“อิ๊งค์” คุยกับพ่อแล้วไม่กังวลคดี 112 โวยโดนตอนรัฐประหาร “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อสส.ยุคนั้นตั้งโดย คสช.ถูกบิดเบือนมาตั้งแต่แรก ขึ้นศาลก็ดีเหมือนกันจะได้ชี้แจง “รังสิมันต์” เย้ย “เศรษฐา” หวังพึ่งบริการ “เนติบริกร” สร้างอภินิหารทางกฎหมาย เหมือนพา “รัฐบาลลุงตู่” รอดบ่วงมาได้หลายวาระ ฉะมัวแต่สาละวนแบ่งเค้กผลงานบ่มิไก๊ ชี้ในสมองผู้มีอำนาจตัวจริงมีอะไรแปลกๆ “วรชัย” เซ็ง พท.สมยอมขั้วอนุรักษ์ เอือมตั้ง “วิษณุ” ทำเสียคะแนน ปธ.วิปรัฐบาลรับมี สส.เคืองแต่ไม่รุนแรง “อนุสรณ์” ดิ้นโต้ “โรม” ไร้มารยาท โอ่เสี้ยมไปก็ไร้ผล รองโฆษก รบ.โวยดิสเครดิตรัฐบาล “วันชัย” ฉะพวกหากินบนความขัดแย้ง หงุดหงิดกับภาพ “ทักษิณ” “นิพิฏฐ์” เชื่อ “ทักษิณ” ไม่ติดคุก ทุกฝ่ายสมประโยชน์เร่งดันนิรโทษฯ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยังคงตอกย้ำถึงเหตุผลที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ เพื่อหวังพึ่งพาวิชาอภินิหารทางกฎหมาย แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เคยใช้บริการจนรอดมาแล้วหลายวาระ

“โรม” เย้ยหวังพึ่งอภินิหาร “เนติบริกร”

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 มิ.ย. นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ จะเกิดภาพจำในสายตาชาวบ้านหรือไม่เรื่องดึงมืออภินิหารกฎหมายข้างกายคนที่เคยยึดอำนาจมาร่วมงานว่า มองอย่างแฟร์ๆ คนก็ไม่ได้มองภาพจำเหมือนกันทุกคน 100% แต่ตนมองว่าอาจมีกลิ่นอายอยู่บ้าง สำหรับรัฐบาลที่แล้วมาสู่รัฐบาลนี้ในกรณีเอานายวิษณุเข้ามา ต้องยอมรับว่าความเชื่อของประชาชนคงมองว่านายกฯ ใช้งานนายวิษณุเพราะว่าตัวเองขึ้นเขียงอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ แน่นอนว่าภาพจำของนายวิษณุที่ประชาชนจดจำ คือผู้สร้างอภินิหารทางกฎหมาย ผู้ปัดเป่าอะไรต่างๆ ให้รัฐบาลชุดที่แล้วรอดในหลายๆ วาระ ดังนั้น เมื่อนายเศรษฐาดึงมาช่วยงานเหมือนหวังพึ่งวิชาเดียวกันกับที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยหวังพึ่ง ซึ่งมันก็มีทั้งกลิ่นอาย และผลลัพธ์ทางการเมืองที่ไม่ได้แปรเปลี่ยน ที่กังวลคือสังคมอาจรู้สึกว่าสิ้นหวังกับการเมืองยุคนี้ ถ้าความเชื่อมั่นไม่มีตั้งแต่ต้น อาจส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนหลายอย่างของประเทศ

...

รังสิมันต์ โรม
รังสิมันต์ โรม

สาละวนเเบ่งเค้กแต่ผลงานบ่มิไก๊

นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า การเเต่งตั้งคนมาทำงานในช่วง 1 ปีของรัฐบาลชุดนี้ คิดไปทำไป ไม่มีความพร้อมในการบริหารงานจริงๆ วางคนไปแล้วสุดท้ายไม่เวิร์ก กรณีตั้งคนที่มีปัญหา พูดตรงๆ ไม่ต้องไปเถียงกันว่ากฎหมายถูกหรือผิด แต่ในเชิงแง่มุมคุณสมบัติ หรือประวัติ ต้องถามว่าควรตั้งคนลักษณะนั้นเป็นรัฐมนตรีจริงหรือเปล่า จึงคิดว่าเอ๊ะแล้วทำไมรัฐบาลนายเศรษฐาจึงไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้ ไหนจะมีการเว้นที่ว่างให้บางคน สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ดี หรือมากไปกว่านั้นถ้าไปดูอย่างกระทรวงการคลัง มี รมช.คลังเยอะมาก สุดท้ายก็เกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ ขณะที่กระทรวงอื่นที่ควรมี รมช. แต่กลับไม่มี มันกลายเป็นแค่เรื่องเกลี่ยโควตา ทำให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้การเดิมพันของคนที่ต้องตอบแทนกันในเรื่องบุญคุณ ทำประเทศเสียโอกาส สังคมไทยไม่ได้อะไรอยู่แล้วในเรื่องนี้ หากมองในมิตินโยบาย อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ต รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หลายอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คุยเอาไว้ หรือแม้กระทั่งเรื่องค่าครองชีพ ต้นทุนพลังงานที่รัฐบาลเพื่อไทยพยายามหาเสียงไว้กับประชาชน ไม่ได้เป็นไปตามสัญญา รวมถึงเรื่องยาเสพติดที่รัฐบาลนี้คุยไว้เยอะ แต่ยาเสพติดไม่ได้ลดลงแน่นอน

ชี้สมองผู้มีอำนาจมีอะไรแปลกๆ

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยังยืนยันว่านายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นมือกฎหมายคนหนึ่งที่มีความสามารถ เพราะเคยร่วมงานในกรรมาธิการ คนอีกจำนวนมากกำลังงงว่าพรรคเพื่อไทยทำไมถึงไม่ยอมใช้ทรัพยากรในพรรคตัวเอง หรืออาจเป็นเรื่องของไม่เชื่อมือ หรือทำตามธงไม่ได้หรือเปล่า แต่สุดท้ายเราจะเห็นเมื่อมันมีปรากฏการณ์แปลกๆ อาจไม่มีอะไรแปลกๆอยู่ในทีมกฎหมายของพรรค พท. แต่มันมีอะไรแปลกๆ อยู่ในสมองของผู้ที่มีอำนาจในการเลือก หรือตัดสินใจ ทำให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้

“วรชัย” เซ็ง พท.สมยอมขั้วอนุรักษ์

นายวรชัยเหมะ คณะที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของรองนายกรัฐมนตรี อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การที่นายกรัฐมนตรีตั้งนายวิษณุ เครืองาม มาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ทั้งที่เคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทยมากว่า 10 ปีว่า เรื่องนี้ถ้าถามพี่น้องคนเสื้อแดงและคนรักประชาธิปไตยทั้งประเทศ ไม่มีใครเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนายวิษณุเคยเป็นนักกฎหมายและให้ความเห็นไม่สอดคล้องกับความคิดของฝ่ายประชาธิปไตยมายาวนานพอสมควร และนายวิษณุเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มคนที่ยึดอำนาจมาจากพรรคเพื่อไทย จึงถูกมองว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีลักษณะประนีประนอมสมยอมกับกลุ่มอำนาจเก่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือไม่ เพื่อให้นายวิษณุเข้ามาเสนอความคิดเห็นในเรื่องกฎหมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายเกี่ยวกับการเงินการบริหารประเทศ

เอือมตั้ง “วิษณุ” ทำเสียคะแนน

นายวรชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบว่าเป็นการประสานผลประโยชน์ระหว่างกันหรือไม่ อาจทำให้มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่เคยรักพรรคเพื่อไทยถอยห่างจากพรรค แล้วไปหนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยพรรคอื่น อีกทั้งในพรรคเพื่อไทยมีนักกฎหมายที่เก่งเยอะหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนายชูศักดิ์ ศิรินิล นายนพดล ปัทมะ นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ล้วนแต่เป็นนักกฎหมายมหาชนเหมือนกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยอยากได้คะแนนนิยมกลับมาเหมือนเดิม ควรเลือกใช้คนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยในพรรคเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ดึงคนนอกที่เคยเป็นปรปักษ์กับฝ่ายประชาธิปไตยมาแบบนี้

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

“อนุสรณ์” ดิ้นโต้ “โรม” ไร้มารยาท

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นว่าการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เพราะพรรคเพื่อไทยขาดมือกฎหมาย ขาดคนที่เข้าใจเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อผลักดันนโยบายว่า แม้การแสดงความเห็นจะเป็นสิทธิ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องมารยาท อย่าให้เกินกรอบจนกลายเป็นความพยายามด้อยค่ารัฐบาล หวังผลทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาลเพื่อแปรเปลี่ยนไปสร้างคะแนนนิยมให้พรรคตัวเอง การที่มีคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมงานกับรัฐบาลถือเป็นเรื่องที่ดี ทำไมไม่มองว่าคนที่เข้ามาทำงานกับรัฐบาลต้องคิดวิเคราะห์แล้วว่าจะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้ แมวจะสีอะไรไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ก็พอ ทำไมถึงตัดตอนแค่ว่านายวิษณุ เครืองาม เคยทำงานกับรัฐบาลที่แล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงนายวิษณุเคยทำงานกับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยมาก่อน

โอ่เสี้ยมไปก็ไม่มีผล รอใช้งบฯ

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ความพยายามที่จะเสี้ยมว่าหัวหน้ารัฐบาลไม่ไว้วางใจมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่เป็นผล เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันการเมือง มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมผลักดันขับเคลื่อนกฎหมาย ทั้งการทำงานในส่วนของพรรค งานฝ่ายนิติบัญญัติในสภาผู้แทนราษฎร และงานของรัฐบาลในฝ่ายบริหาร ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีนี้ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จะมุ่งมั่นทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย งบประมาณปี 67 ออกมาแล้ว งบประมาณปี 68 กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นยกแผง เฉพาะยางพาราทุบสถิติทำราคาสูงสุดในรอบ 12 ปี พุ่งทะลุกิโลกรัมละ 100 บาท ฝ่ายค้านกลับพูดได้เพียงแค่ว่าการที่ราคายางพาราพุ่งสูง เพราะเป็นช่วงยางพาราผลัดใบ ไม่ให้เครดิตกับรัฐบาล และตามตรรกะยางพาราอะไรจะใช้เวลาผลัดใบนานถึง 12 ปี

อย่าตีค่าการวิจารณ์เป็นผลงาน

“การมีคนที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมงานกับรัฐบาลมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี รัฐบาลทำงานผลักดันนโยบายเข้มข้น ประเทศก็เข้มแข็ง เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน อย่าทำตัวเป็นฝ่ายค้านประเภทเพียงแค่วิจารณ์รัฐบาลก็ถือว่างานสำเร็จแล้ว เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ทำได้” นายอนุสรณ์กล่าว

รับมี สส.เคืองตั้ง “วิษณุ” นั่งกุนซือ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกระแสข่าว สส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ไม่พอใจการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยงานด้านกฎหมายของรัฐบาลว่า ก็มีบางคนพูดอยู่ แต่ไม่ได้รุนแรงอะไร มีคนถามทำไมไม่ตั้งคนในพรรค ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนถูกใจและไม่ถูกใจ เพราะเคยอยู่ฝั่งตรงข้ามกันมาหลายครั้ง ก็มีการวิจารณ์กันบ้าง อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักคือ เราต้องใช้ความสามารถของคนที่รู้ หากนายกฯเป็นคนตั้ง คงมีเหตุผลมองว่าเป็นเรื่องดี ไม่มีอะไรเสียหาย เชื่อว่านายกฯคิดดีแล้ว แต่ไม่ทราบว่าในอนาคตจะตั้งคนในพรรคมาดูแลเรื่องกฎหมายจริงจังหรือไม่ เชื่อว่าจะทำความเข้าใจ กันได้ในที่ประชุมพรรค วันที่ 4 มิ.ย.นี้

แนะ “โรม” ใจกว้างเหมือนนายกฯ

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงตามที่นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ กรณีนายกฯตั้งนายวิษณุ เป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เพราะขาดมือกฎหมาย ไม่มีความพร้อมในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลมีความพร้อมในการบริหารงาน นโยบายหลายเรื่องคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด การที่ สส.ฝ่ายค้านพูดเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจกับความพยายามดิสเครดิตรัฐบาล สร้างความสับสนบั่นทอนความเชื่อมั่น คงเป็นความเข้าใจผิดของนายรังสิมันต์ หรืออาจแกล้งไม่เข้าใจ เพราะมักพูดเอามันตีกินไปวันๆ ที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต่างเคยเป็นรัฐบาลบริหารประเทศมาแล้ว มีผลงานที่ประชาชนจับต้องได้ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน ถ้าไม่พร้อมคงไม่มีใครเสนอตัวลงสนามเลือกตั้ง เคารพบทบาทของนายรังสิมันต์ แต่อยากให้ใจกว้างเหมือนนายกฯเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แม้รู้ว่าการแต่งตั้งนายวิษณุจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา แต่ท่านมองเรื่องบ้านเมืองเป็นหลัก การเอาคนมีประสบการณ์เข้ามาช่วยงาน ย่อมเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าการคำนึงถึงแต่เรื่องการเมือง การมัวแต่มานั่งจับผิดรัฐบาล ใช้ปากทำงาน ชี้นิ้วไปมา คนจะมองว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ

“อิ๊งค์” แจงพ่อไม่ห่วงโดนคดี 112

เวลา 14.30 น. ที่สนามกีฬาแห่งชาติ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูกอัยการสั่งฟ้องดำเนินคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ได้พูดคุยกับพ่อแล้ว จริงๆคุณพ่อไม่ได้กังวลเรื่องนี้มาก คดีนี้เกิดขึ้นตอนรัฐประหารรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อัยการสูงสุดขณะนั้นถูกแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายทักษิณยังบอกว่า การขึ้นศาลก็ดีเหมือนกัน จะได้พูดถึงข้อเท็จจริงได้ เมื่อถามว่าไม่ได้กังวลใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ไม่มี เมื่อสักครู่ได้คุยโทรศัพท์กันอยู่ เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่นายทักษิณจะพ้นโทษในเดือน ส.ค.นี้ แต่ต้องสู้คดีมาตรา 112 ต่อ น.ส.แพทองธารตอบว่า จริงๆไม่อยากให้มีคดีอะไรแล้ว แต่ก็ว่ากันไป ทีมทนายทำเรื่องนี้เต็มที่ ส่วนกระแสข่าวที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เพราะไม่เป็นไปตามดีลนั้น ไม่มีดีล จะมี ดีลอะไรเกี่ยวกับคดีนี้ ไม่มีอยู่แล้ว ไม่มีดีลอะไรเลย

โวยถูกบิดเบือนมาตั้งแต่แรก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยกำลังใจเสียหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ทุกคนเป็นห่วงคุณพ่อ แต่ให้ความมั่นใจได้ว่านายทักษิณไม่ได้กังวลใจเรื่องมาตรา 112 ส่วนตัวมองว่ามีการบิดเบือนความเป็นจริงตั้งแต่แรกที่ฟ้อง เรื่องนี้มั่นใจว่าไม่มีทางที่จะโดนคดีนี้ นายทักษิณบอกว่าดีที่จะได้ขึ้นศาล จะได้อธิบายข้อเท็จจริงไปเลย เมื่อถามว่ามองเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า คดีนี้ถูกฟ้องตอนปฏิวัติเสร็จใหม่ๆ ย้ำว่าอัยการสูงสุดแต่งตั้งโดย คสช. ฉะนั้นก็พิจารณาเอาเอง

วันชัย สอนศิริ
วันชัย สอนศิริ

สว.ฉะพวกหากินกับความขัดแย้ง

วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “มนุษย์ที่หากินกับความขัดแย้งจะเป็นจะตายกับความสงบ เท่าที่สังเกตมีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่ทำมาหากินอยู่กับความขัดแย้งในสังคมไทย พวกนี้จะมีความสุขสนุกสนาน และความมัน กับการทะเลาะเบาะแว้งของคนในสังคม ถ้า บ้านเมืองสงบเรียบร้อย คนพวกนี้จะเป็นโรคซึมเศร้าเหงาหงอย กระเสาะกระแสะหมดเรี่ยวหมดแรง อาการที่ปรากฏของคนพวกนี้คือ 1.เป็นพวกอคติ มีความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงเข้ากระดูกดำ 2.เป็นพวกจินตนาการเพ้อฝัน ดันทุรังอยู่กับอดีต 3.หาเรื่องปรุงแต่งไปเรื่อย ฟุ้งซ่านไปวันๆ เอาแต่ด่า ด่า ด่า 4.จับแพะชนแกะ โยงไปโยงมาหาเรื่องให้วุ่นวาย 5.ยิ่งเห็นคุณทักษิณไปโน่นมานี่ มีคนแห่แหน จะมีอาการเนื้อเต้นเส้นกระตุก หัวใจสั่น หูหนาตาแดง ปัสสาวะฉุนขุ่นเหลือง ไม่รู้จะเยียวยาอย่างไร สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

“นิพิฏฐ์” วิเคราะห์ “ทักษิณ” ไม่ติดคุก

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “กรณีคุณทักษิณ อย่าริจะขังนักโทษเทวดา” วิเคราะห์ในฐานะนักกฎหมายตามประสบการณ์ทางการเมือง ดังนี้ 1.ต้องแยกความถูกต้องกับความถูกใจออกจากกัน 2.เมื่อคุณทักษิณไปรายงานตัวต่อศาล คิดว่า
ศาลต้องให้ประกันตัว เพราะการประกันตัวระหว่างการพิจารณาก่อนพิพากษาเป็นหลักการพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญที่จะได้รับการประกันตัว 3.หลายคนพูดแบบเอาหล่อว่า คุณทักษิณกระทำผิดระหว่างพักโทษ เพราะงั้นต้องติดคุกอย่างเดียว แย้งว่ากรณีนี้เป็นความผิดที่ได้กระทำ “ก่อนการพักโทษ” จึงไม่มีเหตุที่จะไม่ให้ประกันตัว 4.คดีเหล่านี้เมื่อฟ้องศาลแล้ว ศาลจะมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาต คุณทักษิณติดข้อห้ามอย่างเดียวคือห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะไปตาม “ช่องทางตามธรรมชาติ”

เชื่อสมประโยชน์เร่งดันนิรโทษฯ

นายนิพิฏฐ์ระบุอีกว่า 5.คุณทักษิณจะชนะคดีหรือไม่ ความเห็นส่วนตัวคิดว่าโอกาสแพ้มีมากกว่า แต่เพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณเสียขวัญ แทงกั๊กแล้วกันว่า 50/50 6.หากคุณทักษิณแพ้คราวนี้จะถูกจำคุกจริงหรือไม่ อันนี้ตัดไปได้เลย เขาจะใช้วิธีการ “บริหารโทษหลังคำพิพากษา” คือคุมขังนอกเรือนจำ และน่าจะใช้บ้านจันทร์ส่องหล้านั่นแหละคุมขัง 7.จากนี้พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเร่งกระบวนการนิรโทษกรรม รวมทั้ง ม. 112 ด้วย เพราะทุกพรรคได้ประโยชน์หมด รวมไทยสร้างชาติก็ได้ประโยชน์เพราะแกนนำ กปปส.รอติดคุกอยู่เยอะ ทุกพรรคแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันลงตัว 8.ยังไงคุณทักษิณก็ไม่ติดคุก แถมลากมือคุณยิ่งลักษณ์กลับไทยได้อย่างปลอดภัย เมื่อกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านสภาแล้ว #เห็นไหม ไม่ได้กระหน่ำซ้ำเติมพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณอย่างเดียว เพราะเขาเหนือชั้น เขาคือนักโทษเทวดา คุกเมืองไทยขังนักโทษเทวดาไม่ได้หรอก

ตั้งเป้าโกยหมื่นล้าน Pride Month

อีกเรื่อง น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.ของทุกปีจะจัดงานของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เทศกาลไพรด์ (Pride Month) เป็นเทศกาลที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมาร่วมเฉลิมฉลอง เป็นแรงผลักดันให้เกิดความเสมอภาคของชาว LQBTQ+ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้การดูแลของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะร่วมมือกับเอกชนจัดงานหลายพื้นที่ กระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วประเทศ รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อสภาฯจะผลักดันกฎหมายสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่มหลากหลายทางเพศ หลังจากนั้นรัฐบาลมีความมุ่งมั่นผลักดันกฎหมายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเปิดรับความหลากหลาย เท่าเทียม ไม่คำนึงถึงอายุ เพศ ศาสนา สัญชาติหรือสถานะทางสังคม พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทั่วโลกในฐานะศูนย์กลางด้านท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล Pride Month นายกฯ เชื่อมั่นว่า การจัดงาน Pride Month 2024 นอกจากจะสนับสนุนการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ทั่วโลกเห็นว่า ประเทศไทยมีความเท่าเทียม พร้อมตอบรับทุกความหลากหลายด้วยความเสมอภาค ททท.คาดว่า การจัดงานดังกล่าวจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 860,000 คน สร้างเงินหมุน เวียนทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท

มท.เดินหน้าแก้หนี้นอกระบบต่อ

ด้านนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการดำเนินการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบว่า ดำเนินการทั่วประเทศไปแล้ว 150,015 ราย มูลหนี้ลดลง 1,202 ล้านบาท ยังคงเหลืออีก 3,385 ราย ที่อยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการไกล่เกลี่ย กระทรวงมหาดไทยยังคงเดินหน้าให้ทุกจังหวัดไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ ถึงแม้ครบกำหนดให้ประชาชนลงทะเบียนหนี้นอกระบบไปแล้ว ที่ผ่านมารัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนนโยบายการจัดระเบียบสังคม และปราบปรามผู้มีอิทธิพลให้ครอบคลุมประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหนี้นอกระบบ ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กำชับให้กลไกกระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง ให้ทุกจังหวัดดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบครอบคลุมทั้งระบบ ภายใต้การดูแลของผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ รวมถึงสำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งบูรณาการกับทุกภาคส่วน

นายกฯเปิดงาน “ควายไทยมรดกโลก”

เวลา 17.30 น. ที่ลานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “Thailand Buffalo Heritage ควายไทยมรดกโลก” มีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วม นายเศรษฐาได้เดินเยี่ยมชมควายและแวะทักทายผู้ส่งควายเข้าประกวดควายงาม สอบถามสายพันธุ์ รวมไปถึงการเลี้ยงดู ก่อนชม “โก้ เมืองเพชร” ควายเผือกที่ใหญ่ ที่สุดในโลก โดยกล่าวทักว่า “โก้จำได้ไหม เคยเจอกันที่ทำเนียบรัฐบาล” พร้อมแซวว่า “ผมยังสูงกว่า ผมสูง 192 แต่ควายเผือกสูง 175” จากนั้นเดินทักทาย“คิงคอง” ควายดำเพศผู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนัก 1,600 กิโลกรัม นอกจากนี้ ประชาชนที่มาร่วมงานได้ขอถ่ายรูปและขอจับมือกับนายกฯอย่างคึกคัก ก่อนรับมอบผ้าคล้องคอเป็นผ้าพันคอย้อมขี้วัว (มูลมงคล) นายกฯกล่าวเพียงสั้นๆว่า รู้สึกดีที่ได้ดูควายหลายพันธุ์ ชอบ สวย ไม่น่าเชื่อ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย หารายได้ได้เลย ต่อมานายกฯได้มอบรางวัลแกรนด์แชมเปียน ควายเผือกเพศเมีย และรางวัลแกรนด์แชมเปียน ควายดำเพศเมีย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่