“แพทองธาร” สยบแรงกระเพื่อมพรรคร่วมฯ ยิ้มร่าควง “อนุทิน-นฤมล” บินเยือนมาเลเซีย ชี้ “ทักษิณ” ตำหนิบางพรรคเป็นอีแอบแค่พูดจากประสบการณ์ ไม่ได้ส่งสัญญาณถึงใครเป็นพิเศษ การันตีพรรคร่วมฯ ไร้ปัญหายกหูหากัน ได้ทุกเมื่อ “เสี่ยหนู” โชว์หล่อ บอกอย่าไปใส่ใจเรื่อง เล็กน้อยหยุมหยิม ภท.หนุนทุกนโยบายที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ทำร้ายประเทศชาติและประชาชน “นฤมล” แจงทำงานร่วมรัฐบาลราบรื่นดี ถึงมี สส.เพิ่ม 24 เสียง ไม่คิดเพิ่มอำนาจต่อรอง “นายกฯอิ๊งค์” ปลื้มติดอันดับ 29 สตรีทรงอิทธิพลโลก ลั่นพร้อมนั่ง หน.ทีมเฉพาะกิจปราบปรามผู้มีอิทธิพล “อนุสรณ์” ป้องนายกฯ วุฒิภาวะผู้นำเพียงพอ เหน็บ “โรม” พวกนอนฟังเครื่องไฟ มโนวิจารณ์ไปเรื่อย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลไม่ใช่ลูกผู้ชาย บางพรรคไม่ให้ความร่วมมือการพิจารณาร่าง พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม (pillar2) เป็นเพียงการพูดจากประสบการณ์ว่า พรรคร่วม รัฐบาลควรซัพพอร์ตกันและกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไร
นายกฯนำทีม รมต.เยือนมาเลเซีย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นา
ยกฯมาเลเซีย และเข้าร่วมการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation) ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค.โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ร่วมคณะ
...
ลุยสานต่อความร่วมมือใกล้ชิด
ต่อมาเวลา 17.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายกฯพร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรสและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยนายกฯเดินผ่านแถวทหารเกียรติยศ มี ดร.ซาลีฮา มุสตาฟา รมต.ประจำสำนักนายกฯมาเลเซีย (ดูแลกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองลาบวน และเมืองปูตราจายา) เป็นรัฐมนตรีเกียรติยศรอให้การต้อนรับ และเด็กหญิงมอบดอกไม้ให้นายกฯ ก่อนเริ่มภารกิจเยือนอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ธ.ค. เพื่อสานต่อนโยบายรัฐบาลและคงความใกล้ชิดกับมาเลเซียในทุกระดับ ร่วมมือผลักดันโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดน การส่งเสริมการค้าการลงทุน เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งรองรับธุรกิจ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงและการท่องเที่ยว
ดีใจติดอันดับสตรีทรงอิทธิพลโลก
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 13.55 น. น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางถึงกรณีที่ได้รับจัดอันดับสตรีทรงอิทธิพลโลกของนิตยสาร Forbes ในอันดับที่ 29 จาก 100 คนทั่วโลกว่า รู้สึกดีใจ และตอนที่เข้าไปดูในลิสต์แล้วรู้สึกดีใจกว่านั้นคือ จาก 100 อันดับ ได้เห็นคำว่าไทยแลนด์ จึงมีความภาคภูมิใจ เพราะทุกครั้งเมื่อไปดูในลิสต์อะไรแล้วเจอคำว่า ไทยแลนด์ จะรู้สึกดีใจ
ลั่นพร้อมนั่ง หน.ฉก.ปราบผู้มีอิทธิพล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯระบุว่า นายกฯจะเป็นหัวหน้าทีมเฉพาะกิจปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ หลังจากเหตุความรุนแรงที่ จ.ปราจีนบุรี น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจ ไม่ควรมีเรื่องแบบนี้ เราต้องดูเรื่องนี้ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น จริงๆตำรวจดูเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก รัฐบาลนี้และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดๆ คอร์รัปชันใดๆ ผู้มีอิทธิพลใดๆ เราให้ความสำคัญเหมือนกันหมด ฉะนั้นทุกทีมทำงานร่วมกัน คิดว่าคนไทยต้องสังเกตให้ชัดว่าอีกหน่อยเรื่องพวกนี้จะน้อยลง เมื่อถามว่าจะกำชับอย่างไร เนื่องจากจะเลือกตั้งท้องถิ่นอีกเยอะในเร็วๆนี้ นายกฯกล่าวว่า เราส่งกำลังดูแลพี่น้องประชาชนเพิ่มเติมแน่นอน ตำรวจพูดเองว่าเป็นเรื่องต้องดูแลใกล้ชิด เป็นเหตุการณ์ค่อนข้างน่ากลัว ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้คุยเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่านายทักษิณระบุว่าการปราบผู้มีอิทธิพลพื้นที่ต่างๆครั้งนี้จะเกลี้ยงแน่นอน นายกฯพยักหน้าตอบรับว่า “ค่ะ” เมื่อถามว่า นายกฯจะคุมทีมเฉพาะกิจปราบผู้มีอิทธิพลเองใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า แน่นอน ทุกฝ่ายทุกคนต้องช่วยกัน ร่วมมือกัน หลักๆแล้วทั้ง ครม. และ ตร.เอาจริงต้องสำเร็จ
เชื่อพ่อไม่ได้ส่งซิกถึงใครเป็นพิเศษ
น.ส.แพทองธารยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดถึงพรรคร่วมรัฐบาลบางคน ทำตัวเป็นอีแอบไม่ร่วมพิจารณา พ.ร.ก.เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศว่า คิดว่าท่านน่าจะพูดจากประสบการณ์ต่างๆที่ทำงาน ที่มีพรรคร่วมอยู่ด้วยกัน ร่วมมือกัน รัฐบาลนี้ก็เป็นอย่างนั้นอยู่ พรรคร่วมรัฐบาลทุกท่านและตนสามารถรบกวนได้ ยกหูหาขอความช่วยเหลือได้ทุกเมื่อกับหัวหน้าพรรคร่วมฯทุกพรรค และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร วันนั้นมีหลายท่านติดภารกิจ จึงคิดว่าท่านทักษิณพูดในทำนองที่ว่าถ้ามีเรื่องอะไร ก็ต้องช่วยกัน ซัพพอร์ตซึ่งกันและกันในวงกว้างแบบนั้นมากกว่า เมื่อถามว่า ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรถึงใครเป็นพิเศษใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ไม่นะคะ ไม่รู้สึกว่าส่งถึงใคร เพราะหลายๆท่านทราบว่าลา”
เหน็บฝ่ายค้านชมกันบ้างก็ได้
เมื่อถามว่าอาจเป็นเพราะนายทักษิณได้ยินอะไรมา แล้วเป็นห่วงหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกัน จริงๆคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ท่านน่าจะพูดจากประสบการณ์ของท่านนั่นแหละว่าพรรคร่วมต้องเหนียวแน่น แบบนั้นมากกว่า เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาพูดว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพและสั่นคลอน น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ฝ่ายค้านชมกันบ้างก็ได้ จะได้เกิดบรรยากาศดีๆขึ้นในประเทศค่ะ”
“อนุทิน” มั่นใจไม่ใช่ตัวเองชัวร์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์เรื่องกรณีดังกล่าวว่า วันนั้นได้เข้าประชุม ครม.และมีการติดต่อประสานงานอยู่ตลอดเวลา เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านออกมาวิจารณ์ถึงเสถียรภาพของรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า “ไม่มี ไม่มีหรอก” เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องเคลียร์ใจกับนายกฯหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ต้อง เมื่อเช้ายังได้โทร.รายงานนายกฯ เพื่อขอแนวทางหลังจับกุมพวกลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเมียนมาจำนวน 68 คน เมื่อกระทรวงมหาดไทยจับก็มีประเด็นที่ไปเกี่ยวกับกรณีที่เมียนมาจับ 4 ลูกเรือไทย จึงต้องโทร.รายงานนายกฯ แสดงให้เห็นว่าเป็นการทำงานที่ให้เกียรติกัน แสวงหาความร่วมมือ ทำงานกันเป็นทีม เพื่อเป็นไปทิศทางเดียวกัน การทำงานต้องเดินไปข้างหน้า เมื่อถามว่าการส่งสัญญาณของนายทักษิณหมายถึงใคร นายอนุทินส่ายหน้าพร้อมกล่าวว่า “ไม่ใช่หมายถึงผมแน่ๆ ก็แล้วกัน แต่หมายถึงใครต้องไปถามท่านดู เพราะท่านเป็นผู้พูดและท่านไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่เรารู้ว่าไม่ใช่เรา เพราะท่านหมายถึงคนที่ไม่ได้ไปร่วมประชุม ครม. แต่ผมไปมันก็จบ ผู้สื่อข่าวก็เห็น คนที่ยืนถัดจากนายกฯคือผมในการแถลงหลังประชุม ครม.”
อย่าไปใส่ใจเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิม
นายอนุทินกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ขอย้ำว่าอย่าไปใส่ใจ เรื่องเล็กๆน้อยๆ หยุมหยิม เมื่อถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้ของนายทักษิณเป็นการแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายทักษิณพูดในฐานะอะไร แต่เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว และไม่มีอะไรต่อเนื่องออกมา และไม่มีใครออกมายอมรับว่าเป็นตัวเองและวันที่ 17 ธ.ค.จะประชุม ครม.นัดต่อไป ทุกอย่างก็จบ ที่ผ่านมาต้องดูว่ามีอะไรที่เกิดความติดขัด เพราะพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่มี และโดยหลักการถูกต้องแล้วที่ต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน พรรคไหนเสนออะไร พรรคร่วมรัฐบาลก็สนับสนุนเช่นเดียวกัน พรรคร่วมรัฐบาลเสนออะไรพรรคแกนนำก็สนับสนุน ทุกอย่างคือความต้องการทั้ง 2 ฝั่ง
ยัน ภท.หนุนนโยบายพรรคร่วม รบ.
เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้สนับสนุนนโยบายของพรรคแกนนำอยู่แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกคนทำอยู่แล้ว ตราบใดที่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและไม่ผิดกฎหมาย เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติจะไม่ทำได้อย่างไร เราพูดชัดเจน อะไรที่อยู่ในนโยบายเรารับทราบและต้องสนับสนุน ตอนนายกฯแถลงนโยบายต่อสภาฯ เรารับฟังหมดแล้วและสนับสนุน ส่วนอะไรที่ไม่ได้อยู่ในนโยบาย ถ้าจะทำต้องมาพูดคุยกัน เพราะมีหลายเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในนโยบายมาพูดคุยและสนับสนุนกัน โดยอยู่ในกรอบที่ไม่ผิดกฎหมาย อย่าทำร้ายและเป็นผลร้ายกับประเทศและประชาชน ถ้าเป็นตามกรอบนี้เราตกลง ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นเราก็ No ย้ำว่าเราสนับสนุนซึ่งกันและกัน พรรค พท.เสนออะไรพรรคร่วมทั้งพรรค ภท. พรรคกล้าธรรม (กธ.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) สนับสนุน หากพรรคร่วมฯเสนออะไร และพรรคแกนนำสนับสนุน เท่านี้ก็ไปได้ตลอดอยู่แล้ว ทั้งนี้ หลังสัมภาษณ์เสร็จนายอนุทินได้หันมาถามกระเซ้ากับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้หล่อหรือยัง”
“นฤมล” ยัน กธ.หนุน รบ.ราบรื่นดี
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวว่า เนื่องจากไม่ใช่ผู้พูดและไม่ใช่ผู้ถูกพาดพิง จึงไม่มีความเห็นใดๆ ขอไม่ก้าวล่วง ส่วนนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่ลาประชุม ครม.วันดังกล่าว นายอัคราป่วยจริงๆ ปวดหลังจากกระดูกสันหลังเคลื่อนจึงมาไม่ไหว ได้แจ้งต่อนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม วันนั้นมีกระทู้ปลาหมอคางดำ เมื่อถามว่ามองอย่างไรมีการส่งสัญญาณของผู้มีอิทธิพลทางความคิดของพรรค พท. นางนฤมลกล่าวว่า ขออนุญาตไม่มีความเห็น ในฐานะพรรคร่วมฯ มีการหารือนายกฯ ในฐานะหัวหน้า พรรค พท.และทำงานร่วมกันราบรื่นดี เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องเคลียร์ใจกันเรื่องนี้หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า คงไม่มีอะไร ยืนยันพรรค กธ.สนับสนุนนโยบายรัฐบาลเต็มที่ เรามีการหารือกันอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว
มี 24 สส. ไม่คิดเพิ่มอำนาจต่อรอง
นางนฤมลยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับ 20 สส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าพรรค กธ.ว่า พร้อมอยู่แล้วและคุยกันแล้ว เพียงแต่รอกระบวนการทางกฎหมายเสร็จสิ้นก่อน หลังเข้าสู่พรรคแล้วทำงานเพื่อประชาชนเหมือนเดิม เมื่อถามว่าตัวเลข สส.ที่เข้าพรรคแล้วและจะเข้าพรรคเวลานี้ นางนฤมลกล่าวว่า เวลานี้ถ้ารวมแล้ว 24 คน เมื่อถามว่าจะทำให้อำนาจการต่อรองเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า เราไม่ต่ออะไรหรอก แค่นี้ก็เป็นความร่วมมือกันเพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนมากอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าถ้ามีการปรับ ครม.จะขอเก้าอี้เพิ่มหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่มี ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย ตอนนี้ขอทำงานที่ได้รับมอบหมาย และก่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมคือการแก้ไขปัญหาเกษตรกรและปัญหาหนี้สิน เมื่อถามว่ากรณีพรรค พปชร.ขับ สส. 20 คนเกี่ยวข้องกับกรณีไร่ภูนับดาวหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่เกี่ยว ขอชี้แจงด้วยความสัตย์จริงไม่ได้มีการต่อรองใดๆ ไม่มีดีลใดๆทั้งสิ้น กระทรวงเกษตรฯ มีคณะทำงานที่สอบสวนผู้ครอบครองเอกสารสิทธิต่างๆ ถูกผิดอย่างไรดำเนินการไปตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ส่วนที่เกินไปจากเรื่องเอกสารสิทธิจะไม่ใช่เรื่องของกระทรวงเกษตรฯแล้ว
พท.ป้อง “นายกฯ อิ๊งค์” ภาวะผู้นำพอ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งออกแอ็กชันเคลื่อนไหวทางการเมืองยิ่งกลบรัศมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ก่อนที่นายรังสิมันต์จะประเมิน น.ส.แพทองธารมีความเป็นผู้นำเพียงพอหรือไม่ ควรประเมินตัวเองก่อนมีวุฒิภาวะทางการเมืองเพียงพอทำงานการเมืองในฐานะ สส.หรือไม่ การแสดงความเห็นโดยไม่มีข้อมูล ขาดการไตร่ตรอง เป็นการกระทำไม่เหมาะสมกับหน้าที่ สิ่งที่นายทักษิณปาฐกถาในงานสัมมนาสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมองในฐานะอดีตนายกฯ ที่มีผลงานจับต้องได้มากที่สุด
หยัน “โรม” พวกนอนฟังเครื่องไฟ
“นายทักษิณเป็นนักวิเคราะห์ที่มีประสบการณ์การเมือง ไม่ใช่การแทรกแซง หรือกลบรัศมี น.ส.แพทองธาร ปาฐกถาอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง สร้างความเข้าใจในนโยบายต่างๆของรัฐบาล เช่น ลดค่าไฟฟ้า โครงการบ้านเพื่อคนไทย รถไฟฟ้าราคา 20 บาทตลอดสาย มีผลงานเป็นรูปธรรมมากมาย หากนายรังสิมันต์ไม่เห็นประโยชน์ที่อดีตนายกฯ ทักษิณพูด ไม่ควรประเมินแทนประชาชน ควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเอง เชื่อมั่นสภาวะความเป็นผู้นำ น.ส.แพทองธารมีมากพอ ที่จะบริหารจัดการปัญหาประเทศได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่นายรังสิมันต์ควรตั้งคำถามกับตัวเองคือ มีวุฒิภาวะเพียงพอทำงานทางการเมืองหรือไม่ ประเภทนอนฟังเครื่องไฟ แอบฟังข้างบ้านคุยกันแล้วจินตนาการไปเรื่อยในสิ่งที่ธุระไม่ใช่ วิจารณ์แบบฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด ประชาชนไม่ได้ประโยชน์” นายอนุสรณ์กล่าว
“น้ำ” ตีปี๊บศักยภาพผู้นำหญิงของไทย
น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับ Top 100 The World’s Most Powerful Women ประจำปี 2024 ของนิตยสาร Forbes นิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินที่ทรงอิทธิพล มีชื่อเสียงระดับโลก ปรากฏชื่อ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของประเทศไทย ติดอันดับที่ 29 จากสตรีทรงอิทธิพล 100 คนทั่วโลก และถือเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นเรื่องน่ายินดีที่นานาประเทศเล็งเห็นถึงศักยภาพผู้นำหญิงของไทยที่มีความโดดเด่นในเวทีโลก น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยนับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้แสดงภาวะผู้นำในการรับมือกับภาวะวิกฤติภายในประเทศหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด ที่ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงเดินหน้าผลักดันนโยบายต่างๆต่อเนื่องจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ
จับตา “บิ๊กป้อม–เจ๊หน่อย” ร่วมดินเนอร์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรค ปชน. ได้นัดดินเนอร์แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านวันพุธที่ 18 ธ.ค. ที่ร้านอาหารเอิกเกริก ตรงข้ามอาคารรัฐสภา เพื่อถกทิศทางการทำงานในสภาฯ คาดว่า น่าจะมีหัวข้อการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามที่วางกรอบเอาไว้ ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า 2568 ด้วยสำหรับดินเนอร์มื้อนี้ ต้องจับตาว่าจะยังเหลือสักกี่พรรคที่ยังอยู่ร่วมเป็นฝ่ายค้านกับพรรค ปชน. อาทิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ล่าสุดขับ 20 สส.ก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไปแล้ว สส.ที่เหลือจะมีท่าทีอย่างไร และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่กำลังเผชิญมรสุมอย่างหนักทุกด้าน จะเข้าร่วมดินเนอร์ในนามฝ่ายค้านหรือไม่ รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จะเข้าร่วมด้วยหรือเปล่า เพราะเคยประกาศว่าจะยังอยู่กับฝั่งฝ่ายค้าน แม้ สส.ส่วนใหญ่ของพรรคปันใจไปอยู่ฝั่งรัฐบาล
ทวงหลักฐานนายกฯ ลาออก กก.บริษัท
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ อีเอ็มเอสถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพื่อทวงข้อมูลหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่างๆ จากนายกฯ นำไปใช้เป็นข้อมูลให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 18-19 ธ.ค. คดียื่นตรวจสอบคุณสมบัตินายกฯ ที่ยังคงไว้ซึ่งการถือหุ้นบริษัท เกินร้อยละ 5 อาจมีผลทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5) ก่อนหน้านี้เคยทวงข้อมูลดังกล่าวจากนายกฯ แต่รอมานานกว่า 2 เดือนแล้ว ข้อมูลดังกล่าวมีผลต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่ทราบเหตุใดไม่ดำเนินการ ทำให้รู้สึกมีเหตุพิรุธอันควรสงสัย ข้อมูลการลาออกอาจมีปัญหาต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ ขอให้รีบส่งหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทต่างๆของนายกรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โปร่งใส และตรวจสอบได้ของตัวนายกฯเอง
จี้ กกต.รับรองนายก อบจ.เมืองคอน
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้รับรองผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ว่า ขณะนี้ผ่านพ้นการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช มาแล้ว ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า น.ส.วาริน ชิณวงศ์ มีคะแนนเสียงอันดับหนึ่ง และไม่ได้ร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง แต่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศรับรอง จึงขอเรียกร้องให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชเร็วที่สุดเพื่อให้ น.ส.วาริน ได้แถลงนโยบายต่อสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ต่อไป เพราะมีเงื่อนเวลาที่ ส.อบจ.จะหมดวาระวันที่ 20 ธ.ค. หาก กกต.รับรองแล้ว ส.อบจ.จะได้ออกหนังสือเรียก ส.อบจ.ร่วมประชุม เพื่อรับฟังการแถลงนโยบายและเดินหน้าทำงานตามที่ได้หาเสียงไว้ต่อไป ขณะนี้ จ.นครศรีธรรมราชเข้าสู่ช่วงฤดูฝนและมีบางพื้นที่เกิดอุทกภัย หาก กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้วจะแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีและมีอำนาจเต็มตามที่กฎหมายบัญญัติ ส่วนตนยินดีสนับสนุนให้ น.ส.วาริน ชิณวงศ์ ทำงานเดินหน้าพัฒนา จ.นครศรีธรรมราชต่อไป
ปชช.ไม่เชื่อมั่น รบ.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
วันเดียวกัน สวนดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,162 คน เรื่อง “3 เดือนรัฐบาลแพทองธาร” ระหว่างวันที่ 10-13 ธ.ค.พบว่าร้อยละ 49.38 มองจุดแข็งของรัฐบาลแพทองธาร คือ มีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ ร้อยละ 37.17 ครม.ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ค่อยขัดแย้ง ร้อยละ 35.42 เข้าถึงประชาชน ทั้งนี้ ร้อยละ 39.85 มองว่าภาพรวมผลงาน 3 เดือนของรัฐบาลยังประเมินไม่ได้ร้อยละ 28.14 ต่ำกว่าที่คาดหวัง ร้อยละ 24.96 เป็นไปตามที่คาดหวัง ร้อยละ 7.05 ดีกว่าที่คาดหวัง อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 54.99 ยังไม่เชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 45.01 เชื่อมั่น ทั้งนี้ นโยบายที่เห็นผลชัดเจนที่สุดใน 3 เดือน ร้อยละ 71.44 การแจกเงิน 1 หมื่นบาท ร้อยละ 56.69 กระตุ้นการท่องเที่ยว ร้อยละ 49.06 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรื่องที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขโดยด่วน ร้อยละ 70.84 ปัญหาค่าครองชีพ สร้างงาน เพิ่มรายได้ ร้อยละ 61.53 ปัญหายาเสพติด และร้อยละ 59.62 ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ สิ่งที่อยากฝากถึงนายกฯ ร้อยละ 49.14 ให้เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างทั่วถึง ร้อยละ 44.50 ปรับการสื่อสารให้ชัดเจน รับฟังปัญหา ร้อยละ 39.36 ปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล
“อนุทิน-เอกนัฏ” ผลงานเข้าตา
ด้านสำนักวิจัย ซูเปอร์โพลเสนอผลสำรวจเรื่องประเมินผลงานกระทรวงสังคมและเศรษฐกิจ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 1,156 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 10-14 ธ.ค. พบว่า รัฐมนตรีด้านสังคมที่ประชาชนพึงพอใจ ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้ 7.52 คะแนน จากผลงานจัดระเบียบสังคม ทลายแหล่งมั่วสุมตามสถานบันเทิง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้ 7.41 คะแนน มีผลงานสิทธิประโยชน์ประกันสังคม สนับสนุนการมีงานทำ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. การพัฒนาสังคมฯได้ 7.22 คะแนน มีผลงานการดูแลผู้สูงอายุ ส่วนกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ได้ 7.35 คะแนน จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ได้ 7.24 คะแนน ผลงานโดดเด่นการแจกเงินดิจิทัล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้ 7.01 คะแนน จากการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีค้าขายออนไลน์
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่