พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงซึ่งเป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้แต่พรรคการเมืองก็ไม่เที่ยงแท้ บางพรรคเคยเป็นพรรคใหญ่โต เป็นที่เชื่อถือของประชาชนเป็นแกนนำพรรครัฐบาล แต่มาวันนี้กลายเป็นพรรคเล็ก เป็นฝ่ายค้านถูกขับออกจากรัฐบาล ซ้ำยังเกิดแตกแยกภายในพรรค เช่น พรรคพลังประชารัฐ

พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่คณะรัฐประหาร คสช.ตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ผลการเลือกตั้งครั้งที่ 1 หลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 เมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยได้อันดับ 1 ได้ สส. 136 ที่นั่ง จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐได้ที่ 2 ได้ 116 ที่นั่ง ตามด้วยพรรคอนาคตใหม่เป็นอันดับ 3 ได้ 81 ที่นั่ง

รัฐธรรมนูญ 2560 เขียนขึ้นมาเพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นเบี้ยหัวแตก เกิดพรรคเล็กพรรคน้อย ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากในสภา ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ เขียนขึ้นให้สกัดพรรคไทยรักไทย (ต่อมาคือพรรคเพื่อไทย) ผูกขาดเป็นพรรคใหญ่และเป็นรัฐบาลตลอดกาล เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับที่ถือว่าสมบูรณ์สุด

พรรคไทยรักไทยเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 พรรคไทยรักไทยได้ 251 ที่นั่ง ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลผสม 4 พรรค ส่วนการเลือกตั้งครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 พรรคไทยรักไทยชนะแบบฟ้าถล่ม ได้มา 377 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวและถูกตราหน้าเป็น “เผด็จการรัฐสภา”

แต่เหตุที่พรรค ทรท.ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ไม่ใช่การเติบโตตามธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือของมนุษย์สร้างสรรค์ก่อนการเลือกตั้งครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 พรรค ทรท. “ดูด” อีก 5 พรรคให้ควบรวมกับพรรค ทรท. คือพรรคความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม พรรคเสรีธรรม และพรรคเอกภาพ

...

รัฐธรรมนูญ 2560 ของคณะรัฐประหาร คสช.จึงผุดขึ้นมาเพื่อสกัดการโตแบบผิดธรรมชาติของพรรค ทรท. ด้วยการออกแบบการเลือกตั้ง สส.ใหม่ ให้ผล เลือกตั้งเป็นเบี้ยตัวแตก ไม่มีพรรคใดคุมเสียงข้างมากในสภา การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มีพรรคลงแข่งกว่า 70 พรรค ได้ สส.เข้าสภา 26 พรรค มีถึง 12 พรรค ที่ได้ สส. แค่พรรคละ 1 ที่นั่ง

พรรค ทรท.ยังมาที่ 1 ในนามพรรคเพื่อไทย ได้ สส. 136 ที่นั่ง ตามด้วยพรรคพลังประชารัฐของ คสช. ตามมาที่ 2 ต้องตั้งรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค โดยมีพรรค พปชร.เป็นแกนนำ แต่ถึงวันนี้ พรรค พปชร.อยู่ในสภาพแพแตก มี สส.ไม่เกิน 20 คน กลายเป็นฝ่ายค้านที่โดดเดี่ยว แต่หัวหน้าพรรคอาจยังฝันถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม