พท.โอดแก้รัฐธรรมนูญอย่าด่วนสรุปเสร็จไม่ทันในรัฐบาลนี้ “สมคิด” อ้างรัฐบาลผสมทำงานยุ่งยาก วอนทุกพรรคร่วมมืออย่าตั้งแง่ใส่กัน “สรวงศ์” ยัน พท.ไม่มีเจตนาที่จะไม่แก้ เชื่อเวลาที่เหลือยังเพียงพอ “วิสุทธิ์” วอน สว.นึกถึงงบฯกาบัตรออกเสียงประชามติ ถ้าไม่ทันเลือกตั้งนายก อบจ.ต้นปีหน้า “เท้ง” กระตุกรัฐบาลจริงใจต้องลุยจริงทำให้ทันเลือกตั้งปี 70 “พร้อมพงศ์” ตามราวียื่นสภาฯสอบจริยธรรม “บิ๊กป้อม” ใช้เครื่องบินหรูเจ้าสัวบินทัวร์นอก พท.จ่อขับ “พิศาล” พ้นพรรคตัดตอนช่วยพ้นคดีตากใบ “เลขาฯพรรคพท.” ทำขึงขังถึงหนีหลุดคดีกลับมาเป็น สส.ต่อไม่ได้ “สมคิด” ชี้ถึงที่สุดแล้วต้องพ้นชายคา “ณัฐพงษ์” จี้ถ้าจริงใจต้องลากคอกลับมาก่อนคดีหมดอายุความ

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกจับจ้องจะไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ แม้จะมีการบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ขณะที่พรรค พท.พยายามชี้แจงอ้างการเป็นรัฐบาลผสมต้องรับเสียงพรรคร่วมรัฐบาลและทุกฝ่าย ยืนยันทำเต็มที่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าจะไม่ทันในรัฐบาลนี้

“สมคิด” อ้าง รบ.ผสมทำงานยุ่งยาก

เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 14 ต.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กทม. นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะไม่ทันในรัฐบาลนี้ตามที่พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงไว้ว่า นโยบายการส่งเสริมประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทย (พท.) และรัฐบาล เนื่องจากเราเป็นรัฐบาลหลายพรรคการเมือง การทำงานจึงยุ่งยากเล็กน้อย เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังมีอุปสรรคอยู่มาก แต่กำลังมีการพูดคุยกันอยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลส่งเสริมเรื่องนี้อยู่แล้ว

...

อย่าด่วนสรุปแก้ รธน.ไม่ทันรัฐบาลนี้

เมื่อถามว่าหากที่สุดแล้วพรรค พท.ไม่สามารถผลักดันการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทันในรัฐบาลสมัยนี้ตามที่ได้หาเสียงไว้ ต้องรับผิดชอบหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า เรายังไม่ขอเอ่ยว่าทันหรือไม่ทัน เนื่องจากเราพยายามทำให้ทันในรัฐบาลสมัยนี้ เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองต้องร่วมมือกัน อย่าตั้งแง่เพราะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ ถ้าร่วมมือกันมันทำได้ ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นนโยบายที่เกือบทุกพรรคเขาหาเสียงไว้ ดังนั้น ตอนนี้พรรค พท. จะต้องคุยกับพรรคร่วมฯให้ชัด เช่น เรื่องประชามติ ที่ สว.แก้มาให้ต้องทำประชามติ 2 ชั้น หาก สว.ไม่ยอมถอย อาจจะใช้กฎหมายเดิมเดินต่อในการทำประชามติช่วงเดียวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปี 68 ก็เป็นได้ หากทำเช่นนี้การร่างรัฐธรรมนูญโดย ส.ส.ร. อาจทันในรัฐบาลนี้ จึงไม่อยากสรุปไปก่อนว่าจะทันหรือไม่ทัน

เชื่อยังมีเวลาแก้ไขในวาระ รบ.ชุดนี้

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะไม่ทันในรัฐบาลนี้ตามที่พรรค พท. หาเสียงไว้ว่า พรรค พท.ไม่มีเจตนาไม่แก้ เจตนาของพรรคชัดเจนว่าเราเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตามที่หาเสียงไว้ และเราพยายามทำให้ทันในรัฐบาลสมัยนี้ แต่ที่สังคมกังวลคือการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่ทันกับการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปีหน้าที่จะประหยัดงบประมาณไปได้มาก หากทำประชามติไม่ทันเลือกตั้งท้องถิ่น สุดท้ายเราต้องทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกฎหมายอยู่ดี เชื่อว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลชุดนี้ยังเพียงพอสำหรับการแก้รัฐธรรมนูญ สิ่งที่พรรค พท.ให้ความสำคัญนอกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เดินหน้าแน่แล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติเฉพาะหน้าที่ประชาชนเจออยู่ รวมถึงเดินหน้านโยบายแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนด้วย

“วิสุทธิ์” วอน สว.นึกถึงงบฯกาบัตร

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรค พท.และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติของคณะกรรมาธิการร่วมจะแล้วเสร็จทันใช้ไปพร้อมการเลือกนายก อบจ.ทั่วประเทศต้นปี 2568 หรือไม่ว่า กฎหมายประชามติจะแล้วเสร็จทันหรือไม่ทันเลือกตั้งนายก อบจ. คงต้องให้คณะ กมธ.ร่วมสองสภาฯคุยกันก่อน เพราะการทำประชามติเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น จะไปฟันธงอะไรตอนนี้คงไม่ได้ แต่หากการทำประชามติไม่ทันกับการเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องเสียงบประมาณทำประชามติอย่างเดียว 2-3 พันล้านบาทต่อรอบ เสียดายงบตรงนี้เพราะนำไปทำอะไรได้มาก หากเร่งทำให้ทันจะประหยัดงบตรงนี้ไปได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนึกถึงงบตรงนี้และผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ สภาฯลงมติกว่า 300 เสียงยืนยันให้ทำประชามติชั้นเดียว จนนำไปสู่การตั้งคณะ กมธ.ร่วม คงต้องรอให้พูดคุยให้ชัดว่าจะทำกันอย่างไร

“เท้ง” จี้ลุยให้ทันเลือกตั้งครั้งหน้า

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคปชน.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า 51 ปีที่ครบรอบ 14 ตุลา 2516 นอกจากจะมารำลึกถึงความสูญเสียการต่อสู้ในกระบวนการประชาธิปไตย ถือเป็นการรำลึกถึงวัตถุประสงค์ของวีรชนที่ต้องการผลักดันประชาธิปไตย คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การมีรัฐบาลที่ตรวจสอบได้โดยพรรคฝ่ายค้าน วันนี้ยังมีกระบวนการหลายอย่าง เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การติดตามจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมถึงการคุ้มครองเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในคดีทางการเมืองทุกภาคส่วน ปัจจุบันควรช่วยกันขับเคลื่อน เพื่อสืบสานเจตจำนงเหล่าวีรชนต่อไป หากมองจากบริบทปัจจุบัน กระบวนการกฎกติกาหลายอย่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากในสังคมไทยปัจจุบัน เชื่อว่าบรรดาเหล่าผู้มีอำนาจเองไม่ว่ารัฐบาล ฝ่ายค้าน ขับเคลื่อนประเด็นต่างๆเหล่านี้ร่วมกัน เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างน้อยทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในสมัยหน้า ถูกเลือกตั้งภายใต้กติกาที่มาจากประชาชนจริง

“วันนอร์” คาดถกร่างศึกษานิรโทษจบได้

ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่างศึกษา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในสัปดาห์นี้ว่า คาดว่าวันที่ 15 ต.ค. วิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านจะร่วมกันหารือร่างดังกล่าว คิดว่าจะพิจารณาเป็นเรื่องด่วนได้ เพราะสภาฯได้บรรจุวาระไว้แล้ว หากแนวทางที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสนอมาได้รับการยอมรับจากที่ประชุม จะส่งให้ดำเนินการต่อไป คาดว่าจะเสร็จภายในสมัยประชุมนี้ แต่สำหรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับจริงยัง
ไม่มีความแน่ชัด

“จุรินทร์” เตือนอย่านำของร้อนเข้าสภาฯ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีอาจมีการนำผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ เรื่องแนวทางการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าพิจารณาในสภาฯช่วงสัปดาห์นี้ว่า ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการเรื่องแนวทางการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเรื่องที่ล่อแหลม เนื่องจากได้มีการเสนอแนวทางการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งยังเป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างกันอยู่มาก ทั้งในหมู่พรรคการเมือง แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองและประชาชน หากสภาฯพิจารณาแล้วมีมติเห็นควรส่งให้รัฐบาลรับไปพิจารณา ปัญหาจะตกไปอยู่กับรัฐบาลที่ขณะนี้มีปัญหามากพอแล้ว ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ จนแก้กันไม่หวาดไม่ไหว จึงยังไม่ควรเอาเรื่องนี้สุมเพิ่มเข้าไปอีก

“เด็จพี่” ยื่นสอบจริยธรรม “บิ๊กป้อม”

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 17 ต.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นร้องเรียนให้คณะกรรมาธิการจริยธรรมสภาฯตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจมีพฤติกรรมน่าจะบินหรูกินอยู่สบาย น่าเข้าข่ายการรับทรัพย์เกินกว่า 3,000 บาทหรือไม่ มีการใช้เครื่องบินส่วนตัว VP-CKB และ N519CP ไม่ทราบเป็นของใครบินไปต่างประเทศ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 5-8 ล้านบาทต่อเที่ยวบิน ยืนยันว่าต้องตรวจสอบว่าคณะเดินทางของ พล.อ.ประวิตร เบิกจ่ายเงินของใคร หรือใช้ภาษีประชาชนหรือไม่ ข้อมูลตนพบว่าน่าจะเป็นเครื่องบินของเจ้าสัวหรือไม่ จะไปยื่นนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาฯด้วย เพราะมีหลักฐานเพิ่มเติม มั่นใจว่าครั้งนี้จนมุมแน่นอน และจะทำหนังสือถึงกรรมการบริหารพรรค พปชร.เพราะข้อบังคับพรรค พปชร.ระบุชัดว่าสมาชิกต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตน และต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น พล.อ.ประวิตรน่าจะรับทรัพย์เกินกว่า 3,000 บาท ได้ทำหนังสือส่งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้ว

“สมคิด” ชี้ถึงที่สุด “พิศาล” ต้องพ้น พท.

อีกเรื่อง ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ผู้ต้องคดีตากใบที่กำลังจะหมดอายุความ พรรค พท.จะขับออกจากพรรคก่อนหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ได้ประสานกับพรรคไป พยายามเร่งรัดให้ พล.อ.พิศาล เข้าสู่กระบวนการ อย่างไรก็ตาม วันที่ 15 ต.ค. ต้องรอดู คณะกรรมการบริหารพรรคจะจัดการอย่างไร หาก พล.อ.พิศาลไม่ลาออกจาก สส. เชื่อว่าพรรค พท.ต้องขับออก เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของ พล.อ.พิศาลที่เกิดมานานแล้ว เราพยายามรักษาความเป็นพรรคการเมือง ไม่ใช่ว่าใครทำผิดแล้วปล่อย เมื่อถามว่า การขับออก ไม่ใช่ตัดหางปล่อยวัด นายสมคิดกล่าวว่า ไม่แน่ใจ พล.อ.พิศาลอาจจะลาออกจากสมาชิกพรรคเองก็ได้ คงจะมีการพูดคุยกัน ขณะนี้เลขาธิการพรรคได้ประสานไปยัง พล.อ.พิศาลแล้ว คาดว่าวันที่ 15 ต.ค. จะได้ คำตอบว่าจะดำเนินการอย่างไร น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ยังไม่ได้กำชับหรือสั่งการอะไรเรื่องนี้ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สมัยพรรคไทยรักไทย เป็นคดีต่อเนื่องมานาน เราต้องเคารพกฎหมาย และต้องรอความชัดเจนของ พล.อ.พิศาล

“สรวงศ์” ขึงขังหลุดคดีเป็น สส.ต่อไม่ได้

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีศาลออกหมายจับ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ผู้ต้องหาคดีตากใบ พรรค จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมพรรควันที่ 15 ต.ค.หรือไม่ว่า ตามวาระการประชุมไม่มีเรื่องนี้ แต่ถ้ามีใครยกเรื่องนี้ขึ้นมาคงได้คุยกัน แต่ขณะนี้พรรคอยู่ระหว่างประสานให้กลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เพราะถือว่าการหนีคดีเช่นนี้ทำให้พรรคเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อท่านได้คือเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้เลย ดังนั้น หาก พล.อ.พิศาลไม่ดำเนินการอะไรจนถึงวันที่ 25 ต.ค. ที่คดีจะขาดอายุความ พรรคคงมีมาตรการอะไรออกมาที่ชัดเจน เนื่องจากทางพรรคต้องรับผิดชอบต่อสังคม เชื่อว่า พล.อ.พิศาลติดตามข่าวสาร สิ่งที่ตนให้ข่าวกับสื่อมวลชน รวมถึงที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้ข่าวไปท่านคงได้เห็น และคงรู้ตัวว่าจะต้องทำอย่างไร หากหนีคดีจนขาดอายุความแล้วจะกลับมาเป็น สส.ของพรรค พท.ต่อ เช่นนั้นมันไม่ได้อยู่แล้ว

จริงใจต้องลากคอกลับก่อนสิ้นอายุความ

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความว่า รัฐบาลอาจแสดงเจตจำนงไม่ชัดเจนเพียงพอ ถ้าใช้กลไกทุกอย่างเต็มที่ อย่างน้อยยังเหลือเวลาอีกไม่กี่วันที่จะดำเนินการทุกอย่างได้อย่างเต็มที่ เพื่อติดตาม พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กระแสข่าวว่า พล.อ.พิศาล จะกลับมาหลังสิ้นสุดอายุความ ถ้ารอถึงวันนั้นประชาชน คงตั้งข้อสงสัยว่า ระหว่างที่คดียังไม่ขาดอายุความ รัฐบาลดำเนินการเต็มที่แล้วหรือยัง เมื่อถามถึงกรณีพรรค พท.เตรียมประชุมพรรคเพื่อขับ พล.อ.พิศาลออก เป็นความรับผิดชอบที่เพียงพอหรือขว้างงูให้พ้นคอ หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญกว่าคือการติดตามจำเลยมาดำเนินคดีก่อนคดีหมดอายุความ การที่ไม่ดำเนินการอย่างเต็มที่ปล่อยให้คดีหมดอายุความ แล้วค่อยมาขับออก สังคมสามารถตั้งข้อสงสัยได้ว่า รัฐบาลมีความจริงใจในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด เราหวังว่า จะไม่เกิดขึ้น

สังคมสงสัยตุลาการศาล รธน.ได้

นายณัฐพงษ์กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญทำหนังสือชี้แจงถึงสภาฯ กรณีนายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวในงานสัมมนาทางวิชาการของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นการแสดงออกในเชิงเสียดสี หรือประชดประชันพรรคการเมืองใดว่า เป็นอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้วที่จะดำเนินการในลักษณะนี้ เมื่อสังคมตั้งข้อสงสัยการให้ความคิดเห็นของตุลาการในเวทีสาธารณะ เราจึงเสนอญัตติผ่านพ้นไปแล้ว พวกเราทำหน้าที่เต็มที่ ส่วนตัวตุลาการเองที่ใช้กระบวนการพิจารณาผิดจริยธรรมเป็นการภายใน จะวินิจฉัยอย่างไรเป็นสิทธิของเขา สังคมวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสงสัยได้เช่นกัน

คิกออฟ “เท้งทั่วไทย” 20 ต.ค.

นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าการเดินหน้าแคมเปญ “เท้งทั่วไทย” ว่าตามแผนจะเริ่มวันที่ 20 ต.ค. และภายในสิ้นปีจะเดินทางให้ครบ 20 จังหวัด ภายใน 1 ปีจะเดินทางให้ครบทุกจังหวัด เหตุผลเพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน ทำให้มีความครบถ้วน และนำมาเสนอเป็นนโยบายของพรรคต่อไปในอนาคต ส่วนจะประเดิมจังหวัดเเรกที่ไหนนั้น ตอนแรกมีการวางแผนไปที่ จ.ภูเก็ต แต่ตนมีปัญหาด้านสุขภาพ แพทย์ห้ามไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน จึงต้องเปลี่ยนหมุดหมายที่ใกล้ๆ สามารถเดินทางได้ด้วยตัวเอง แต่ยืนยันว่าใน 1 ปีจะเดินทางให้ครบ 77 จังหวัด

รำลึก 51 ปี 14 ตุลาชูจิตวิญญาณ ปชต.

ช่วงเช้าที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว คณะกรรมการมูลนิธิ 14 ตุลา จัดงานรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ครบรอบ 51 ปี มีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 14 รูป มีนายประสาร มฤคพิทักษ์ กรรมการมูลนิธิ 14 ตุลา นางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติ (กสม.) นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมญาติวีรชน ร่วมตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้วีรชนผู้กล้า 14 ตุลา จากนั้นมีการประกอบพิธีกรรม 3 ศาสนา และวางพวงมาลา โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาฯ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนนายกฯ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. นางอังคณา นีละไพจิต สว.และตัวแทนพรรคต่างๆ และเครือข่ายภาคประชาชนเข้าร่วม โดยนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า คนรุ่นปัจจุบันได้รับมรดก อันล้ำค่าที่สุดจากวีรชน 14 ตุลา คือสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง และการมีส่วนร่วมกำหนดอนาคตของประเทศ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญของสังคมประชาธิปไตยที่เราต้องร่วมกันปกป้อง

“เท้ง” เรียกร้องลุยต่อยอดร่าง รธน.ใหม่

ด้านนายณัฐพงษ์กล่าวว่า เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ในอดีต กำลังสอนพวกเราอยู่ว่าวันนี้กระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย อาจยังเดินหน้าไปไม่ถึงไหน เชื่อว่ารัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหลายสิ่งอย่างควบคู่กันได้ กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตอนนี้หลายฝ่ายทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล เห็นด้วยตรงกันตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าประชามติเพียงแค่ 2 ครั้งเพียงพอแล้ว แต่ติดปัญหาอุปสรรคการบรรจุร่างแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 เพื่อ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงอยากให้ประธานรัฐสภา บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ถ้าเราเดินหน้าการทำประชามติเพียงแค่ 2 ครั้งเราทำรัฐธรรมนูญได้ทัน ก่อนจะเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาล ทุกยุคทุกสมัยไม่ใช่เฉพาะ 14 ตุลามีการต่อสู้ เมื่อก้าวเท้าเข้ามาสู่การเมืองแล้วพร้อมที่จะรับคมหอกคมดาบ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่