เป็นอันแน่นอนแล้วว่า การประชุมสภาผู้แทนฯเพื่อโหวตเลือกประธานสภาฯ และรองอีก 2 คนนั้นถูกกำหนดเอาไว้วันที่ 4 ก.ค.66

ฉะนั้น “ก้าวไกล”-“เพื่อไทย” จะเอายังไงก็ต้องตกลงกันให้เรียบร้อยเสียก่อน มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหายุ่งยากตามมาได้

ดีไม่ดีพลอยกระทบไปถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ยังไม่ถึงมือ ส.ว.ก็ได้

ทางหนึ่งฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมยกธงขาว เช่นว่า “ก้าวไกล” ให้ “เพื่อไทย” ตามคำขอ (เขาว่าอย่างนั้น) ไม่ได้แย่ง

อีกทางหนึ่ง “เพื่อไทย” ใจอ่อนจำนนด้วยเหตุผล

ทางที่ 3 ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมก็ต้องเสนอชื่อให้สภาฯโหวตแข่งกัน ใครได้เสียงมากกว่าก็ชนะไป ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น

แต่เขาบอกว่าหากต้องเลือกทางนี้จะเกิดปัญหาทางใจกัน เป็นความขัดแย้งที่จะส่งผลต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

หรือมากไปกว่านั้นต้องแยกทางเดินกัน เพราะมัน “กินใจ” กันแล้วคงอยู่ร่วมกันไม่ได้ด้วยความไม่เชื่อกันแล้ว

แม้ว่าต่างฝ่ายต่างก็อ้างถึงประชาชนที่กาบัตรจนได้รับการเลือกตั้ง “ก้าวไกล” 14 ล้านเสียง “เพื่อไทย” 10 ล้านกว่าเสียง

เป็นฉันทานุมัติให้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล

แต่นั่นก็เพียงคำอ้างที่ดูดีเป็นหลังพิงเอาไว้ข่มคนอื่นพรรคอื่นได้ ทว่าความจริงทางการเมืองนั้น

พรรคการเมืองทุกพรรคต่างก็มีสิทธิที่จะดำเนินงานตามแนวทางของตัวเอง ส่วนจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรก็ว่ากันไป

อย่าง “ชลน่าน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าพรรคเขานั้นมีทางเลือกหลายอย่างที่จะทำได้ แต่ที่ไม่คิดทำ เพราะจะเกิดความไม่ชอบธรรม เพราะเสียงของประชาชน 25 ล้านเสียงคนได้กำหนดเอาไว้แล้ว

ครับ...

ขอถามจริงๆว่าหากเป็นไปอย่างที่พูดออกมานั้น ทำไม “เพื่อไทย” ต้องไปขอตำแหน่งประธานสภาฯจาก “ก้าวไกล”

...

ทั้งๆที่หลักการแล้วพรรคอันดับ 1 ควรที่จะได้ทั้งตำแหน่งนายกฯและประธานสภาฯ ไม่ใช่มาอ้างว่าคะแนนไม่ต่างกันมากนัก

นี่ถ้า “เพื่อไทย” ปล่อยไปตามนั้น

ทุกอย่างก็คงจบไปแล้ว และยังสนองความต้องการของคน 25 ล้านคนที่สนับสนุนด้วย

พูดไปก็เข้าตัวเปล่าๆ

จริงๆแล้วปัญหามันยุ่งยากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ก็เพราะมีการเล่นเกมเพื่อหวังประโยชน์ที่จะได้มากกว่า

“ก้าวไกล” นั้นไม่พูดมาก แต่ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวเอาหลักการมาแบตรงๆให้ได้เห็นกัน

แต่ “เพื่อไทย” ประดิดประดอยคำเล่นเกมมันทุกวัน วันหนึ่งพูดอย่างหนึ่งอีกวันพูดไปอีกอย่าง ทำเหมือนกับว่าไม่มีใครรู้เท่ารู้ทัน

ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ต้องไปโทษคนอื่น ไม่ต้องไปโทษกลุ่มอำนาจเก่า แต่โทษพวกเดียวกันเองนี่แหละ

ดูๆไปแล้วเลี่ยนจริงๆ.

“สายล่อฟ้า”