“เพื่อไทย” อ้อมแอ้ม “อนุทิน” เสียงแข็งยึดโควตาเดิมแรกตั้งรัฐบาล เป็นคำตอบตามมารยาทสุภาพบุรุษ บนพื้นฐานยังไม่ได้สัญญาณปรับ ครม. “ภูมิธรรม” ย้ำทุกอย่างอยู่ที่นายกฯพูดคุย ชี้การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ “สรวงศ์” รับในพรรคยังไม่ได้หารือเป็นทางการ เปิดทางนายกฯเร่งแก้ปัญหาชายแดนก่อน วอนอย่าโฟกัสแต่การเมืองมากไป “วรวัจน์” อ้างงานมีปัญหาพรรคร่วมฯลุยงานไม่ไปด้วยกัน แซะนั่งเก้าอี้มา 2 ปีกว่าไม่ตอบสนองประชาชน ไม่เหมาะสมก็ต้องปรับ ฝืนต่อไป เปล่าประโยชน์
จากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยืนยันหนักแน่นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี ในส่วนโควตาของพรรค ภท. ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุคำตอบของนายอนุทินตอบบนพื้นฐานที่ยัง ไม่ได้รับสัญญาณจากนายกฯ การปรับ ครม.ขึ้นอยู่ กับการพูดคุยของนายกฯ
“ภูมิธรรม” ย้ำทุกอย่างอยู่ที่นายกฯคุย
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรค ภท. ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค ภท.ยึดโควตารัฐมนตรีตาม ข้อตกลงเดิมตอนจัดตั้งรัฐบาลว่า เรื่องนี้ไม่ขอออก ความเห็นเพราะเป็นเรื่องของนายกฯที่จะพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร ไม่เกี่ยวข้อง ตอนนี้มุ่งแต่แก้ปัญหาเรื่องชายแดน ส่วนเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่ที่นายกฯ จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง เราทำงานการเมืองมาก็รู้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ อยู่ที่การพูดคุยกับนายกฯ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการยึดอะไร ทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยของนายกฯกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเมื่อถึงเวลาพูดคุยแต่ละฝ่ายก็จะเสนอความเห็นให้นายกฯตัดสินใจ เมื่อถามว่า ในฐานะแกนนำรัฐบาลได้พูดคุยกับพรรคร่วมแล้วหรือยัง นายภูมิธรรมตอบว่า ตนยังไม่ได้คุย อำนาจตัดสินใจอยู่ที่นายกฯ ส่วนนายกฯจะคุยหรือยังนั้น ตนไม่ทราบ
...
ยกเลิกไปปารีสเกาะติด 3 ปมร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรมได้ยกเลิกภารกิจเดินทางไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อประชุมทางทหารและร่วมงานปารีสแอร์โชว์ ระหว่างวันที่ 15-19 มิ.ย. เนื่องจากจะมีเหตุการณ์สำคัญภายใน ประเทศช่วงวันที่ 12-14 มิ.ย. โดยวันที่ 12 มิ.ย. แพทยสภาประชุมว่าจะเห็นชอบมติเดิมคือลงโทษแพทย์ 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือจะเห็นด้วยกับการยับยั้งมติ แพทยสภาของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ วันที่ 13 มิ.ย.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองนัดไต่สวนการส่งตัวนายทักษิณรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจถูกต้องหรือไม่ และ 14 มิ.ย. มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ยังคาดเดาการประชุมไม่ได้ว่าจะเป็นผลบวกหรือลบ
นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า การไม่ไปงานปารีสแอร์โชว์ เนื่องจากเป็นห่วงการเจรจา JBC เพราะ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นขอรอดูสถานการณ์ที่เป็นจริงจะได้ปรับท่าทีรับสถานการณ์ทันที ส่วนการประชุม แพทยสภาหรือการพิจารณาของศาลฎีกาเราไม่สามารถ แทรกแซงอะไรได้ เป็นกระบวนการปกติให้ว่ากันไป
“สรวงศ์” ย้ำระดับพรรคยังไม่ได้หารือ
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและ กีฬา เลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงความคืบหน้าการ ปรับ ครม.ของพรรค พท.ได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล บ้างแล้วหรือยังว่า ระดับพรรคยังไม่ได้พูดคุยกันอย่าง เป็นทางการ ส่วนระดับหัวหน้าจะคุยกันแล้วหรือไม่ ไม่ทราบ ตอนนี้ไม่อยากให้สังคมโฟกัสประเด็นการเมืองมากไป เพราะสถานการณ์ปัจจุบันนายกฯ กำลังมุ่งทุกสรรพกำลังไปที่ปัญหาชายแดน อย่าเพิ่งโฟกัสการเมืองวันไหนวันนั้น ขอสังคมโฟกัสไปที่ความมั่นคงก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ณ ตอนนี้ ส่วนจะปรับตอนไหนเป็นอำนาจนายกฯ แล้วแต่นายกฯ เห็นสมควร ตอนไหนตอนนั้น ในฐานะเลขาฯพรรคและ รมต. ถ้านายกฯมีข้อสั่งการอย่างไรพร้อมปฏิบัติ เมื่อถามว่าตอนนี้พรรคร่วมฯยังเหนียวแน่นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า มองว่ายังไม่มีอะไร นายกฯคุยกับทุกพรรคอยู่แล้ว เพราะหากจะมี การปรับเกิดขึ้น นายกฯต้องพูดคุยด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปปรับเลย เชื่อว่าพรรคร่วมทุกพรรคจะเข้าใจ เนื่องจากทุกการตัดสินใจของนายกฯอยู่บน พื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชน
ชี้ มท.1 ตอบตามมารยาทสุภาพบุรุษ
นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค พท. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทินให้สัมภาษณ์ขอยึดตามข้อตกลงเดิม ไม่ย้ายกระทรวง ว่า ยืนยันอีกครั้งว่าหากนายกฯต้องการจะปรับ ครม.จริงๆ นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค พท.ต้องเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมาพูดคุยกันว่าจะปรับอย่างไร จะขยับเล็กหรือขยับใหญ่ สิ่งที่นายอนุทินพูดคงจะเป็นไปได้ว่านายกฯยังไม่ได้พูดอะไร ยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณการปรับ ครม. นายอนุทินตอบคำถามตามที่สื่อมวลชนถามว่าถ้าเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ จะอย่างไร ในเมื่อยังไม่มีสัญญาณอะไรจากนายกฯ นายอนุทินต้องยืนยันว่าอยู่ที่เดิมเป็นปกติ หากนายกฯเรียกหัวหน้าพรรคร่วมมาพูดคุยกันแล้ว และทุกคนไม่มีปัญหาที่จะสลับกระทรวง ทุกคนเห็นด้วยหมด ก็ไม่มีผลกระทบอะไร เมื่อถามว่าการตอบคำถามของนายอนุทินจะไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพพรรคร่วมใช่หรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า ยังไม่ขนาดนั้น จะกระทบต่อเมื่อนายกฯเรียกพรรคร่วมรัฐบาลมาคุยและขอปรับกระทรวงแล้วนายอนุทินไปตอบเช่นนั้น แบบนี้กระทบแน่นอน แต่ตอนนี้ที่นายกฯยังไม่เรียกพรรคร่วมมาพูดคุย หรือยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆเรื่องการปรับ ครม. นายอนุทินตอบคำถามเช่นนั้น ถือเป็นมารยาทที่สุภาพบุรุษ
นายกฯยังไม่ส่งสัญญาณมาที่ พท.
เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรค พท. หัวหน้าพรรคได้มาพูดคุยอะไรแล้วบ้างหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า ยัง เนื่องจากช่วงนี้มีปัญหาที่ใหญ่กว่าการปรับ ครม. คือปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะกระทบทั้งเพื่อนบ้าน เศรษฐกิจชายแดน รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนชาวไทยที่อยู่บริเวณชายแดน เชื่อว่าวันนี้นายกฯคำนึงถึงเรื่องนี้มากกว่าการจะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยเรื่องการปรับ ครม.
“วรวัจน์” อ้างลุยยาเสพติดไม่ไปด้วยกัน
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคพท. กล่าวว่า ตามหลักการการแต่งตั้ง ครม.เป็นอำนาจและดุลพินิจของนายกฯ มีอำนาจโดยตรง เมื่อถามว่าหากปรับ ครม.และสลับกระทรวงจริง ในอนาคตจะมีใครกล้าจับมือกับพรรค พท.หรือไม่ นายวรวัจน์กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าทำไมจึงปรับเปลี่ยน วันนี้มีหลายเรื่องที่มีปัญหา เช่น ปัญหายาเสพติด การทำงานไม่ไปด้วยกัน ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ต้องมีแอ็กชัน นายกฯต้องคิดว่าจะปรับอย่างไร ทุกอย่างปรับเปลี่ยนได้หมดอยู่แล้ว หากตอบสนองต่อความต้องการประชาชนไม่ได้ ฝืนต่อไปคงจะไม่เป็นประโยชน์ เมื่อถามว่าหากต้องปรับ ครม.จริงจะส่งผลกระทบเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายวรวัจน์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเสียงสนับสนุนของรัฐบาลอาจหายไป แต่เมื่อนายกฯจะปรับ ครม. ต้องมั่นใจว่าจะสนับสนุนได้เพียงพอ เรามองได้ 2 ทางคือเขาจะไปต่อด้วยกันหรือจะออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
แซะนั่ง 2 ปีกว่าถ้าไม่เหมาะก็ต้องปรับ
นายวรวัจน์กล่าวว่า ในส่วนของพรรค พท. ยังไม่เข้าสู่กระบวนการการพูดคุยในพรรค ในส่วนของ สส.มีการพูดคุยบ้าง ถ้าหากทำงานไปเรื่อยๆ เช่นนี้จะแก้ปัญหาไม่ได้สักที และจะกระทบกับภาพลักษณ์รัฐบาล นายกฯต้องส่งสัญญาณว่าจะทำงานอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ แต่หากบอกไปแล้วยังไม่ยอมแก้ปัญหา ยังทำงานไม่ได้ ต้องเป็นอำนาจและดุลพินิจนายกฯต้องตัดสินใจ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตนมอง แต่ทุกคนมองเหมือนกันว่าหากยังทำงานกันเช่นนี้ปัญหาของชาวบ้านจะยังไม่ได้รับการแก้ไข ระยะเวลา 2 ปีเพียงพอที่จะดูวิธีคิดและวิธีการทำงานแต่ละคน เหมาะสมกับตรงนั้นหรือไม่ หากทำงานแล้วไม่เหมาะสมตรงนั้นก็ต้องปรับ
“นายกฯอิ๊งค์” จัดคิวดูแก้ปัญหาน้ำ
เมื่อเวลา 08.20 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. มีการประชุมเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำ ร่วมกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นวาระสำคัญของรัฐบาล หลายพื้นที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วม น้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตร ต่ออุตสาหกรรมน้ำไม่สะอาด ไม่สามารถให้บริการได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งใจอย่างมากที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง รัฐบาลได้จัดสรรงบฯภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจลงไปช่วยบรรเทาปัญหา และยกระดับคุณภาพ ให้ทั่วถึงและดีขึ้นทุกพื้นที่ วันที่ 9 มิ.ย.จะเดินทางไป จ.กาญจนบุรี มีโครงการต้นแบบการขุดเจาะน้ำบาดาล นำน้ำใต้ดินมาใช้ช่วงหน้าแล้ง และในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำใช้เพียงพออยากไปเห็นด้วยตัวเอง รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อนำไปใช้วางแผนขยายผลในพื้นที่อื่นต่อไป น้ำไม่ใช่แค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด
“จิรายุ” โอ่มุ่งสางปัญหา ปชช.ทุกมิติ
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯจะลงพื้นที่จ.กาญจนบุรี วันที่ 9 มิ.ย. ติดตามโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านปากชัดหนองบัว อ.เลาขวัญ และโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่บ้านหนองบัวหิ่ง อ.ห้วยกระเจา สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลขับเคลื่อนโครงการตามพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม พร้อมผลักดันการพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการอุปโภค บริโภค และภาคเกษตรกรรม มุ่งหวังให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงทรัพยากรน้ำได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
“ก่อแก้ว” จี้ รบ.ฟันคนเชียร์ยึดอำนาจ
วันเดียวกัน นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา เนื้อหาตอนหนึ่งว่า การตอบโต้ของรัฐบาลด้วยมาตรการจากเบาไปหาหนักเห็นด้วย เป็นหนึ่งในหนทางกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา หากสถานการณ์เลยเถิดไปถึงสงคราม นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์ ส่วนบางคนไม่พอใจในท่าทีรัฐบาลหรืออาจมีจุดยืนที่ตรงข้ามกับพรรค พท. และมีท่าทีเชียร์ให้ทหารทำการยึดอำนาจ การปลุกปั่นกระแสให้ “การยึดอำนาจ” เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ทำลายประชาธิปไตย และทำลายเศรษฐกิจไทยอย่างย่อยยับมาช่วง 20 ปีนี้ ถ้าไม่มีการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 ประเทศไทยคงเจริญไปถึงไหนต่อไหนแล้ว และถ้าไม่มีการยึดอำนาจเมื่อ ปี 2557 เศรษฐกิจไทยคงฟื้นตัวจากผลพวงของการยึดอำนาจ 2549 ใครก็ตามที่เชียร์ให้มีการยึดอำนาจ นี่คือการใช้ขอบเขตที่เกินกว่าเสรีภาพ คือการสนับสนุนให้เกิดการยึดอำนาจการปกครอง เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อการกระทำนี้โดยทันที
โพลเชื่อคดีชั้น 14 มีผลต่อรัฐบาล
วันเดียวกัน นิด้าโพลเปิดเผยผลการสำรวจประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ 1,310 หน่วยตัวอย่าง เรื่อง กล้าไหม ยึดมหาดไทยและเกษตรและกรณีปมชั้น 14 เมื่อวันที่ 3-5 มิ.ย. เมื่อถามถึงปมชั้น 14 รพ.ตำรวจของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 29.62 ระบุจะส่งผลมากต่อความอยู่รอดของรัฐบาล ร้อยละ 29.31 ค่อนข้างส่งผล ร้อยละ 24.58 ไม่ส่งผลใดๆเลย ร้อยละ 15.73 ไม่ค่อยส่งผล ส่วนผลการประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย. กรณีการลงโทษแพทย์ 3 คน ปมชั้น 14 รพ.ตำรวจต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทย ร้อยละ 34.27 ค่อนข้างสำคัญ ร้อยละ 26.72 สำคัญมาก ร้อยละ 21.37 ไม่ค่อยมีความสำคัญ ร้อยละ 16.11 ไม่มีความสำคัญเลย ด้านความเชื่อมั่นต่อการทำงานของแพทยสภา ร้อยละ 38.40 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ร้อยละ 30.84 ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 15.95 ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 14.20 เชื่อมั่นมาก ส่วนความเชื่อว่า นายกฯจะกล้ายึดกระทรวงมหาดไทยมาจากพรรค ภท. ร้อยละ 34.12 ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 32.06 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 18.24 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 13.82 เชื่อมาก ขณะที่ความเชื่อว่านายกฯจะกล้ายึดกระทรวงเกษตรฯมาจากพรรคกล้าธรรม ร้อยละ 35.73 ไม่เชื่อเลย ร้อยละ 29.69 ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 20.07 ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 11.91 เชื่อมาก
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่