ 23 ธันวาคม 2550, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 20 ธันวาคม 2551, ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 19 พรรคประชาธิปัตย์ 3 กรกฎาคม 2554, ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์ 24 มีนาคม 2562 (ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ 9 ธ.ค.2562),
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) 17 ธันวาคม 2562, สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรครวมไทยสร้างชาติ 14 พฤษภาคม 2566 (ลาออก 30 มิ.ย.2566), เลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) 20 ธันวาคม 2565 และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 1 กันยายน 2566 (รัฐบาลฯเศรษฐา ทวีสิน ศาลรัฐธรรมนูญให้สิ้นสุด 14 ส.ค.2567) ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ 3 สิงหาคม 2565
ต่อมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 3 กันยายน 2567 (รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร) ในช่วงเวลานี้ยังได้เกิดกรณีคลิปเสียงเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่าง "นายกฯ อิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร กับ "สมเด็จฮุน เซน" ประธานวุฒิสภา อดีตผู้นำกัมพูชา ที่สมเด็จฮุน เซน ปล่อยคลิปออกมาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 กรณีข้อขัดแย้งชายแดนระหว่างประเทศ ทำให้หลายคนออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็พบว่า พรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ได้นัดประชุมถกจุดยืนทางการเมือง ว่าจะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ (อ่านเพิ่มเติม : คลิปนายกฯ 17 นาทีเต็ม “อิ๊งค์” คุย “อังเคิลฮุน เซน” รับปมไทย-กัมพูชาทำรัฐบาลสั่นคลอนที่สุด)
ขณะนั้น นายพีระพันธุ์ ได้นำข้อหารือในที่ประชุมเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า บ้านพักของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดาของ น.ส.แพทองธาร มีข่าวลือว่ามีการยื่นข้อเสนอให้มีการเปลี่ยนตัวนายกฯ จาก น.ส.แพทองธาร เป็น นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น ก่อนที่วิกฤติจะลุกลามไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดวิกฤติการเมืองถึงขั้นไล่รัฐบาลเพื่อไทยเช่นในอดีต
อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวด้วยว่า ครูใหญ่เนวิน ชิดชอบ ได้หารือทางออกของวิกฤติการเมืองกับอดีตนายกฯ ซึ่งก็มีท่าทีว่าอยากจะสนับสนุน นายพีระพันธุ์ ให้นั่งเก้าอี้นายกฯ เพื่อผ่านวิกฤติในช่วงนี้ไปให้ได้ ซึ่งมีการสนับสนุนเห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ ทั้งจากเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งจะมีผลต่อการปรับ ครม. ที่อาจจะต้องรอให้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากกว่านี้
กระทั่งนำไปสู่การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 มีมติเสียงข้างมาก 6:3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ทำคณะรัฐมนตรีต้องหลุดทั้งคณะด้วย (อ่านเพิ่มเติม : มติ 6:3 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ "แพทองธาร" พ้นนายกฯ - ครม.หลุดทั้งคณะ) ทำให้ต้องโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ซึ่งสภาฯ มีมติ 311 ต่อ 152 เห็นชอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 (อ่านเพิ่มเติม : มติสภาฯ เห็นชอบ "อนุทิน" นายกรัฐมนตรีคนที่ 32) ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลอนุทิน ไม่ได้มีพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และต่อมาบุคคลภายในพรรคหลายคนแตกออก โดยบางส่วนไปพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ในการเลือกตั้งใหญ่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 นายพีระพันธุ์ ยังคงเป็นเรือของพรรครวมไทยสร้างชาติ ควบแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง โดยนายพีระพันธุ์ บอกตอนหนึ่งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ในงานแถลงข่าว "เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ" ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เพิ่งเกิดมา 3-4 ปี เราไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่ถ้าวัดกันด้วยความเด็ดขาด วัดกันด้วยผลงาน การเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาให้ประเทศ วัดเรื่องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ตนยืนยัน และถ้าวัดกันด้วยความขาวสะอาด มุ่งมั่นตั้งใจของพรรค คนที่มาเป็นผู้สมัคร เรายิ่งใหญ่ ยืนยันและมั่นใจว่าตนไม่ใช่แค่พูด 30 ปีที่อยู่ในการเมือง ตนไม่ต้องบอกหรอกว่าพูดแล้วทำ แต่ตนทำแล้วค่อยพูด ปัญหาที่บอกเป็นวิกฤติหลายเรื่อง ตนทำงานมาไม่เคยประชาสัมพันธ์ เพราะไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างชื่อเสียงส่วนตัว ไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างภาพ เข้ามาเพื่อทำงาน ไม่ได้มาเล่นการเมืองเหมือนคนอื่น.