บ้านเมืองเราตอนนี้ กำลังมีคดีความสำคัญ คนระดับนายกฯอาจถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง อดีตนายกฯอาจต้องถูกตัดสินให้เข้าคุกหรือไม่? อยู่ในกระบวนการตัดสินของศาล

ไม่ว่ายุคนี้หรือยุคไหนๆ เราเชื่อกันว่า ศาลสถิตย์ความยุติธรรมเสมอ

ในหนังสือ ศาลไทยในอดีต (สร้างสรรค์บุ๊คส์ พ.ศ.2551) ประยุทธ์ สิทธิพันธ์ ค้นคว้าเรื่องศาลพลเรือนในสมัยโบราณ มาให้ พวกเราอ่านได้อย่างน่าสนใจมาก ทั้งกระบวนการพิจารณาตัดสินคดี และการลงโทษ

แตกต่างจากสมัยนี้มากมาย ชนิดไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ

สมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม ต่อเนื่องพระเจ้าปราสาททอง ระบบศาล ทั้งศาลแพ่งและศาลอาญา ที่นายโยสเซาเต็น พ่อค้าฮอลันดา ฟังจากคนไทยและบันทึกไว้ มีสองศาล ศาลชั้นต้น และศาลสูง

คดีที่ขึ้นศาลสูง กระบวนการพิจารณา นอกจากผู้พิพากษาแล้ว ยังมีคณะลูกขุน มาจากข้าราชการผู้ใหญ่ 12 คน คำตัดสินของศาลสูงถือเป็นอันสิ้นสุด

แต่หากเป็นคดีที่มีโทษประหาร ไม่ได้อยู่ในอำนาจคณะลูกขุน แต่เป็นอำนาจสิทธิ์ขาดของพระมหากษัตริย์เท่านั้น

ในกรณีที่เป็นคดีที่กระบวนการสองศาลพิจารณาหาข้อยุติไม่ได้ ฝ่ายโจทก์ จำเลย ขอร้องให้มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เป็นอำนาจของคณะผู้พิพากษาจะอนุมัติ

กระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ที่ทำกันต่อหน้าผู้พิพากษา ในยุคนั้น ทำกันสี่วิธี

ดำน้ำ ลุยไฟ เอามือจุ่มในกระทะน้ำมันกำลังเดือด และการกลืนข้าวศักดิ์สิทธิ์

การพิสูจน์ด้วยวิธีดำน้ำ ทำดังนี้ ปักเสาสองเสาลงในน้ำ ให้คู่พิพาททั้งสองเกาะเสาลงดำไปใต้น้ำพร้อมกัน

ผู้ที่อยู่ใต้น้ำนานกว่า ผู้นั้นชนะคดี ผู้ที่โผล่ขึ้นมาก่อนเป็นผู้แพ้

วิธีพิสูจน์ด้วยการเอามือจุ่มในกระทะน้ำมันเดือด ตัดสินกันที่มือใครพองน้อยกว่า คนนั้นชนะ

...

วิธีพิสูจน์ด้วยการเดินลุยไฟ คู่พิพาทต้องเดินลุยไฟที่กำลังลุกแดง มีเจ้าหน้าที่คอยกดบ่าไว้ทั้งสองข้าง ผู้ที่เดินลุยไฟไปได้โดยตลอด มีบาดเจ็บบวมเล็กน้อย เป็นผู้ชนะ

ส่วนการพิสูจน์กลืนข้าวศักดิ์สิทธิ์ มีการประกอบพิธีให้ขลัง นิมนต์พระภิกษุผู้ใหญ่มาเป็นประธาน คู่ความที่กลืนข้าวนั้นได้ โดยไม่อาเจียน หรือถ้าอาเจียนออกมาน้อยกว่า ผู้นั้นชนะ

นายโยสเซาเต็น เล่าไว้เหมือนได้เห็นมากับตาตัวเองว่า เมื่อผลการพิสูจน์ออกมาแล้ว ผู้พิพากษาก็ให้ฉันทานุมัติให้ผู้ชนะ เป็นอิสระทันที ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง บริวาร ก็จะเป็นกองเชียร์ แห่แหนพากลับบ้าน

ส่วนผู้แพ้...ผู้พิพากษาก็จะตัดสินลงโทษตามความผิดมากน้อย ถ้าเป็นคดีแพ่งก็จะถูกปรับสินไหม หรืออาจถูกจำขัง

สำหรับความผิดขั้นอุกฤษณ์ จะมีโทษตามลำดับ ถูกปรับ ถูกปลดจากตำแหน่ง ถูกเนรเทศไปอยู่ในแดนกันดาร ถูกจับเป็นทาส ถูกริบทรัพย์

คดีอาญารุนแรง เริ่มตั้งแต่การถูกตัดมือ ตัดเท้า ถูกเอาตัวต้มน้ำมัน ถูกตัดขา ผ่าอก

อ่านถึงการลงโทษสมัยอยุธยาแล้ว...หนักหนาสาหัส น่าสยด สยอง

คนเกิดสมัยนี้จะถูกตัดสินหนักเบาสักแค่ไหน อย่างคดีความที่กำลังลุ้นระทึกกันทั้งบ้านเมือง คนหนึ่งเข้าคุก อีกคนพ้นจากตำแหน่ง...เทียบกับโทษคนสมัยก่อน ก็แค่เรื่องบีบสิว

แต่ก็นั่นแหละครับ สำหรับคนพิเศษบางคน...โทษเข้าคุก เป็นเรื่องต้องห้าม จะว่าเขาเต็มปากก็ไม่ถนัด บุญเก่าเขาทำมาเยอะ.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม