กระบวนท่าในเชิงยุทธ์ของกัมพูชานั้น ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะเกมชิงพื้นที่ชายแดนนั้นจะเปิดเกมรุกอยู่ตลอดเวลา

เรียกว่าไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งตัวได้

เพียงแต่ศึกระหว่างไทย-กัมพูชานั้น เรายึดความถูกต้องชอบธรรม ไม่ต้องการเปิดศึกสงคราม แต่ต้องการสันติภาพและความสงบสุข

จึงเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่า

เพียงแต่เป็นการตั้งรับในที่ตั้ง แต่เตรียมพร้อมทุกอย่าง เพื่อรับมือหากกัมพูชารุกล้ำมากกว่านี้ ก็ต้องตอบโต้

อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ว่าไปแล้ว กัมพูชาก็คงรู้ดีว่ารบกับไทยนั้น เขาเป็นรอง เนื่องจากไทยพร้อมกว่าทุกด้าน แต่ที่ทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการดินแดนที่เป็นของไทย

และหวังผลทางการเมือง สร้างความนิยมในหมู่ประชาชน

วันนี้กัมพูชาเดินเกมรุกด้วยการอาศัยศาลโลกและแรงหนุนจากนานาชาติ ดังนั้น การประชุมเจบีซีจึงไม่มีอะไร

เพราะ “ฮุน เซน” และลูกชาย มองไปที่จุดนั้นมากกว่า!

เมื่อเขาร้องไปที่ศาลโลก อ้างว่าพื้นที่พิพาท 4 จุดนั้น

เป็นของเขา โดยพยายามดึงฝรั่งเศสให้มาสนับสนุน

และเรียกนานาชาติกล่าวหาไทยเป็นผู้รุกราน ไม่ต่างกับรัสเซียกับยูเครน

ความจริงในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสนั้น คือประเทศที่ได้สร้างปัญหาและความยุ่งยากให้กับประเทศและอินโดจีนมาตลอด

ไม่ว่าไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม

อาศัยเป็นประเทศใหญ่แบบจักรวรรดินิยมที่ยึดครองประเทศเล็กๆแล้วเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการจัดการเรื่องต่างๆ

โดยเฉพาะเรื่องดินแดน

ด้วยความเป็นเจ้าอาณานิคมทำให้ไทยต้องเสียดินแดนไปหลายแห่ง แต่ดีที่กษัตริย์ไทยมีความสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีพอสมควร

จึงไม่ต้องเสียดินแดนไปมากกว่านี้

“ฝรั่งเศส” คือประเทศตัวแสบที่สุด!

ได้ยึดครองประเทศไหนก็ทำความฉิบหายให้กับประเทศนั้นๆ

...

ดูจากสถานการณ์และความเป็นจริงการประชุมเจบีซี

คงไม่มีผลอะไร เพราะกัมพูชาไม่พูดคุยกรณีพื้นที่พิพาท 4 จุด

แต่มองข้ามไปถึงศาลโลกโน่น เพราะคิดว่าสนามนั้น

เขามีโอกาสที่จะชนะ

ทว่าไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกก็ไม่ต้องกังวลอะไรเพียงแต่ต้องเตรียมข้อมูลต่างๆให้พร้อม ชี้แจงให้นานาชาติได้รู้ว่า ได้เกิดอะไรขึ้น

ที่สำคัญต้องชี้ให้เห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นของไทย

แต่ “กัมพูชา” พยายามจะแอบอ้างว่าเป็นของเขา

พูดง่ายๆว่าไทยจะต้องเกาะติดความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าว เพื่อที่จะได้แก้ข้อกล่าวหาต่างๆอย่างรู้เท่าทัน

เพราะเล่นกับคนโกงมันโกงได้ทุกเรื่อง!

แต่มีข้อดีอยู่อย่าง ประชาชนชาวกัมพูชานั้นไม่ฟังผู้นำ

ประเทศเขาเท่าใดนัก เพราะรู้ประวัติกันดีและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องการเมือง

ขนาด “ฮุน  เซน” เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศกลับประเทศ ปรากฏว่า ไม่มีใครยอมกลับ

เพราะเขาคิดว่าอยู่แบบนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม