ในขณะที่ประเทศไทยและประชาชนชาวไทยต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจผันผวน ซึ่งคาดว่าจะตกต่ำถดถอยไปทั่วโลกแน่นอน เพราะฝีมือของประธานาธิบดีทรัมป์คลั่ง

แทนที่จะใช้เวลาใช้สมองในการร่วมมือร่วมใจกันวางแผนและทำงานแก้ปัญหาแบบเป็นหนึ่งเดียวกัน รัฐบาลไทยซึ่งรวมตัวกันอย่างหลวมๆ ก็กลับมีปัญหาขัดแย้งจะแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญๆกันเสียอย่างนั้น

แถมยังผีซํ้าด้ามพลอยโดน “2 พ่อลูก” ผู้นำเขมร นายฮุนเซน นายฮุน มาเนต ซึ่งวางแผนจะยึดแผ่นดิน ซึ่งหลายๆส่วนชัดเจนว่าเป็นของไทย และหลายส่วนยังตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นของใครไปเป็นของเขาเข้าเสียอีก

มีการส่งกำลังเข้ามาประชิด มีการส่งหน้าม้าเข้ามาร้องเพลงชาติในแดนไทย ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และในที่สุดก็ออกลาย จะส่งเรื่องไปให้ศาลโลกพิจารณา

พร้อมกับแสดงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาชายแดน จนโฆษกของกระทรวงต่างประเทศไทยต้องออกมาแถลงประณามพร้อมกับฝ่ายทหารของไทยก็หันมาใช้มาตรการจำกัดเวลาปิดด่านเปิดด่านเป็นเครื่องมือในการตอบโต้กัมพูชาอยู่ในขณะนี้

ต้องยอมรับผีซํ้าด้ามพลอยจริงๆ ทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเรา และที่สำคัญความหวังที่จะใช้การท่องเที่ยวเป็นพลังในการสร้างรายได้ หลังจากจู่ๆก็อ่อนล้าลง ต้องยากลำบากขึ้นไปอีก

แต่ก็เอาเถอะประเทศไทยจะต้องเดินหน้าต่อไป มีปัญหามีอุปสรรคอย่างไรก็ต้องหาทางแก้ไขผ่อนปรน เพื่อให้เดินหน้าต่อไปให้ได้

นี่ก็มีข่าวว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯมีกำหนดให้ทีมเศรษฐกิจของเราไปเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรแล้ว ซึ่งทางฝ่ายเราก็เตรียมตัวแล้วขอให้กำลังใจให้ผลการเจรจาออกมาเป็นผลดีต่อเรามากที่สุด จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป และลงมือทำมาค้าขายกันต่อไปเท่าที่จะทำได้

อีกข่าวดีหนึ่งที่ต้องขอขอบคุณ ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นภาคส่วนไหนของญี่ปุ่น ที่เขาจัดทำภาพยนตร์การ์ตูนชุด “โดราเอม่อน” ตอนพิเศษ “อยากพบแมวตัวนั้นในประเทศไทย” ว่าถึงการเดินทางมาเมืองไทยของ โดราเอม่อน และ โนบิตะ พร้อมกับนำเที่ยวตลาดนํ้าดำเนินสะดวก และอีกหลายๆจุดน่าเที่ยวของประเทศไทย 

...

ผมดูไปแล้วหลายรอบทาง “ยูทูบ” ตามประสาแฟน โดราเอม่อน ตัวยง ต้องขอขอบคุณคณะผู้สร้าง ผู้กำกับ และผู้เขียนบทที่วางเค้าโครงเรื่องอย่างสนุก สามารถช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทยเราได้อย่างดียิ่ง...และได้ข่าวว่าคนญี่ปุ่นดูแล้วยิ้ม อยากมาเที่ยวไทยตามโดราเอม่อนจำนวนหนึ่งอยู่เหมือนกัน

อีกหนึ่งข่าวดีที่ขออนุญาตพูดถึงในวันนี้คือ ข่าวการเดินทาง “กลับบ้าน” ของ “น้องโอปอล” น.ส.สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 ผู้สร้างประวัติคว้ามง “นางงามโลก” เป็นครั้งแรกให้กับประเทศไทย นับแต่มีการจัดประกวดมา 72 ปี ในการประกวดที่เมืองไฮเดอราบัดรัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เป็นชัยชนะที่งดงามยิ่ง หมดจดยิ่ง และสมศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการพูดจาปราศรัย การกล่าวสุนทรพจน์ตอบคำถามที่ชนะใจกรรมการ และแฟนๆที่ชมการประกวดทั่วโลกอย่างแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กสาวที่เติบโตในประเทศไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เคยไปนอก ไม่ใช่ลูกครึ่ง แต่สามารถใช้ภาษาอังกฤษด้วย “สำนวน” และ “สำเนียง” ที่แม้แต่ลูกครึ่งแท้ๆ ก็พูดได้ไม่ดีเท่าดังกล่าว

“น้องโอปอล” จะกลับถึงประเทศไทยในวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 โดยจะมาถึงสุวรรณภูมิ เวลา 13.30 น. ณ อาคารขาเข้าชั้น 2 และจุดทางออกประตู 1 และทางออกประตู 10

อย่าลืมไปต้อนรับไปให้กำลังใจกันเยอะๆนะครับ...ถ้าเป็นสมัยก่อนคงได้จัดรถแห่ “เชฟโรเลต” เปิดประทุนของ ไทยรัฐ ไปรับแล้วละครับ แต่ยุคนี้สมัยนี้ไม่เป็นไร ขอให้ไปรับที่สุวรรณภูมิให้แน่นที่สุด ที่จะแน่นได้ก็แล้วกัน

หวังว่าข่าวดีๆเล็กๆ 2–3 ข่าวนี้จะช่วยให้คนไทยมีกำลังใจที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศควบคู่ไปกับการอดทนอดกลั้นเล่นเกมกับเขมร 2 พ่อลูกอย่างไม่สะทกสะท้านต่อไปนะครับ.

“ซูม”

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม