นับถอยหลังไม่กี่อึดใจ ถึงเวลาโบกมือลาปี 2567 ย่างเข้าปีใหม่ 2568 สมรภูมิการเมืองพักรบชั่วครู่ ให้นักเลือกตั้งกลับไปเฝ้าถ้ำ ลงพื้นที่ทำแต้มกับประชาชน แล้วกลับมาห้ำหั่นกันใหม่ปีหน้า ตามโปรแกรมวาระร้อนหลายเรื่องที่รอเร่งอุณหภูมิการเมืองอยู่
ที่จ่อคิวเดือดก่อนใครเรื่องแรกคือ การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ของพรรคประชาชน เสนอตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างกติกาประเทศฉบับใหม่ ตีคู่ไปกับการยื่นแก้รัฐธรรมนูญ รายมาตรา 17 ฉบับ
คิวลุ้นแก้รัฐธรรมนูญหลังปีใหม่ ที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งลุยไฟบรรจุเรื่องเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา วันที่ 14-15 ม.ค.2568 ตั้งแท่นโละรัฐธรรมนูญปี 2560
กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเริ่มขยับอีกรอบ ไม่ถูกแช่แข็งยาว แต่จะมีรัฐธรรมนูญใหม่ใช้ทันก่อนเลือกตั้งปี 2570 หรือไม่ แนวโน้มต้องลุ้นเหนื่อย
แค่ขั้นตอนรับหลักการก็หืดจับ เสี่ยงเจอไฟแดงแทนไฟเขียวตั้งแต่ด่านแรก
แม้เสียง สส.ไม่มีปัญหา แต่อาจติดด่านวุฒิสภา ต้องมี สว.ร่วมรับรอง 1 ใน 3 ทั้งวาระ 1 และวาระ 3 ต้องลุ้นตัวโก่งผู้มีบารมีแห่งถิ่นเซราะกราวจะส่งสัญญาณให้ สว.สายสีน้ำเงินกดปุ่มตอบรับหรือไม่
เส้นทางรัฐธรรมนูญใหม่ฝ่าด่านหินตลอดทาง ไม่ใช่สู้แค่เสียงในสภา แต่ยังต้องฝ่าด่านประชามติ เสียงประชาชนจะเซย์เยสด้วยหรือไม่
อีกโปรแกรมเดือดไม่แพ้แก้รัฐธรรมนูญ ก็การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล คิวจองกฐินของพรรคประชาชนจับรัฐบาลขึ้นเขียงเชือด ล็อกเป้าไม่น่าจะเกินเดือน มี.ค.2568
สังเวียนใหญ่พิสูจน์บารมีผู้นำฝ่ายค้าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ต้องปล่อยของโชว์ฝีมือเต็มที่ ชกให้สมศักดิ์ศรี ลบคำปรามาส “เท้งเต้ง” ผู้นำมือใหม่ที่ดูเคว้งคว้างไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยว ตามฉายาสื่อรัฐสภาตั้งให้
...
เตรียมจับรัฐบาลขึงพืด ชำแหละกรณีเอ็มโอยู 44 ไทย-กัมพูชา คดีป่วยทิพย์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ การดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ตรงปกที่หาเสียง รวมถึงปัญหาข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์
ตั้งป้อมขยี้เต็มที่ เรื่องอ่อนไหวในความรู้สึกประชาชน ทั้งปมรักชาติ ความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม เรื่องปากท้องประชาชน และการทุจริตคอร์รัปชัน
ถึงจะแพ้เสียงในสภา แต่ก็ได้เร้าอารมณ์ความรู้สึกประชาชน ส่งไม้ต่อให้หัวโจกม็อบรับช่วงประจัญบานต่อ รอจังหวะสถานการณ์สุกงอม นำมวลชนลงถนนไล่รัฐบาล
อุณหภูมิการเมืองส่อเค้าเดือดระอุ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผชิญแรงเสียดทานหนักๆจากในและนอกสภา ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2568
สถานการณ์ไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ ที่มีแรงปะทะพุ่งใส่ทุกทิศ ให้คอยพะวงเรื่องใหญ่คดีชั้น 14 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกล่าวหา 12 เจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือ “อดีตนายกฯทักษิณ” ได้รับรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำแม้แต่วันเดียว
ตามอำนาจการไต่สวนที่สามารถเรียกหลักฐานเวชระเบียน ประวัติการรักษาตัวจากโรงพยาบาลตำรวจมาตรวจดูได้ เพื่อขยายผลเอาผิดเพิ่มเติมไปยังบุคคลอื่น
นายใหญ่เสี่ยงโดนหางเลขจากการขยายผลเอาผิดเพิ่มของ ป.ป.ช. จากที่ไม่เกี่ยวข้องในสำนวนคดี อาจติดบ่วงเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด
เชื้อไฟพร้อมลามถึงตัว กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมได้ทุกเวลา
“ทักษิณ” เผชิญกระบวนการนิติสงครามหนักหน่วง ยิ่งนายใหญ่เดินเกมรุกหนักเท่าไร ก็มีแรงเหวี่ยงกระแทกกลับมากขึ้นเท่านั้น จากทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ที่ “ทักษิณ” ชักพ่นไฟใส่เพื่อนร่วมรัฐบาลหนักข้อขึ้น แขวะเป็นอีแอบ เหน็บแนมขู่ไล่พ้นการเป็นรัฐบาล
อาการทางกายกับพรรคร่วมรัฐบาล แม้จะผูกปีตบๆจูบๆอยู่ร่วมกันได้ แต่ก็แฝงอาการทางใจ บาดหมางกันเพิ่มขึ้น ต้องคอยประสานผลประโยชน์ เคลียร์กันให้จบ รักษาสมดุลอำนาจให้ลงตัวตลอดเวลา
ต่างฝ่ายต่างซ่อนดาบ แทงหลังกันได้ตลอด พลอยกระทบเสถียรภาพรัฐบาล
แรงเสียดทานชุกทั้งปี 2568 ต้องตั้งรับแรงกระแทกให้ดี ถ้าเผลอการ์ดตก อาจถูกเสยปากคางร่วงได้ทุกเวลา.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม