วันนี้เป็น “วันจ่าย” ใน เทศกาลตรุษจีน 2567 พรุ่งนี้เป็น “วันไหว้” มะรืนนี้เป็น “วันเที่ยว” ท่ามกลางความเห็นต่างระหว่าง นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ผู้นำประเทศ กับ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ฝ่ายรัฐบาล นายกฯเศรษฐายืนยันว่าเศรษฐกิจไทยเข้าขั้นวิกฤติแล้ว ดูจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบ 4 เดือนติด เรียกร้องให้ กนง.ลดดอกเบี้ยลงทันที แต่ แบงก์ชาติ เห็นว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้วิกฤติ เพียงแต่เติบโตช้า เช่นเดียวกับ ศูนย์วิจัยของธนาคารต่างๆ ก็เห็นในทิศทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้วิกฤติ
เรื่อง เงินเฟ้อติดลบ 4 เดือน ถ้า นายกฯเศรษฐา อยากรู้ ความจริง ทำได้ง่ายนิดเดียว ยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานทั้งหมด ก็จะได้เห็นเงินเฟ้อที่แท้จริงทันที
ตรุษจีนปีนี้ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ของคนไทยว่า ตรุษจีนปีนี้มีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา ผลสำรวจพบว่า มูลค่าการใช้จ่ายของประชาชนอยู่ที่ 49,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากปี 2566 (มูลค่า 45,017 ล้านบาท) โดยกลุ่มตัวอย่าง 57.2% จะมีการไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ตอบว่าจะไหว้เจ้าเพียง 45.0% (แสดงว่าคนมีความหวังมากขึ้น จึงไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีนกันมากขึ้น เพื่อขอให้เฮงเฮงรวยรวย)
การใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อของเซ่นไหว้ (มีการขายเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ซื้อไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษด้วย) ทำบุญ แก้ชง ท่องเที่ยวในประเทศ แต๊ะเอีย ไปทานข้าวนอกบ้านสังสรรค์ ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าคงทน เครื่องประดับ ฯลฯ
ผลสำรวจที่น่าสนใจก็คือ ดร.ธนวรรธน์ บอกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 40.3% บอกว่ามีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะราคาสินค้าแพงขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ธุรกิจได้กำไรมากขึ้น และได้โบนัสมากขึ้น 33.7% บอกว่าใช้จ่ายลดลง เพราะรายได้ลด มีหนี้มากขึ้น เศรษฐกิจแย่ลง ตกงาน 26.0% บอกว่า ใช้จ่ายเท่าเดิม เน้นซื้อของจำเป็น ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยได้วิกฤติคนส่วนใหญ่ 40.3% มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้น ถ้าเศรษฐกิจวิกฤติคงไม่มีใครคิดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมายแบบนี้แน่นอน
...
ในธุรกิจท่องเที่ยวก็ดูจะแฮปปี้กันถ้วนหน้า คุณศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ก็เปิดเผยว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้คึกคักมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวจีนจองล่วงหน้าเข้ามาต่อเนื่องสิ้นปี 2566 นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเฉลี่ย 8 พันคนต่อวัน ตอนนี้เข้ามา 2 หมื่นคนต่อวันแล้ว คาดว่าตรุษจีนจะเข้ามา 2-2.5 หมื่นคนต่อวัน ปัจจัยบวกจากการทำตลาดของรัฐบาลและเอกชน หลังตรุษจีนน่าจะรักษาระดับนักท่องเที่ยวจีนได้หลัก 2 หมื่นคนต่อวัน
ช่วงตรุษจีนปีนี้ยังมีการ ปรับแพ็กเกจทัวร์จีนเพิ่มเป็น 5,000-10,000 หยวน (รวม 25,000-50,000 บาท) จากเดิม 2,000–3,000 หยวน (10,000-15,000 บาท) เนื่องจากราคาตั๋วเครื่องบินยังทรงตัวสูง จำนวนเครื่องบินมีน้อย คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย ก็ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกันว่า อัตราการเข้าพักโรงแรมทั่วประเทศปี 2567 คาดว่าจะขยับขึ้นมาที่ 70% ใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด ช่วงตรุษจีนคาดว่าอัตราการเข้าพักจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 80% และในปี 2567 สมาคมโรงแรมประเมินว่า จะมีโรงแรมเกิดใหม่อีก 10,000 แห่งทั่วประเทศ ทำให้มีการแข่งขันแย่งลูกค้ามากกว่าเดิม
ข้อมูลในตลาดจริงของผู้ทำธุรกิจทั้งหมด ทุกคนเห็นว่าเศรษฐกิจไทยโตขึ้น ไม่มีใครเห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังแย่ลงจนเข้าขั้นวิกฤติ แถมปีนี้จะมีโรงแรมเปิดใหม่เพิ่มขึ้นถึง 10,000 แห่ง ถ้าวิกฤติใครจะกล้าเปิดโรงแรมใหม่
เมื่อ ความจริงเป็นเช่นนี้ ผมก็อยากจะขอให้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ขอให้ท่านนายกฯหันมาช่วยกันทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งขึ้น จะดีกว่าไหมครับ ดีกว่ามาแช่งหรือทำให้เศรษฐกิจไทยวิกฤติทั้งที่ไม่ได้วิกฤติ ดีไหมครับ ท่านนายกฯ?
“ลม เปลี่ยนทิศ”