“ภัณฑิล” ไม่ง้อ “พิเชษฐ์” พาสื่อทัวร์รัฐสภาเอง หวั่นเดินคู่กันจะไม่เหมาะสม เหตุพรรคประชาชนเตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญสอบปมโยกงบลงเชียงราย ด้าน “ภัสริน” ปูดงบฯ 150 ล้าน จ่อสร้างท่าเรือ-โรงจอด เหน็บเรือยอร์ชหรือครูซ
วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน พร้อมด้วย นางสาวภัสริน รามวงศ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์รัฐสภา หลังจากที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ระบุว่านายภัณฑิล ปฏิเสธการเดินตรวจอาคารรัฐสภาร่วมกัน (อ่านเพิ่มเติม : ทัวร์สภาฯ ล่ม สส.ปชน.เท “พิเชษฐ์” ชี้ 8 พันล้าน แค่งบฯ เล็กๆ พร้อมแจง)
นายภัณฑิล กล่าวว่าเมื่อวานนี้ (30 พฤษภาคม 2568) ตนเองได้รับการเชิญจริง นายพิเชษฐ์เดินมาหาตนเองที่ห้องรับประทานอาหารหลังประชุมเสร็จ แต่ตนเองอยากให้นายพิเชษฐ์ชี้แจงกับสาธารณะ เพราะเขามีความเห็นอย่างหนึ่ง ส่วนตนก็มีความเห็นอย่างหนึ่ง นอกจากนี้พรรคประชาชนก็เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบจากการที่นายพิเชษฐ์โยกงบประมาณไปลงจังหวัดเชียงราย ซึ่งอาจผิดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 144 ระเบียบของรัฐสภา และกระทรวงการคลัง ซึ่งตนมองว่าจะไม่เหมาะ ถ้าพรรคประชาชนจะยื่นตรวจสอบแต่ตนเองต้องมาแถลงข่าวเดินดูสภาฯ ร่วมกัน อีกทั้งรัฐสภาที่สาธารณะ ไม่จำเป็นต้องให้นายพิเชษฐ์พาไปดู ตนพาทุกคนไปได้อยู่แล้ว
...
“อย่างศาลาแก้วที่เถียงกันไปมา ก็ยังไม่เห็นรายละเอียดว่าจะทำอะไร ทั้งที่ใช้งบฯ ไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท นี่ก็ได้ข่าวมาว่าจะรื้อศาลาแก้วทั้งหมด นายพิเชษฐ์กล้าเถียงหรือไม่ว่า จะไม่รื้อศาลาแก้ว รวมถึงเสาปฏิมากรรมด้านหน้าอาคารรัฐสภาด้วย เพราะมีโครงการจะนำพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 มาประดิษฐาน รวมถึงรับรองงานใหญ่ในต้นปีหน้า (ปี 2569) โดยที่ไม่มีการบอกรายละเอียดในโครงการ
นายพิเชษฐ์ชอบพูดคำว่า แค่พันล้าน พูดแบบนี้ดูถูกประชาชน เงินก็คือเงิน แม้จะบาทเดียวก็เงิน จะใช้คำว่าแค่ไม่ได้ อย่าเบี่ยงประเด็นว่าเหมาะสมหรือไม่ ประชาชนได้ตัดสินไปแล้วว่าเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่สุรุ่ยสุร่าย จึงขอให้สื่อมวลชนติดตามเรื่องการแปรงบประมาณเข้าเขตพื้นที่ตนเอง ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ชัดเจน แม้แต่เจ้าหน้าที่สภาฯ ยังแซวเลยว่าจะต้องไปอยู่เชียงรายหรือไม่ จึงจะสามารถทำโครงการได้หมด นายพิเชษฐ์พยายามเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องอาคารสถานที่ ซึ่งมีปัญหาเดิมอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือนายพิเชษฐ์กำลังจะใช้งบอบรมสัมมนาอย่างมิชอบ โดยใช้คำว่า สตรี เยาวชน มาบังหน้าอีกด้วย”
ส่วนโครงการต่างๆ ในสภาฯ ประชาชนตัดสินได้หมดแล้ว แต่ที่อยากให้ติดตามการสอบสวนเรื่องโยกงบไปลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพราะมีการให้ทีมที่ปรึกษาร่างโครงการ แม้ว่าฝ่ายกฎหมายจะแจ้งว่าผิดกฎหมาย แต่สุดท้ายก็ยังทู่ซี้ตัดเหลือ 3 โครงการ เสนอไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) จนถูกตัดมาเหลืองบ 100 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวภัสริน ตั้งคำถามว่า เหตุใดงบประมาณกว่า 87% ไปลงที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งตนเข้าใจว่าการเขียนโครงการ เห็นแล้วว่าแบบฟอร์ม น้ำหมึกปากกา วันที่เดียวกัน คนที่เขียนก็อาจจะเป็นคนเดียวกัน พร้อมย้ำว่าสภาฯ ไม่สามารถใช้เงินได้ เพราะเราเป็นฝ่ายตรวจสอบ ออกกติกา ถ้าเราใช้เงินก็แปลว่ามีงบฯ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตรวจสอบ รวมกันไปหมดแล้ว ซึ่งตามที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุว่าการทุจริตไม่จำเป็นต้องนำเงินไปใช้ แต่ดูที่เจตนาก็เพียงพอแล้ว
นายภัณฑิล ระบุอีกว่า “เมื่อถามถึงความจำเป็นและที่มาของหลักการแต่ท่านก็ไม่ได้ตอบ ท่านตอบแต่เพียงศักดิ์ศรี เราจะมีศักดิ์ศรีในฐานะผู้แทนราษฎร ถ้าเราตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างเข้มข้นเราจะภูมิใจในสภาผู้แทนราษฎร ผมจะไม่อายประชาชน แต่ท่านพูดตลอดว่าต้องศักดิ์ศรี สภาฯ ต้องใหญ่ที่สุดในโลก มันจะบ้าไปแล้วหรือไง รีสอร์ตแอนด์สปาบ้าง สัปปายะสภาสถานเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ท่านก็จินตนาการที่จะใช้ต่อไป ไม่บันยะบันยังกันเลย”
จากนั้น นายภัณฑิล และนางสาวภัสริน พาสื่อมวลชนเดินทัวร์อาคารรัฐสภา จุดแรกคือศาลาแก้ว ซึ่งนางสาวภัสริน เปิดเผยว่าหากจะมีการติดแอร์ที่ศาลาแก้ว จะต้องมีการปลูกป่าทดแทน 30 ไร่ จุดที่สองคือการจัดสร้างฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้งบประมาณ 32 ล้านบาท โดยนายภัณฑิล ยังได้ชี้ให้ดูเสาประติมากรรมหน้าจุดก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ เหมือนอนุสรณ์สถานมีเรืออยู่ข้างล่างอิงมาจากสุโขทัยหรือไตรภูมิไหน ได้ข่าวว่าเสานี้จะถูกเลื่อยออก ทั้งที่เสียเงินทำเป็นสิบล้านบาท ถูกปล่อยทิ้งร้าง ไม่รู้ถูกส่งมอบหรือยัง ตนเองอยากได้รายละเอียดไม่ต้องมาแจงด้วยตนเองก็ได้ ขอแค่เอกสาร
ขณะที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภาที่เหมือนร้างผีหลอก อาจจะรับเฉพาะกลุ่มนักศึกษาหรือผู้ที่นัดหมายมาล่วงหน้า เราเจอแต่ความว่างเปล่า ทั้งที่สภาฯ กำลังจะของบ 99 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาไม่มีตัวชี้วัดความสำเร็จและจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะเอางบประมาณมาปรับปรุงพิพิธภัณฑ์แล้วจะมีคนมาเยี่ยมชม ส่วนด้านในพิพิธภัณฑ์ที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่ มีการปรับปรุงนำนั่งร้านมาตั้ง เนื่องจากมีการซ่อมกระจกด้านบน แต่จากการสอบถามแม่บ้านแล้วระบุว่าเป็นเช็ดกระจกเท่านั้น จึงอยากให้นายพิเชษฐ์มีการชี้แจง ทางด้านนางสาวภัสริน ยังได้กล่าวถึงโครงการสร้างท่าเรือรัฐสภา พร้อมกับโรงจอดเรือ 150 ล้านบาท ว่า ไม่แน่ใจเป็นเรือยอร์ชหรือเรือครูซ จึงขอตั้งคำถามว่าใครเป็นผู้ใช้งาน.