“นิติสงคราม” ตลบอบอวลการเมืองไทย ความขัดแย้งแบ่งฝักฝ่าย แก่งแย่ง สืบทอด รักษาอำนาจ ยังดำเนินอยู่ต่อเนื่อง ต่างไปแค่รูปแบบ
วันนี้อยู่ในโหมดประหัตประหารฟาดฟันกันด้วยกฎหมาย
สงบจอมปลอม ปรองดองสร้างภาพ สันติสุขความร่วมไม้ร่วมมือไม่มี
และดูท่าว่าจะไม่จบง่ายๆ ไม่รู้ต้องเสียเวลาอีกนานแค่ไหน ส่งผลกระทบเสียหายประเทศชาติพัฒนาล้าหลัง
คดีความคำพิพากษาเกี่ยวเนื่องเรื่องการเมือง จากฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระ คนติดตามการเมืองไทยมักคาดเดากันได้ไม่ผิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายปลายทาง
พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงแค่วิธีการ แต่คำตอบสุดท้ายไม่เปลี่ยน
พรรคก้าวไกลขวัญใจคนรุ่นใหม่ พุ่งทะยานไต่ระห่ำขึ้นมาจนแซงหน้าทุกพรรคด้วยความห่ามห้าว แต่แบกวัตถุอันตรายไว้เต็มหลัง มุ่งมั่นแก้ไขมาตรา 112 บนความเชื่อที่ว่าเป็นการยกระดับปรับปรุงสิทธิของทุกฝ่าย
แต่เรื่องนี้โดนสังคมการเมือง ชนชั้นอีลิทต่อต้านคัดค้านเรื่อยมา
ในที่สุดวันที่ 31 ม.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสินเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และมีคำสั่งห้ามเคลื่อนไหวยุ่งเกี่ยวมาตรา 112 เฉียบขาด
พลพรรคก้าวไกลสงสัยตั้งคำถาม อำนาจฝ่ายตุลาการล้ำเส้นกินแดนฝ่ายนิติบัญญัติเกินไปหรือไม่
นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นทวงถามในสภา ขอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ยืนยันจุดยืนของสภาว่ามีอำนาจ หน้าที่ทำงาน ตรากฎหมาย แก้กฎหมาย เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าเราคือตัวแทนที่ถูกเลือกตั้งมาพูด เสนอ แก้กฎหมายเพื่อประชาชน
เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีส่วนที่อาจทำให้เกิดการตีความได้ว่า ในอนาคตถ้าจะแก้หรือจะทำอะไรกับข้อกฎหมาย เราต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตก่อนหรือไม่
...
แต่ยังไม่มีคำตอบยืนยันจากประธานสภา ขอรอคำวินิจฉัยฉบับเต็มของศาลรัฐธรรมนูญก่อน
สภาพภายในพรรคก้าวไกลปั่นป่วนไม่น้อย แม้ใจสู้แค่ไหนก็หวั่นไหวเหมือนกัน จะเดินหน้าต่อแบบไหนความเห็นยังแตกเป็นหลายทาง เหมือนเห็นหอกดาบ ระเบิดอยู่ตรงหน้า แต่ตัวเองมีแค่มือเปล่า
สู้ก็ตายไม่สู้ก็ตาย ต้องล่าถอยมาตั้งหลักวางแผนก่อน
โฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลยามนี้ เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลแล้วบอกตรงๆไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ก่อนดี
ลำพังตัวเองตอนนี้ห้อมล้อมไปด้วยอำนาจ แต่ยังหวาดระแวงอนุรักษ์นิยมที่ไม่เคยหลับ
แม้จะย้ายฟากข้ามขั้วไปแล้วแท้ๆ แต่ยังหนีไม่พ้นเป็นเหยื่อ “นิติสงคราม” เช่นกัน
ล่าสุด อัยการสูงสุด ตำรวจ บก.ปอท. ประกาศแจ้งขออายัดตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีกระแสข่าวว่าจะกลับบ้าน 18 ก.พ.นี้แล้ว จากคดีค้างเดิมตามมาตรา 112 เหตุเกิดตั้งแต่ 21 พ.ค.2558 ที่เกาหลีใต้
นินทาให้แซดว่าเป็นเกมล็อกคอ จับพรรคเพื่อไทยเป็นตัวประกันฝ่ายอนุรักษ์ไม่กล้าวางใจ ปล่อยเสือเข้าป่าโดยไร้ชนัก บ่วงรัดคอ
หากคุ้มดีคุ้มร้ายไปร่วมมือกับก้าวไกล หลัง สว.หมดอำนาจกลางเดือน พ.ค. ก็งานเข้ากลุ่มอำนาจเก่า นับนิ้วจำนวน สส.เกินครึ่งสภาแก้กฎหมายสบายมือ แค่ 2 พรรคจับมือรวมตัวตั้งรัฐบาลกันได้เลย
แต่ในทางปฏิบัติ 2 พรรคใหญ่ร่วมงานกันยากด้วยหลายปัจจัย รอยเท้าที่ฝากกันไว้ยังล้างไม่ออก
เพื่อไทยเป็นหัวหอกแกนนำรัฐบาลก็จริง แต่คำถามคือบริหารงานได้เต็มไม้เต็มมือแค่ไหน
แฟนคลับ สาวกเห็นแล้วหงุดหงิด ผ่านมา 4-5 เดือนท่ามกลางความคาดหวังสร้างผลงาน พลิกฟื้นวิกฤติ
แต่ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย นโยบายเรือธงก็โดนรุมขวาง ปัดแข้งปัดขา
องค์กรอิสระ ขุมข่ายอนุรักษ์นิยมยังทำงานหนัก เพื่อไทยยังคงเป็นปฏิปักษ์ฝั่งตรงข้าม
ความหมายชัดเจนว่าร่วมกันเป็นรัฐบาลเพราะจำเป็น และจำใจ
เนื้อหารายงานของคณะกรรมการศึกษาโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตกรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน หลุดออกมานินทากันขรม คนเพื่อไทยข้องใจก้าวก่ายล้ำเส้นรัฐบาล สังคมก็กังขาบทบาทหน้าที่
ล่าสุด ป.ป.ช.เผยฉบับทางการ ปรับโหมดให้เบาลง ไม่รุกล้ำแกมบังคับเกินไป
สวนทางท่าทีรัฐบาลเพื่อไทยขึงขังลุยต่อ ไม่เลิก ไม่ลดขนาด แถมบลัฟกลับอาจทำเป็น พ.ร.ก.ให้รู้แล้วรู้รอด
เพื่อไทยรู้อินไซด์ มีชั้นเชิงจังหวะถอยรุก ยืดได้หดได้ อาบน้ำร้อนมาก่อนเลยอยากสอนน้อง
แต่ก้าวไกลไม่ฟัง เพราะถ้าทำตามก็ไม่แตกต่าง เป็นแค่เพื่อไทยสาขา 2
จำเป็นต้องเน้นบทเด็กแข็งกร้าว ท้าทายเสี่ยงตาย แต่ได้ใจคน.
ทีมข่าวการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ "วิเคราะห์การเมือง" เพิ่มเติม