2 นักร้องมาตามนัด ยื่นร้อง ป.ป.ช.ตั้งแท่นสอบจริยธรรมร้ายแรง ขยี้ซ้ำ 44 สส.ก้าวไกลเข้าชื่อหนุนนโยบายแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครอง “ธีรยุทธ” ดักคอถึงทำตามคำสั่งศาลถอดนโยบายจากหน้าเพจพรรค แต่โทษอยู่ที่ประกาศิต ป.ป.ช. “สนธิญา” ฟาดแก้ ม.112 มรดกบาปเป็นกรรมพันธุ์จาก “อนาคตใหม่” สู่ “ก้าวไกล” ขู่ฟ่อหากยังขืนฝืนคำสั่งศาลมีหวังถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต แกนนำก้าวไกลยันไม่หวั่นไหวโดนยุบ “ไหม” บอกปั้น “ดาวรุ่งส้ม” แถวใหม่ทันกาลแน่ “สุทิน” เชื่อคนไทยเหนื่อยแล้วค่ายส้มถูกยุบไม่บานปลาย “ภูมิธรรม” ยัน พท.ระวังปม ม.112 ตลอด เห็นใจ ก.ก.เคยต้องชะตาเดียวกัน ขณะที่ “นายกฯนิด” ฟื้นไข้บึ่งเข้าสางงานในทำเนียบฯ คิวแน่นเอี้ยด รีบเบรกทัวร์กลัวดราม่า ทีมแฟชั่นซอฟต์พาวเวอร์ไขก๊อกยกชุด
หลังจากไปยื่นคำร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล 10 ปีแล้ว ล่าสุด 2 นักร้องมาตามนัด พากันเข้ายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเอาผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงกับ 44 สส.ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112

...
“ธีรยุทธ” ขยี้ซ้ำฟันจริยธรรม 44 สส.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ก.พ.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนนนทบุรี 1 ต.ท่าทราย อ.เมือง นนทบุรี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน สส.พรรคก้าวไกล 44 คน ฐานฝ่าฝืน มาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีการเข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายธีรยุทธกล่าวว่า นายพิธา ลิ้มเจริญ รัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ สส. พรรค ก.ก. รวม 44 คน เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.อาญา มาตรา 112 ต่อสภาผู้แทนราษฎร และใช้เป็นนโยบายหาเสียง ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การแก้ไขมาตรา 112 ลดทอนสถานะและการคุ้มครองสถาบัน มุ่งแยกสถาบันออกจากความเป็นชาติไทย เป็นการกระทำล้มล้างการปกครอง ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมข้อ 5 ที่ สส.-สว.และ ครม.ต้องยึดมั่นและดำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต ผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ถือว่ามีลักษณะผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
ชี้ถอดนโยบายทิ้งไร้ผลทอนโทษ
นายธีรยุทธกล่าวว่า การยื่นเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงนั้น ไม่ได้ต้องการให้ตัดสิทธิการเมือง 44 สส.แต่จะไปถึงจุดนั้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติกฎหมาย และวิธีการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ส่วนที่พรรค ก.ก.ถอดนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ออกจากหน้าเพจพรรคก้าวไกล มองว่าเป็นเรื่องดี แต่จะลดทอนโทษของการกระทำได้หรือไม่เป็นหน้าที่องค์กรต่างๆที่ตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานประกอบการพิจารณา ทราบว่า นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.สั่งการให้เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานต่อสู้คดีก็น่าจะมีหนทางอยู่บ้าง ส่วนที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไม่เห็นด้วยที่พรรค ก.ก. ถอดนโยบายมาตรา 112 ออกไปถือเป็นความเห็นส่วนตัวนายปิยบุตร และการที่แกนนำบางคนระบุว่า การนำนโยบายมาตรา 112 ออกจากหน้าเพจแต่ถูกซ่อนไว้ภายในจะหยิบยกขึ้นมาดำเนินการเมื่อไรก็ได้นั้นหากทำจริง ถือว่ามีการซ่อนเร้น
“สนธิญา” ชี้มรดกบาปตัดสิทธิทั้งชีวิต
ต่อมานายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรม สส. 44 คน ของพรรคก้าวไกล กรณีเข้าชื่อเสนอแก้ไข ป.อาญามาตรา 112 เช่นกัน นายสนธิญากล่าวว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรต้องปฏิบัติตาม การแก้มาตรา 112 เป็นมรดกบาปที่ถ่ายทอดเป็นกรรมพันธุ์ จากอนาคตใหม่ถึงก้าวไกล เห็นใจสส.ทั้ง 44 คน ที่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 การยื่นเรื่อง ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบจริยธรรมถือเป็นมาตรฐานตามอุดมการณ์ที่เป็นบทบัญญัติที่ร้ายแรง ป.ป.ช.ต้องยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป ขณะนี้เก็บรวบรวมข้อมูลการกระทำตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.ทั้งของพรรค ก.ก. คำให้สัมภาษณ์นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน จะเดินหน้าเรื่องมาตรา 112 ต่อไปหรือไม่ เพื่อนำมาประกอบการชี้แจงต่อ ป.ป.ช. เอาผิด สส. 44 คน จะติดตามการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หากมีการล้างผิดให้ผู้ทำผิดมาตรา 112 แสดงว่า กำลังแก้ไขมาตรา 112 ตั้งใจเซาะกร่อน บ่อนทำลาย ไม่เคารพตามที่ศาลสั่ง คำร้องที่มายื่นครั้งนี้มีโอกาส 50-50 แต่ถ้าหลังจากนี้พรรค ก.ก. ยังไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาล คิดว่ามีโอกาสถูกตัดสิทธิทางการเมือง เพราะตนมีเป้าหมายให้ถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต
ก.ก.ไม่หวั่นไหวปั้นแถวใหม่แทนที่
ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้ยื่นร้องสอบจริยธรรม สส.ของพรรค ก.ก. 44 คน ที่เคยร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ว่า พรรคเตรียมต่อสู้คดีเรื่องนี้แล้ว เป็นหนึ่งในฉากทัศน์ที่คาดไว้ ไม่ได้กังวลใจ มีข้อต่อสู้เชิงคดีที่น่าจะทำให้เราไม่ถูกตัดสินว่าผิดจริยธรรม และถูกตัดสิทธิทางการเมือง เราจะสู้คดี อย่างเต็มที่ เมื่อถามว่ามีทางรอดสำหรับ สส.ทั้ง 44 คนหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า ต้องเตรียมตัวสำหรับกรณีเลวร้ายที่สุดแต่มีความหวัง เมื่อถามย้ำว่า แผนรองรับหากผลออกมาในทางลบ 44 สส.ถูกตัดสิทธิ์ น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า ระยะเวลา ของกระบวนการยุติธรรมจะไม่รวดเร็ว พอมีเวลาเตรียมแกนนำรุ่นต่อไปขึ้นมาแทนที่ได้แน่นอน ไม่กังวล หากดูจาก สส.ของพรรค และผู้มาร่วมทํางาน มีหลายคนที่มีศักยภาพสูง แม้ว่าจะไม่มี สส. 44 คน แต่รับรองว่าอุดมการณ์และวิธีคิดของพรรค จะสืบทอดต่อไปได้ ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.กล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องการถูกยุบพรรค และตนก็เป็น 1 ใน 44 รายชื่อ ที่ลงชื่อเสนอนโยบายนี้ ภายในพรรค ก.ก.ไม่ได้พูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว ทุกคนก็ยังคงทำงานตามปกติ

“สุทิน” เชื่อยุบค่ายส้มไม่บานปลาย
ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ของพรรค ก.ก.เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และมีคำสั่งให้เลิกการกระทำจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวจากกลุ่มต่างๆรุนแรงขึ้นหรือไม่ว่าคนไทยวันนี้เคารพศาล ตัดสินอย่างไร ทุกคนเคารพน่าจะจบ มั่นใจว่าสถานการณ์ไม่น่าจะบานปลาย มีบทเรียนมามากแล้ว คนก็เหนื่อย เมื่อถามว่าเริ่มมีนักร้องให้ยุบพรรค ก.ก. สถานการณ์บานปลายหรือไม่ นายสุทินตอบว่า เป็นสิทธิคนไทยมีความคิดที่เสรี ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนร้องเรียนมาเรื่อย สุดท้ายเมื่อเข้าสู่กระบวนการ เมื่อศาลตัดสินมาแล้วเคารพคำตัดสินก็จบ เชื่อว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะไม่เหมือนเมื่อก่อน ส่วนการประเมินสถานการณ์ข่าวฝ่ายความมั่นคงดำเนินการตามปกติ ยังไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าวิตก แต่ถึงอย่างไรต้องตั้งมั่นตลอด ไม่ประมาท
“ภูมิธรรม” พลิ้ว พท.เคยชูแก้ ม.112
ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค พท.เคยมีนโยบายจะแก้ไข ป.อาญามาตรา 112ว่า เราพูดอยู่เสมอว่าเรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง และการจะกระทำเรื่องนี้ได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆให้เรามารับปากว่าจะไปแก้ไขมาตรา 112 เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันที่เป็นกลางทางการเมือง ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวและรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน เมื่อถามว่าพรรค พท.ไม่เคยหาเสียงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า เราระมัดระวังเรื่องมาตรา 112 แม้กระทั่งมีกลุ่มเยาวชนมายื่นหนังสือ เราก็แถลงแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าตัดสินใจไปเช่นไรก็มีผลกระทบกับคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย จะสร้างความแตกแยกครั้งใหม่ให้กับสังคม เราจึงบอกว่าต้องทำให้เกิดฉันทามติ พูดคุยกันอย่างเรียบร้อย หากคิดว่าสังคมเปลี่ยน แปลงไปอย่างไร และคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องไปตัดสินใจ ดังนั้นหากเราบอกว่ารักประชาชนต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ปลอบ ก.ก.เคยต้องชะตาเดียวกัน
นายภูมิธรรมกล่าวว่า จริงๆเห็นใจพรรคก้าวไกล เพราะเคยอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน ปัญหาพรรคการเมืองต่างๆต้องอยู่ที่จุดสมดุล ทั้งการเมือง เศรษฐกิจสังคม ในรัฐประชาธิปไตยทุกที่เขายอมรับความแตกต่าง สงวนความแตกต่างได้ และความแตกต่างที่อยู่ในรูปแบบนี้เป็นความแตกต่างที่มีอิสระของตัวเอง เราต้องเคารพทั้งหมด และต้องหาจุดสมดุลที่เพียงพอ ไม่มีความคิดใครเก่งที่สุดดีที่สุด ไม่มีความคิดใครเป็นประชาธิปไตยกว่ากัน แม้มีสส.คนเดียวล้วนเป็นตัวเป็นตัวแทนของประชาชนที่เลือกมาทั้งนั้น ฉะนั้น การคำนึงถึงหลายเรื่องที่จะไปเกี่ยวพันกับชีวิตพี่น้องประชาชน โครงสร้างสถาบันทางการเมือง ผลประโยชน์ประเทศชาติ ล้วนแต่ต้องคำนึงถึงการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
“วราวุธ” รอโฟกัสการเมือง 3-6 เดือน
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พรรค ก.ก.หยุดการกระทำเกี่ยวกับการแก้ไข ป. อาญามาตรา 112 ว่า พรรค ชทพ. ยืนยันไม่แตะมาตรา 112 หรือแม้แต่การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญยืนยันคงหมวด 1 และ 2 ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองหรือทำให้กระแสนิยมของพรรค ก.ก.เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายวราวุธตอบว่า ประชาชนที่นิยมในพรรค ก.ก.ยังนิยมอยู่ ส่วนกลุ่มคนที่คิดเห็นต่างไปคงไม่ได้เปลี่ยนใจมากมาย คงไม่ได้กระทบกับฐานความนิยมของแต่ละพรรค เมื่อถามว่าคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมือง นายวราวุธตอบว่า วันนี้ยังไม่ได้มีผล กระทบเปลี่ยนแปลงต่อการเมือง แต่ในอนาคตอีก 3 เดือน 6 เดือน จากนี้ไปคงต้องดูขั้นตอนของศาล หรือองค์กรอิสระว่า จะดำเนินการทางกฎหมายตามคำร้องของผู้ที่ร้องเรียนในแต่ละเรื่องอย่างไร ถึงตอนนั้นคงต้องมาประเมินสถานการณ์กัน

“เศรษฐา” ฟื้นไข้รุดเข้าทำเนียบฯ
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่ลาป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ A พักไป 2 วัน เมื่อเวลา 09.00 น.นายเศรษฐาเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติแล้ว ทันทีที่ขบวนรถนายกฯเลี้ยวเข้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล นายกฯ ได้สั่งรถจอดก้าวลงมาทักทายสื่อมวลชนทันที โดยได้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ยังมีสีหน้าที่อิดโรย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หายดีแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ตอนนี้พ้นระยะติดเชื้อแล้ว แต่ขอใส่แมสก์ไว้ก่อน ไม่มีไข้ ไม่มีอะไรแล้ว เมื่อ ถามว่า ยังสามารถเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ประเทศ ศรีลังกา ระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ.ได้หรือไม่ นายกฯตอบว่าสบายมาก ไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วง เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ยังได้สั่งการไปหลายเรื่อง ส่วนภารกิจวันนี้น่าเสียดายตอนเย็น เดิมมีนัดเตะฟุตบอลกับท่านทูต ที่สนาม Polo Football park แต่ตนจะไปเฉยๆไปยืนดูนิดๆก็พอ ความจริงอยากลงเตะเหมือนกัน
จ้อยาวโชว์คิวงานแน่นเอี้ยด
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มีนัดแน่นเอี้ยด ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพจะพาตัวแทนแบงก์จีนมาพบ ยังมีประชุมอีกทั้งวัน นอกจากนี้ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มาพูดคุย และรายงานเรื่องการท่องเที่ยวที่จะรวบรวม 4-5 ประเทศให้ไทยเป็นศูนย์กลาง และจะกำชับ ผบ.ตร.ในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยในสัปดาห์หน้าเพราะเป็นช่วงไฮซีซัน ทั้งกำชับไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เรื่องระบบต้องไม่ล่ม เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ.ล่มไปอีกรอบแต่แก้ได้เร็ว ต้องไปดูว่า Back up System ระบบสำรองข้อมูล และเรื่องต่างๆ ส่วนเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากกัมพูชาจะโทรศัพท์คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาอีกรอบ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะดูจากแผนภาพความร้อน Heat Map ของไทยมีน้อยมาก ส่วนใหญ่อยู่ที่กัมพูชา เพราะลมพัดจากตะวันออกมาตะวันตก
ทีมแฟชั่นซอฟต์พาวเวอร์ไขก๊อก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กหนังสือลาออกและข้อความระบุว่า ได้ประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการและที่ปรึกษาฯ ร่วมกันลงมติเห็นชอบยุติการดำเนินงานของทั้งคณะอนุกรรมการฯมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.โดยได้ร่วมกันดำเนินการรวบรวมข้อมูล และจัดทำนโยบายและแผนงาน กำหนดแนวทางและมาตรการส่งเสริมการใช้กลยุทธ์ซอฟต์พาวเวอร์เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอในขั้นตอนแรกที่เป็นรากฐานสำคัญตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องยุติการทำงานในตำแหน่งสำคัญนี้ และขอขอบคุณคณะกรรมการ พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติที่ให้โอกาสคณะอนุ กรรมการ และที่ปรึกษาฯมีส่วนร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่นของไทย

“หมอเลี้ยบ” เผย 9 ก.พ.ตั้งชุดใหม่
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขานุการกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ทวีตข้อความผ่าน X ขอขอบคุณคณะอนุกรรมการฯ ระบุว่า เชื่อว่าคุณกมลนาถเล่าเรื่องข้อจำกัดด้านเวลาของตนเองให้รับรู้ตั้งแต่เดือน ธ.ค.66 และบอกว่าจะขอส่งต่อภารกิจที่หนักหน่วงให้ท่านอื่นในอุตสาหกรรมแฟชั่นหลังจัดทำแผนงบฯแล้วเสร็จ ตนจึงดำเนินการติดต่อหลายท่านในวงการแฟชั่นเพื่อเตรียมรับภารกิจสำคัญนี้ โดยจะเสนอชื่อแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯชุดใหม่ ในที่ประชุมคณะกรรมการฯวันที่ 9 ก.พ.ที่กระทรวงการต่างประเทศ ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้แชร์ข้อความของ นพ.สุรพงษ์ พร้อมระบุว่า ขอขอบคุณคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่นทุกคน เข้าใจถึงข้อจำกัดด้านเวลาของอนุกรรมการทุกคน หากต้องปฏิบัติภารกิจจำนวนมากที่รออยู่ข้างหน้า และขอทุกคนติดตามคณะอนุกรรมการฯชุดใหม่ในวันที่ 9 ก.พ.
นายกฯรีบเบรกทัวร์งดดราม่า
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง กล่าวว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ในฐานะเลขานุการกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ได้ทวีตแล้ว จะตั้งคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมาใหม่ในวันที่ 9 ก.พ. ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปดราม่าเลย ก็หาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะแต่ละคนที่เข้ามาทำงานไม่ได้เงินเดือนและไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง แต่ละคนอาจรู้ว่างานมันโหลดเยอะมากเกินไปอาจไม่ไหว คงกลัวคณะกรรมการจะเสียหาย ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ขับเคลื่อนเต็มที่
ปลื้มเซเลบใส่กางเกงมวยไทย
นายกฯกล่าวด้วยว่า อย่างเมื่อวันที่ 1 ก.พ.นายพิมล ศรีวิกรณ์ ประธานคณะอนุกรรการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬาในคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ไปที่กองทัพแล้วเยอะแยะไปหมด พยายามเร่งทำอย่างเต็มที่ เช่น กางเกงมวยไทยเห็นหลายๆคนใส่เป็นแฟชั่น แม้แต่ดาราฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ โปรดิว เซอร์ นักร้อง แร็ปเปอร์ ชาวอเมริกันยังสวมใส่ แต่กลายเป็นว่ากางเกงมวยไทยที่ใส่นั้นกลับเป็นภาษากัมพูชา ต้องไปนั่งดู และต้องพยายามขยายตรงนี้ให้เยอะขึ้น อย่างการเอาคำว่าบัวขาวมาใส่ไว้บนกางเกงมวย
เรียกตำรวจแจงแก้หนี้นอกระบบ
ต่อมาเวลา 13.46 น. นายเศรษฐาทวีตข้อความผ่าน Xว่า เชิญ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบ.ประจำประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยและสอบถามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบและสั่งการให้ติดตามความคืบหน้า ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยรับลงทะเบียนลูกหนี้ไว้กว่า 1.3 แสนราย มูลหนี้ 9,459 ล้านบาท หรือเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เริ่มดำเนินการไกล่เกลี่ยจัดโครงการตลาดนัดหนี้นอกระบบในทุกจังหวัด กรณีพบว่าเจ้าหนี้ที่มีพฤติกรรมทำร้ายร่างกาย ตำรวจจะดำเนินคดี ขณะที่กระทรวงแรงงานเข้ามาช่วยอบรมการประกอบอาชีพต่างๆ และหาอัตราตำแหน่งงานในจังหวัดมาร่วมในตลาดนัดหนี้นอกระบบ ส่วนปัญหาลูกหนี้ที่ต้องการแหล่งเงินกู้ เข้าถึงไม่ได้เพราะขาดคุณสมบัติ กำชับให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการแก้ไข
9 ก.พ.เปิดงานสมเด็จพระนารายณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันที่ 9 ก.พ. นายเศรษฐามีกำหนดการไปตรวจราชการ จ.ลพบุรี ที่วัดสิงหาราม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล เพื่อติดตามเรื่องเขื่อนและการป้องกันตลิ่ง ไปตลาดลำนารายณ์ ต.ลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล ช่วงเย็นนั่งรถรางไปบริเวณเทวสถานปรางค์แขก อ.เมืองลพบุรี ชมขบวนประวัติศาสตร์ ก่อนเดินทางไปยังพระนารายณ์ราช นิเวศน์ ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และทำพิธีสักการะองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท และเป็นประธานพิธีเปิดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประจำปี 2567 จากนั้นไปรับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักนายสิทธิชัย หล่อประสงค์สุข สส.ลพบุรี พรรค พท.
ทวีตอยากเตะบอลร่างกายไม่ไหว
จากนั้น เวลา 18.30 น. นายเศรษฐาทวีตรูปที่แต่งกายในชุดนักฟุตบอลผ่าน X ขณะไปร่วมกิจกรรม และนั่งชมการแข่งขันฟุตบอลกระชับความสัมพันธ์ ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.รวมถึงทูตประเทศต่างๆ และทีมงานนายกฯเข้าร่วมแข่งขัน พร้อมข้อความว่า “มาร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง รมช. กต. ผบ.ทบ. ผบ.ทสส. และคณะทำงานของผม กับท่านทูตประเทศต่างๆประจำประเทศไทยครับ อยากลงเตะมาก เปลี่ยนชุดแล้วด้วย แต่เสียดายร่างกายยังไม่อำนวย เลยต้องเป็นผู้ชมข้างสนามไปก่อนครับวันนี้”

กมธ.บี้เร่งคลอดงบรายจ่ายปี 67
ที่รัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ให้แนวทาง กมธ.ว่า การพิจารณางบควรเป็นกรอบเดียว หาข้อสรุปร่วมกัน ไม่ได้ทำงานให้ฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่ทำงานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ ยอมรับว่ามีความเห็นแตกต่าง แต่ไม่ใช่ปัญหาการทำงาน หากมีความเห็นแตกต่าง ไม่อยากให้ใช้วิธียกมือเอาความคิดใดเป็นหลัก อยากให้คุยหาข้อสรุปมากกว่า เรามีหน้าที่ดำเนินการให้เสร็จเร็วที่สุด อยากให้รีบทำ รัฐบาลทำโครงสร้างพื้นฐานไว้แล้ว หากใช้งบได้เร็วจะเป็นประโยชน์กับประชาชน ส่วนการปรับลด งบประมาณได้กำชับให้ดูว่า โครงการที่เสนอมาสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ แม้เป็นโครงการที่คิดมาดีแล้ว แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนก็ปรับลดงบประมาณได้ การพิจารณางบฯต้องเคร่งครัด กรอบรัฐธรรมนูญไม่ก้าวล่วงมาตรา 144 ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งคณะอนุ กมธ.ตามรายกระทรวงเป็นการปกป้องงบประมาณกระทรวงตนเองนั้น คงปกป้องไม่ได้ เพราะ กมธ.งบชุดใหญ่มาจากทุกภาคส่วนทางการเมือง แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น กมธ.ชุดใหญ่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจอยู่ดีอย่ากังวลเกินไป จะพยายามพิจารณางบให้เสร็จภายในกรอบ 105 วัน อย่างน้อยก่อน 15 วัน
ห่วงเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งซ้ำรอย
นายภูมิธรรมกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า วันนี้สิ่งที่เห็นแตกต่างคือ ความเห็นภาวะเศรษฐกิจประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติหรือไม่ รัฐบาลยืนยันดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเครื่องมือทำให้วิกฤติประเทศได้รับการแก้ไข แม้หลายคนบอกไม่วิกฤติ แต่ส่วนตัวมองว่าเลยคำว่าวิกฤติหรือไม่วิกฤติไปแล้ว วันนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือวิกฤติการเงิน ซึ่งมาเรื่อยๆ สิ่งที่ได้เตือนไว้เป็นเรื่องน่าห่วงใย มีนักเศรษฐศาสตร์ตระกูลหนึ่งระบุว่า หากวันนี้ไม่ทำอะไรที่ไปเพิ่มกำลังซื้อให้เศรษฐกิจหมุนเวียน วิกฤติต้มยำกุ้งเหมือนปี 2540 จะกลับมา จึงต้องรีบกลับมาทบทวน คนที่เห็นว่ายังไม่วิกฤติ หากประเทศเกิดวิกฤติขึ้นมาในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเหมือนต้มยำกุ้ง ต้องไม่ใช่แค่วิจารณ์ แต่ต้องถามหาความรับผิดชอบด้วย วันนี้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หาเสียงกับประชาชนแล้ว ควรเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงาน เรารับผิดชอบต่อนโยบายอยู่แล้ว
เฉ่งพวกบนหอคอยไม่แยแส ศก.
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายก รัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะเดินหน้าออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมคำชี้แจง เหตุผลความจำเป็นที่จะออก พ.ร.บ.กู้เงิน พร้อมนัดหมายประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท หลังจากที่ ป.ป.ช.ส่งความเห็นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมายังรัฐบาล พร้อมตอบทุกคำถามว่า เศรษฐกิจวิกฤติอย่างไร จะผลักดันแจกเงินดิจิทัลเร็วที่สุด เพราะข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) บอกว่า จีดีพีไทยปี 2568 ขยายตัวแค่ 1.8% เท่านั้น และมีข้อมูลตอกย้ำเกิดวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว อาทิ เศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงเรื่อยๆ ฟื้นตัวช้ามาก หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 การลงทุนอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสูง การขาดสภาพคล่องในตลาดเงิน ตลาดทุน อธิบายได้ว่า เศรษฐกิจวิกฤติแล้ว ดิจิทัลวอลเล็ตจึงมีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ไม่เข้าใจว่าเกิดวิกฤติ คือคนที่นั่งอยู่บนหอคอยสูง มีรายได้สูง มองไม่เห็นความลำบากของคนข้างล่าง
ตอก ป.ป.ช.ไม่มีหน้าที่บริหาร
นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า คำว่าวิกฤติหรือไม่วิกฤตินั้น รัฐบาลจะเป็นคนตัดสินใจ เป็นหน้าที่รัฐบาลทำนโยบายแก้ไขความเดือดร้อนประชาชน รัฐบาลยึดสภาพความเป็นจริง จึงมุ่งแก้ด้วยมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ส่วนข้อเสนอแนะโครงการดังกล่าวจาก ป.ป.ช. ที่ตั้งข้อสังเกต หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการจะเสี่ยงผิดกฎหมายนั้น อำนาจบริหารประเทศ แก้วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นอำนาจรัฐบาล ต้องถามกลับ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ใช่หน้าที่บริหาร ป.ป.ช.เสนอแนะความเห็นมา รัฐบาลจะรับฟัง เหมือนที่รับฟังความเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่การเดินหน้านโยบายนี้เป็นอำนาจรัฐบาล ตอนนี้รัฐบาลใช้วิธีออก พ.ร.บ. มีขั้นตอนต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา หากไม่ผ่านความเห็นชอบรัฐสภาฯ ก็จะตกไป ไม่มีใครต้องรับผิดชอบทางการเมือง แต่ไม่ได้คิดว่ากฎหมายนี้จะไม่ผ่านสภาฯ รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายเต็มที่ แจกเงินดิจิทัลโดยเร็วที่สุด
“วิโรจน์” นำ กมธ.ทหารบุกกลาโหม
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ประธาน กมธ.ทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำคณะ กมธ.เข้าพบนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า นำ กมธ.มาหารือเพื่อให้เข้าใจบทบาทการทำงานกันและกัน มาติดตามตรวจสอบความโปร่งใสภายในกองทัพ จะพูดคุยกันหลายเรื่อง อาทิ เรือดำน้ำ การกู้เรือหลวงสุโขทัย ปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อน การจัดการเงินนอกงบประมาณ การจัดซื้ออาวุธ กมธ.จะเปิดตัวโครงการ “พลทหารปลอดภัย” หารือ รมว.กลาโหม ขอความร่วมมือต้องไม่มีทหารเกณฑ์ฝึกจนบาดเจ็บ เสียชีวิต ให้พ่อแม่ผู้ปกครองมั่นใจพลทหารมีความปลอดภัยตั้งแต่การตรวจเลือก ทำให้มีการสมัครเป็นพลทหารมากขึ้นในปีต่อไป
ภายหลังการหารือ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี มีการพูดคุยหลายประเด็น ส่วนโครงการพลทหารปลอดภัยนั้น กระทรวงกลาโหมยินดีให้ความร่วมมือ เรียกว่าเป็นโซเชียลคอนโทรล ทำให้พฤติกรรมนอกลู่นอกรอยดีขึ้น หลังจากนี้จะพิจารณามอบให้หน่วยงานใดในกองทัพเป็นผู้ประสานงาน กมธ.ทหาร อาจเป็นหน่วยงาน ด้านกิจการพลเรือน
ขู่ลากไส้สัสดีใช้เอกสารหากิน
นายวิโรจน์กล่าวถึงกรณี สส.พรรค ก.ก.กำลังโดนตรวจสอบเรื่อง สด.43 เกณฑ์ทหารว่า กมธ.ทหาร ทำหนังสือถึง ผบ.นรด.แล้ว ให้ส่งเล่ม สด.43 เล่มนั้นมาให้ กมธ.ตรวจสอบทั้งหมด และประสานกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อดูเนื้อกระดาษตรงกันหรือไม่ มีลายเซ็นทหารพันเอก พันโทจริงหรือไม่ ชื่ออะไร มีจำนวนประชาชนที่ถูกหลอกลวงเฉลี่ยปีละกี่คน จะทำเรื่องนี้ตรงไปตรงมา ได้ยินว่าสัสดีบางคนหากินกับ สด.43 มานาน ประชาชนได้รับเอกสารที่เป็นเนื้อกระดาษจริง ลายเซ็นนายทหารจริง ได้รับจากสัสดีจริง จากสถานที่ราชการ อาจเข้าใจว่าเป็นของจริง ต้องช่วยกันสกัดการทำมาหากินแบบนี้ให้สิ้นสุดในปี 2567 ถ้ามีหลักฐานว่าสัสดีหน่วยใดตะล่อม เพื่อขอรับผลประโยชน์จากประชาชนเพื่อเอาใบ สด.43 ไปหลอกขายประชาชน จะประสานมายังกระทรวงกลาโหมให้จัดการขั้นเด็ดขาด ขอให้กระทรวงกลาโหมพิสูจน์นายทหารที่เซ็นชื่อใน สด.43 มีตัวตนจริง เป็นลายเซ็นจริงหรือไม่ ถ้าเป็นลายเซ็นจริง นายทหารมีตัวตนจริง คนปลอมก็ไม่ใช่ประชาชน ยกเว้นมีหลักฐานนายจิรัฏฐ์จ้างวานสนับสนุน แต่ถ้าไม่มีหลักฐานคนที่ปลอมคือนายทหาร แต่ไม่เหมารวม เป็นปัญหาคนไม่ดีบางคน ทำให้เกิดความเสียหาย จะรื้อให้หมด การหากินใบ สด.43
ส่งสายเเอบถ่ายซื้อขาย สด.43
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีอาสาสมัครจำนวนมากอาสาไปเก็บข้อมูลจากสัสดี อาจมีการใช้เครื่องดักฟังหรือซ่อนกล้อง นำมารายงานต่อ กมธ.ทหารว่า มีหน่วยใดมีพฤติกรรมเรียกรับหรือขายใบ สด.43 เรื่องนี้เหมือนแดนสนธยา ทราบว่า มีการให้โควตาผู้บังคับบัญชาระดับสูงด้วย เรื่องนี้ถ้ามีอาสาสมัครเข้าไปตรวจสอบเพื่อจัดการกระบวนการเหล่านี้ที่บ่อนทำลายกองทัพก็เป็นเรื่องดี
“สุทิน” ยัน สส.รบ.ก็ตรวจสอบได้
ขณะที่นายสุทินกล่าวถึงกรณีปัญหาใบ สด.43 การเกณฑ์ทหารของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก.ว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่อง ส่วนบุคคล เป็นเรื่องของนายจิรัฏฐ์ ไม่ใช่พรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล กองทัพทำหน้าที่ตรวจสอบเป็นเรื่องของทุกคน เมื่อตรวจสอบฝ่ายค้านได้ ก็ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลได้
ม็อบ คปท.ปักหลักราวี “ทักษิณ”
ที่ศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ข้างทำเนียบ รัฐบาล กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. นัดมวลชนทำกิจกรรม “ใส่รองเท้าผ้าใบ ไปสะพานชมัยมรุเชฐ” เพื่อปักหลักชุมนุมค้างคืนข้างทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้ดำเนินคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยนายพิชิตนำมวลชนสักการะศาลกรมหลวงชุมพรฯ ก่อนเริ่มกิจกรรมเปิดเวทีในเวลา 15.00 น. และตั้งเวทีบริเวณฟุตปาทหน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ ยาวต่อเนื่องไปทางแยกนางเลิ้ง โดยขออนุญาต สน.นางเลิ้ง ปักหลักค้างคืนไว้ 30 วัน
ขู่ชุมนุมลากยาวไม่มีกำหนด
นายพิชิตกล่าวว่า คปท.จะปักหลักชุมนุมยาว ไม่มีกำหนด ระหว่างการชุมนุม จะไปติดตามตรวจสอบกับเรื่องที่เคยไปยื่นไว้กับหน่วยงานต่างๆทั้ง กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ที่ผ่านมาแม้ว่าจะทำหนังสือถามไปยังกรมราชทัณฑ์หลายรอบ ก็มีเพียงคำชี้แจงว่าเป็นไปตามระเบียบ แต่ คปท.ตั้งข้อสังเกตว่าดำเนินการผิดระเบียบตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566 ดังนั้นการอ้างระเบียบช่วงหลังเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะไม่มีแพทย์ตรวจอาการนายทักษิณตั้งแต่ต้น การชุมนุมครั้งนี้มีการตอบรับจากประชาชนเป็นส่วนมาก คาดว่าจะมากกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงพักชุมนุม คปท.เดินสายไปยังหลายจังหวัดได้รับเสียงตอบรับจะเข้ามาร่วมในวันที่ 2 ก.พ.
ชวน “อุ๊งอิ๊งค์” ร่วมเล่นสงกรานต์
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายพิชิตขึ้นเวทีแถลงว่า ข้อเรียกร้อง คปท.ครั้งนี้คือ 1.นำตัวนายทักษิณกลับเข้าเรือนจำ 2.ให้ลงโทษหน่วยราชการที่ช่วยเหลือนายทักษิณ 3.เรียกร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินชี้แจงกรณีกรมราชทัณฑ์บอกว่า ได้ขึ้นไปพบนายทักษิณที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ 4.เรียกร้องบุคลากรด้านกฎหมายแสดงจุดยืนกรณีนายทักษิณเป็นการทำลายระบบยุติธรรมหรือไม่ 5.เชิญชวนประชาชนเข้าชื่อ 2 หมื่นคน เพื่อดำเนินการกับ ป.ป.ช.ที่ไม่ตรวจสอบผู้กระทำผิด กรณีช่วยเหลือนายทักษิณ รอบนี้ คปท.จะปักหลักชุมนุมยาว แต่ตอนไปแจ้งจัดการชุมนุม เรากำหนดระยะเวลาเบื้องต้นแค่ 1 เดือน ถ้ายังไม่ได้รับความชัดเจน จะขยายเวลาไปเรื่อยๆ อาจเล่นสงกรานต์ ซอฟต์พาวเวอร์ หรือชวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.มาจัดสงกรานต์หน้าทำเนียบ เพราะประชาชนรออยู่
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่