“นายกฯอิ๊งค์” เสียงอ่อน รับกำลังคิดอยู่จะปรับ ครม.แบบไหนแล้วดีขึ้น ยันต้องเรียกหัวหน้าพรรคร่วมมาคุยกันก่อน ส่วนกระแสข่าวปรับใหญ่ยังเร็วไปที่จะพูด “ภูมิธรรม” ลั่นไม่มีข้อตกลงให้นั่งจนรากงอก เสียงแข็งไม่มีใครขอใครให้มาร่วมตั้งรัฐบาล “ประเสริฐ” เขินมีชื่อคั่ว มท.1 “สรวงศ์” บอกอยู่ที่นายกฯเห็นสมควร “พิพัฒน์” ย้ำคำ “เสี่ยหนู” ไม่เคยต่อรอง “นภินทร” โยนให้เป็น เรื่องผู้ใหญ่คุยกัน “ขิง” ไม่หมกมุ่นภาพ สส.นัดสังสรรค์ อายุน้อยยังอยู่ในวงการอีกนาน ให้ไปถาม “เฮ้ง” อยากนั่ง รมว.ไหม “นฤมล” โวยข่าวปรับ ครม.มั่วไปหมด ชงสอบจริยธรรม กก.แพทยสภาแชตไลน์ หลุด “อังคณา” ชี้วีโต้ไม่มีผลต่อคดีชั้น 14 “ณฐพร” ลุยสุดซอยยื่นศาล รธน.ฟันยกพวง กกต.-เลขาฯ กกต.-ภท.-สว. หลักฐานมัดล้มล้างการปกครอง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงเสียงอ่อยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยอมรับกำลังอยู่ในช่วงของการประเมินเรื่องการปรับ ครม. มีพิจารณาอยู่ในใจแล้ว และคิดอยู่ว่าจะปรับแบบไหนแล้วดีขึ้น ท่ามกลางกระแสข่าวจะเป็นการปรับ ครม.ครั้งใหญ่
สธ.แจงสถานการณ์โควิดนายกฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมรณรงค์สร้างความเท่าเทียมระหว่างเพศในสังคม เนื่องในเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจ : Pride for All ด้วยการติดเข็มกลัดไพรด์ให้แก่นายกฯและ ครม. อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม จากนั้น นายสมศักดิ์ นำ นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เข้ารายงานสถานการณ์โควิด-19 ที่ประชาชนติดเชื้อเพิ่มขึ้นช่วงนี้ นายกฯกำชับให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยสื่อสารถึงการปฏิบัติตัวแก่ประชาชน ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
...
“อิ๊งค์” รับคิดอยู่ปรับ ครม.แบบไหน
ต่อมาเวลา 11.25 น. น.ส.แพทองธารแถลงถึงกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทยเสนอให้ปรับ ครม.ครั้งใหญ่หลังพรรคเพื่อไทยประสานไปว่า ยังไม่ได้คุยกับพรรคภูมิใจไทยในเรื่องนี้ จะคุยเมื่อจำเป็น ถ้าจะปรับต้องคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก่อนว่าจะอย่างไร ถ้าจะปรับต้องปรับในส่วนของพรรคเพื่อไทยด้วย แต่ยังไม่ถึงเวลาพูดคุยกันในรายละเอียด อยู่ในช่วงของการประเมิน มีพิจารณาอยู่ในใจ และคิดอยู่ว่าจะปรับแบบไหนแล้วดีขึ้น เมื่อถามว่าส่งสัญญาณไปถึงพรรคร่วมหรือยัง น.ส.แพทองธาตอบว่า ยังนะ วันนี้ยังเหมือนเดิม แต่ก็คิดในเรื่องปรับ ครม. แต่ยังไม่ 100% เมื่อถามว่าจะมีการสลับกระทรวงกับพรรคร่วม เป็นการปรับใหญ่ไปเลยหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า พูดตอนนี้ยังเร็วไป ขอยังไม่พูดดีกว่า พูดแล้วมันจะกระทบ บางทีวางกระทรวงกันไปยังไม่ได้ออกจากตนเลย คนที่มีชื่อก็เกิดความสั่นไหว
ต้องคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมฯก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีพรรคร่วมฯส่งสัญญาณมาหรือไม่ว่าจะปรับ น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังไม่ได้สอบถามมา สมมติไฟนอลจริงๆว่าต้องปรับ ต้องเรียกมาแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่คุยแล้วทำเลย เมื่อถามว่าระยะเวลารัฐบาลเหลืออีก 2 ปี ต้องเร่งทำผลงาน น.ส.แพทองธารตอบว่า เราเอาเวลาที่เหมาะสม อย่าพูดว่าเร่งเลย ถ้าเร่งไปเดี๋ยวปรับจะไม่โอเค เมื่อถามว่าในฐานะนายกฯจะดูภาพรวมทั้งหมด หรือให้อำนาจแต่ละพรรคไปพิจารณากันภายใน น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังไม่ได้คิด เดี๋ยวปรับแล้วบอก ขอจัดการเรื่องอื่นก่อน เรื่อง ครม.ยังไม่ปรับ เมื่อถามว่าในพรรคเพื่อไทยคุยกันบ้างหรือยัง น.ส.แพทองธารตอบว่า ยังไม่คุย
“อ้วน” ลั่นไม่มีข้อตกลงนั่งรากงอก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสที่พรรค ภท.ขอปรับกระทรวงใหม่ทั้งหมดว่า ต้องไปถามพรรค ภท. ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกฯที่เป็นผู้มีอำนาจตัวจริง เมื่อถามถึงช่วงจัดตั้งรัฐบาลครั้งแรกมีข้อตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลถึงหลักการคุมกระทรวงยาวเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่เคยมีใครพูดถึงการเป็นรัฐบาลว่ายาวหรือสั้น แต่คาดหวังอยากทำให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญขอให้ยึดปฏิบัติตามแนวนโยบายร่วมของรัฐบาลที่แถลงต่อสภา เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้ตกลงเรื่องตำแหน่งใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่มี ไม่ได้คุยกัน เมื่อถามว่าการมาขอเปลี่ยนกระทรวงถือว่าเป็นธรรมกับพรรคร่วมฯหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ใครว่าเสียงไม่มีแล้วไปขอเขา การจัดตั้งรัฐบาลทุกคนมีสิทธิพิจารณาเข้าร่วมหรือไม่ ไม่มีใครขอใคร ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องก็มาคุย ถ้าไม่เห็นพ้องต้องกันก็ไม่คุย เท่านั้นเอง
“ประเสริฐ” เขินมีชื่อคั่วเก้าอี้ มท.1
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในพรรคยังไม่มีการพูดคุยเรื่องปรับ ครม. นายกฯยังไม่ได้ว่าอะไร เมื่อถามว่าหากมีการปรับจริง จะกระทบภายในรัฐบาลหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า รัฐบาลทำงานได้อยู่แล้ว มั่นใจบริหารประเทศต่อ เมื่อถามว่าข่าวปรับ ครม.ทำให้รัฐมนตรีเสียกำลังใจหรือไม่ นายประเสริฐตอบว่า ไม่อยากให้หวั่นไหวต้องทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เมื่อถามว่ามีชื่อจะไปนั่ง รมว.มหาดไทย นายประเสริฐตอบว่า ยังเป็นแค่ข่าวลือ เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพรรคแกนนำรัฐบาลมักดูแลกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐตอบว่า ถือเป็นกระทรวงสำคัญในการดำเนินนโยบายรัฐบาล ดูแลส่วนราชการส่วนกลาง ลงไปถึงตำบล หมู่บ้าน ดูตั้งแต่ผู้ว่าฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และการปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อถามว่าถ้าจำเป็นต้องไปนั่ง รมว.มหาดไทย ก็ต้องไปใช่หรือไม่ นายประเสริฐหัวเราะก่อนตอบว่า “ขึ้นอยู่กับการปรับ ครม. ถ้ามีนะครับ”
“สรวงศ์” บอกอยู่ที่นายกฯเห็นควร
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า การปรับ ครม. เป็นอำนาจนายกฯ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ในพรรค พท. ยังไม่มีการพูดคุยกัน เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พรรค พท.เจรจากับพรรค ภท. นายสรวงศ์ตอบว่า ไม่ใช่เลขาธิการพรรคแน่นอน หากมีการปรับหรือเปลี่ยนแปลงอะไร ในระดับหัวหน้าพรรคต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยควรอยู่กับ พท.หรือไม่ นายสรวงศ์หัวเราะก่อนตอบว่า เอาที่นายกฯเห็นสมควร ทุกอย่างต้องมีพูดคุยกันอยู่แล้ว เรื่องของความขัดแย้งไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
ย้ำคำ “เสี่ยหนู” ภูมิใจไทยไม่เคยต่อรอง
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า หัวหน้าพรรค ภท.ให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศมาแล้วว่าไม่จริง เรื่องข้อเสนอให้ปรับใหญ่ ครม. ต้องรอนายอนุทินเดินทางกลับมาให้ตอบเองดีที่สุด ไม่สามารถตอบในเรื่องนี้ได้ เมื่อถามว่าในพรรค ภท.ได้พูดคุยกันหรือยังว่าจะต่อรองอย่างไร นายพิพัฒน์ตอบว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค และต้องรอหัวหน้าพรรคกลับมา ยังไม่มีการประชุม กก.บห.พรรค เมื่อถามว่าข่าวที่ออกมาเป็นความตั้งใจกดดันให้พรรค ภท.คืนกระทรวงมหาดไทยให้พรรค พท.หรือไม่ นายพิพัฒน์ตอบว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ ทุกอย่างเห็นในหน้าสื่อทั้งหมด เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรค พท.ยังบริหารกระทรวงเศรษฐกิจไม่ดีพอ ยังมาเอากระทรวงมหาดไทยอีก นายพิพัฒน์ตอบว่า พรรค ภท.ไม่เคยให้สัมภาษณ์ลักษณะนั้น ไม่ขอแสดงความเห็นเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อถามว่าถ้าเสียกระทรวงมหาดไทยไปต้องแลกกับกระทรวงไหน นายพิพัฒน์ตอบว่า ยังไม่พูดคุย ต้องตามมติพรรค
“นภินทร” โยนให้เป็นเรื่องผู้ใหญ่
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ แกนนำพรรค ภท. กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องข่าวการต่อรองแลกเปลี่ยนเก้าอี้ระหว่าง พท. และ ภท. ในพรรคยังไม่ได้คุยกัน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่คุยกันเอง เมื่อถามว่าข่าวที่ออกมาทำให้เสียกำลังใจทำงานหรือไม่
นายนภินทรตอบว่า ไม่เสียกำลังใจ ยังทำงานเต็มที่ เท่าที่ทราบนายกฯยังไม่มีสัญญาณ และขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ยังอยู่ต่างประเทศ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรค ภท. กล่าวถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ขอให้เป็นอำนาจนายกฯเป็นผู้ตัดสินใจ ยังคงทำงานด้านการศึกษา ไม่ได้มีความหนักใจอะไร
รักษามารยาทพรรคร่วมมาตลอด
น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. กล่าวว่า ข่าวการปรับ ครม.ที่เกี่ยวพันกับพรรค ภท. ไม่เป็นความจริง พรรค ภท.ไม่เคยก้าวล่วงพรรคอื่น เรายึดถือข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล ที่นายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้พรรคร่วมแล้ว เราเคารพข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาล และรักษามารยาทการทำงานร่วมกันมาตลอด หัวหน้าพรรค ภท.พูดจัดเจนว่าอำนาจปรับ ครม.เป็นของนายกฯคนเดียว จะรับฟังจากนายกฯ พรรคยังไม่มีการพิจารณาปรับ ครม. เรามีมติมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เพียง 2 ท่าน มีอำนาจหน้าที่ประสานงานเจรจาจัดตั้งรัฐบาล และนำเสนอผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล หัวหน้าพรรคจะเป็นผู้แถลงให้ทราบเอง
“ขิง” ไม่หมกมุ่นภาพ สส.นัดสังสรรค์
ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงภาพนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค รทสช. จับกลุ่มรับประทานอาหารกับ สส.บางส่วนว่า เป็นเรื่องปกติ งานการเมืองเคร่งเครียดจะไปสังสรรค์ก็เป็นเรื่องปกติ หรือจะนินทาตนไม่ว่าเลย แต่ถูกปลุกปั่นให้มีนัย แต่ สส.ในภาพทั้งนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา และนายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี ออกมาปฏิเสธหมดแล้ว ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ โชคดีที่อยู่ตรงนี้มานาน เราต้องทำงานไม่หมกมุ่น เมื่อถามว่าการปล่อยภาพแบบนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคเหมือนพรรคแตกหรือไม่ นายเอกนัฏตอบว่า เราต้องเชื่อมั่นในวิจารณญาณของประชาชนที่จะประเมิน และควรมีสติในการเสพข่าวว่าอะไรเป็นอะไร อย่าไปวิตกกังวลอะไร
อายุยังน้อยยังอยู่ในวงการอีกนาน
ผู้สื่อข่าวถามว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. จะชี้แจงเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายเอกนัฏตอบว่า มีตนชี้แจงอยู่ แต่ละคนบุคลิกสไตล์ทำงานไม่เหมือนกัน ยังแซวกับลูกพรรคเลยว่า ไม่ใช่สุภาพบุรุษแบบหัวหน้าพรรคที่เป็นคนสู้งานแต่ไม่อยากพูด เมื่อถามว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องทำอะไรสักอย่างหรือไม่ เช่น ทานข้าวออกสื่อ นายเอกนัฏตอบว่า “ปกติก็ทานกันอยู่แล้ว ทำไมต้องให้ส่งรูปให้ด้วย บางทีต้องมีเวลาส่วนตัวกันบ้าง หรือเวลาคุยเรื่องสำคัญๆเขาคงไม่ส่งรูปให้หรอกใช่หรือไม่” เมื่อถามว่าต้องคุยกับนายสุชาติหรือไม่ เพราะดูท่าทีจะไม่หยุด นายเอกนัฏตอบว่า ขอพูดผ่านสื่อว่าไม่มีอะไรติดใจ เข้าใจการเมืองมีกติกามารยาท เราอายุยังน้อยยังอยู่ในวงการอีกนาน พยายามรักษากติกามารยาททางการเมือง เพราะการสู้กันก็เหมือนขึ้นเวที ขอให้ทิ้งความรู้สึกที่ดีไว้ ใครจะไปจิบกาแฟ ดื่มไวน์ กินไอติม แค่อยู่ในกติกาไม่ว่ากัน
ให้ไปถาม “เฮ้ง” อยากนั่ง รมว.ไหม
เมื่อถามว่าท่าทีนายสุชาติอยากขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการแทนใครสักคนในพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏตอบว่า ถามตรงๆเลย อย่าไปคิดอะไร อย่าคิดเองไปถามเขา ไม่ตอบแทนเขา เมื่อถามว่าจะใช้ข้อบังคับใหม่ที่ระบุว่า ห้ามสมาชิกฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น มิฉะนั้นจะพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค นายเอกนัฏตอบว่า ข้อบังคับปรับทุกปี และแก้มานานก่อนเกิดเหตุ ไม่ได้แก้เพื่อไปทำอะไรกับใครเฉพาะเจาะจง เมื่อถามย้ำว่าจะใช้ข้อบังคับใหม่กับกรณีนี้หรือไม่ นายเอกนัฏตอบว่า มีข้อบังคับเป็นเรื่องปกติ ทุกคนต้องทำตามข้อบังคับ บ้านเมืองมีกฎหมาย เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวบีบพรรค รทสช. ไปเป็นฝ่ายค้าน หากนายพีระพันธุ์ไม่ลาออก และจะให้พรรคโอกาสใหม่เสนอโควตาแทน นายเอกนัฏตอบว่า คิดกันไปไกลแล้ว พรรคใครพรรคมัน ไม่เห็นมีบีบอะไร วันก่อนเจอนายกฯท่านก็พูดคุยปกติ เรื่องนี้คนมีอำนาจมีนายกฯคนเดียว เมื่อถามว่าดูแล้ว นายพีระพันธุ์ไหวหรือไม่ นายเอกนัฏตอบสั้นๆว่า “ไหว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว นายเอกนัฏได้เจอกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ที่หน้าตึกบัญชาการ 1 ซึ่งยังใช้ไม้เท้าค้ำยันเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขายังไม่หายดี ผู้สื่อข่าวได้ขอให้ทั้งคู่ยืนคู่กันเพื่อถ่ายภาพ นางนฤมลจึงหันไปแซวนายเอกนัฏสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ให้ยืมไม้ค้ำยันมั้ย” พร้อมกับกล่าวว่า “แซวเล่น” ขณะที่นายเอกนัฏยิ้มตอบว่า “จะให้ผมไปตีใครล่ะครับ”
“นฤมล” ชี้ข่าวปรับ ครม.มั่วไปหมด
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ที่จะโยกไปนั่ง รมช.คลัง ว่า “ไม่มี มั่วหมดเลย” ทุกอย่างเป็นไปตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์ เมื่อถามว่ายังมีกระแสข่าวให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร มาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ แทน นางนฤมลกล่าวย้ำว่า “ไม่มี นายกฯยังไม่ได้พูดอะไรเลย พรรคกล้าธรรมยังไม่ได้รับการประสานอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นไปตามที่ ร.อ.ธรรมนัสบอก เพราะเป็นคนเจรจาตั้งแต่ต้น ว่าเราดูแลกระทรวงเกษตรฯทั้งหมด” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีกระแสข่าวว่าจะเสนอชื่อคนของกล้าธรรมไปเป็น มท.4 นางนฤมลตอบว่า ไม่มี พร้อมกับหัวเราะและย้ำว่า พรรคเราสงบไม่มีปัญหาใดๆ นายกฯไม่ได้เรียกพรรคร่วมหารือ เมื่อถามว่าแสดงว่าโควตาพรรคกล้าธรรมไม่เพิ่ม ยังอยู่เท่าเดิม นางนฤมลตอบว่า ไม่มี เราไม่ได้เรียกร้องอะไร อยากแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน เมื่อถามย้ำว่ามีแค่กระทรวงเกษตรฯพอแล้วใช่หรือไม่ นางนฤมลหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ค่ะ”
สอบจริยธรรมกรรมการแพทยสภา
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวงศกร ไชยศรีหา ผู้แทนนำส่งหนังสือจากนายชวภณ กมลคณาวุฒิ ทนายความ ถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ยื่นร้องเรียนขอให้ตรวจสอบจริยธรรมคณะกรรมการแพทยสภา กรณีแชตไลน์แพทยสภาที่มีการชี้นำการลงมติให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่ให้การดูแลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ มีนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง สธ. เป็นผู้แทนรับหนังสือ นายกองตรีธนกฤตกล่าวว่า จะนำเรื่องให้นายสมศักดิ์เป็นผู้วินิจฉัย แต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่แพทยสภาในการแสวงหาข้อเท็จจริง ประเด็นนี้เป็นเรื่องการตรวจสอบจริยธรรม อาจไม่เกี่ยวกับการลงมติก็ได้ ส่วนที่มีคนมองว่ากระบวนการต่างๆ ในเรื่องแชตไลน์เป็นเรื่องดิสเครดิตนั้น คงไม่ใช่ดิสเครดิต แต่เป็นเรื่องเหมาะสมหรือไม่ ยิ่งกลุ่มเป็นแพทย์มีต้นทุนทางสังคมสูง ควรเป็นแบบอย่างที่ดี และยิ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงด้วย เป็นผู้นำองค์กรยิ่งต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ต้องจำเป็นบทเรียนว่าเรื่องนี้เอามาล้อเล่นไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องหลายกฎหมาย มีการเอ่ยชื่อบุคคลอื่น
วีโต้มติแพทยสภาไม่มีผลคดีชั้น 14
ที่รัฐสภา นางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวว่า มติแพทยสภาไม่เกี่ยวกับนายทักษิณ มติแพทยสภามีหน้าที่กำกับดูแลแพทย์ เป็นมติที่ระบุถึงการวินิจฉัยอาการป่วยนายทักษิณมีความเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้นการวีโต้ของนายสมศักดิ์ไม่มีผลต่อการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 13 มิ.ย. ศาลจะพิจารณาว่านายทักษิณป่วยหนักหรือไม่ ถึงขนาดที่ต้องมารักษาตัวชั้น 14 ศาลคงดูลักษณะนั้น จริงๆแล้วนายสมศักดิ์ไม่ควรวีโต้ ไม่เคารพมติแพทยสภา จะมีแพทยสภาไว้ทำไม ใครจะกำกับจริยธรรมแพทย์ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เมื่อถามว่าการไต่สวนของศาลฎีกาฯ วันที่ 13 มิ.ย. การเมืองจะเปลี่ยนหรือไม่ นางอังคณาตอบว่า อาจไม่ถึงจุดหักเหเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งที่ควรเปลี่ยนมานานแล้ว จากปัญหาการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้
สว.สีน้ำเงินออกตัวโวย “สมศักดิ์”
นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สว.สีน้ำเงิน กรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี ที่มีการวีโต้มติแพทยสภา สภาวิชาชีพแพทย์ให้เกียรติ รมว.สาธารณสุขเป็นสภานายกพิเศษ หน่วยงานวิชาชีพทางการแพทย์ไม่ใช่หน่วยงานการเมือง เป็นเสาหลักธำรงจริยธรรมทางวิชาชีพ หากมีอำนาจภายนอกแทรกแซงย่อมเสี่ยงต่อการสั่นคลอนความเป็นอิสระ ทำลายความน่าเชื่อถือระบบวิชาชีพแพทย์ และกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรเกิดขึ้น ทำให้ระบบเสียความน่าเชื่อถือ ถูกตั้งคำถามมีเบื้องหลัง กระบวนการตรวจสอบแพทยสภาไม่ใช่ของเล่น ไม่ควรถูกแทรกแซงจากการเมือง ถ้าข้อมูลถูกเบี่ยงเบนเพื่อประโยชน์บุคคลใด จะกระทบศรัทธาประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมด้วย
นพ.วีรพันธ์ สุวรรณนามัย สว. กล่าวว่า การประชุมของแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ขอเรียกร้องให้กรรมการแพทยสภาทุกคน ทำหน้าที่เที่ยงธรรม ลงความเห็นที่เป็นมโนธรรม อย่าหลีกเลี่ยงการประชุม
สว.ลอต 4 ทยอยรับทราบข้อกล่าวหา
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดที่ 26 ร่วมกับฝ่ายกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเสไอ) ได้เรียก สว.กลุ่มที่ 4 จำนวน 16 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ลอตที่ 4 มี สว.หลายคนพยายามหลบเลี่ยงผู้สื่อข่าวที่มาเฝ้ารอทำข่าวอยู่ เบื้องต้นในกลุ่ม สว.ลอตนี้มีชื่อ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ที่ถูกกล่าวหาฮั้วเลือก สว.ด้วย แต่ยังไม่พบว่า พญ.เกศกมลมารับทราบข้อกล่าวหา สำหรับ สว.กลุ่มที่ 3 จำนวน 24 คน ที่ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ มีนายสุนทร เชาว์กิจค้า สว. เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา นายสุนทรกล่าวสั้นๆว่า มารับทราบข้อกล่าวหา มั่นใจในตัวเองมาตามรัฐธรรมนูญ
“ณฐพร” ลุยสุดซอยยื่นฟันยกพวง
ช่วงบ่ายที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่า การกระทำของ กกต. เลขาธิการ กกต. พรรคภูมิใจไทย กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายเนวิน ชิดชอบ นางกรุณา ชิดชอบ นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ นายศุภชัย โพธิ์สุ น.ส.วาริน ชิณวงศ์ นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ และนายสุบิน ศักดา และบุคคลในสำนวนกว่า 200 คน ร่วมกันกระทำการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และสั่งให้เลิกการกระทำ พร้อมมีคำสั่งให้ กกต. สว. รัฐมนตรีของ ภท. และสมาชิกพรรค ภท. ที่มีรายชื่อตามสำนวนการสอบสวนของสำนักงาน กกต. หยุดปฏิบัติหน้าที่นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้อง
หลักฐานมัดล้มล้างการปกครอง
นายณฐพรกล่าวว่า จากพยานหลักฐานการสอบสวนของดีเอสไอ ระบุว่า มีพยานหลักฐานชัดเจน ดังนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่กำกับดีเอสไอ ศาลก็ต้องรับคำร้องของตนด้วย กรณีขอให้ผู้ที่ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะถ้าปล่อยให้ สว.ชุดนี้เห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ นั่นคือความไม่เป็นธรรม ช่องทางเดียวที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องนี้คือมาตรา 49 ที่เคยยื่นต่ออัยการเมื่อวันที่ 28 พ.ค. คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์คงมีคำสั่งรับคำร้องนี้ ต้องดูว่าจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่นำมายื่นวันนี้ จะเชื่อมโยงไปถึงผู้ถูกร้องได้ และมั่นใจว่าคดีล้มล้างการปกครองไม่มีคดีไหนที่มีพยานหลักฐานแน่นอนเท่าคดีนี้
“หาน จื้อเฉียง” เข้าอำลานายกฯ
ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐ ประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะเพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอบคุณและชื่นชมที่เป็นกำลังสำคัญในการประสานงานระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศอย่างแข็งขัน รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำงานร่วมกับเอกอัครราชทูตจีนฯคนใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แนบแน่นยิ่งขึ้นต่อไป ด้านนายหานกล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 3 ปี 10 เดือน ของการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย เห็นความก้าวหน้าและใกล้ชิดของความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยเฉพาะหลังการรับตำแหน่งของนายกฯ ขอชื่นชมบทบาทของนายกฯที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือไทย-จีน ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี รวมทั้งขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมา เชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ไทย-จีนจะดำเนินไปด้วยดี แม้ในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง
ทอ.เคาะซื้อ GripenE/F แทน F-16
อีกเรื่องที่ บก.ทอ. พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. แถลงถึงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาทว่า เป็นโครงการเพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 จากกองบิน 1 ที่ใช้มากกว่า 37 ปี โครงการแบ่งเป็น 3 ระยะ รวม 10 ปี ระหว่างนี้ยังต้องใช้ F-16 ไปอีกประมาณ 10 ปี โดยคัดเลือกจาก 20 แบบ และเลือก Gripen E/F กำหนดรูปแบบการจัดหาเป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) การเจรจาทุกท่านขั้นตอนกับสวีเดนได้ข้อยุติแล้ว ขอให้ความมั่นใจว่าโครงการจัดหา Gripen E/F รอบคอบ มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ คุ้มค่าสูงสุดต่องบภาษีของประชาชน มั่นใจว่าโครงการจะผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เพราะแจ้งนายภูมิธรรม รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม รับทราบทุกขั้นตอน และให้ความมั่นใจแล้ว
ด้าน พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้ช่วย ผบ.ทอ. กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มจัดหาที่ 4 เครื่องก่อน ใช้งบฯ 5 ปี คือ 2568-2572 ข้อเสนอหลัก หรือเมนแพ็กเกจ คือเครื่องบิน E (1 ที่นั่ง) 3 เครื่อง และเครื่องบิน F (2 ที่นั่ง) 1 เครื่อง พร้อมระบบรองรับ รวมทั้งระบบปฏิบัติการสงครามอิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้อาวุธอากาศสู่อากาศระยะไกลกว่าสายตาแบบ Meteor รวมถึงอาวุธอื่น เป็นต้น
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่