บันทึกช่วยจำหรือเอ็มโอยู 23 ข้อ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้าน โดยเฉพาะนโยบายของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล มีหลายอย่างที่แหลมคม และนำไปสู่วิวาทะทางการเมือง ตัวอย่างเช่น การออกกฎหมายให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติด และใช้กฎหมายควบคุมเข้มงวด
สถานะของกัญชาในปัจจุบัน ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวด และดูเหมือนว่าร่าง พ.ร.บ.กัญชาของพรรคภูมิใจไทยจะถูกตีตก หรือตกไปเพราะการยุบสภา กัญชาจึงอยู่ในสุญญากาศ ไม่มีกฎหมายควบคุม กลายเป็น “กัญชาเสรี” ตามเสียงวิจารณ์
นั่นก็คือมีการปลูก การจำหน่าย และการใช้กัญชาแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ มีร้านกัญชาเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เฉพาะในย่านถนนข้าวสาร กทม. มีร้านกัญชากว่า 40 แห่ง ร้านกัญชาบางแห่งไปตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนชื่อดังย่านสีลม–สาทร ก่อให้เกิดความกังวลต่อบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงแรกๆที่มีการโฆษณาหาเสียง แสดงสรรพคุณของกัญชา นักการเมืองบางคนโฆษณาว่า กัญชาเป็นพืชที่มีสรรพคุณรอบด้าน เป็นยารักษาโรคก็ได้ ใช้ “พี้” สูบเพื่อความบันเทิงก็ดี และยังใช้ผสมอาหารกินได้ด้วย แต่วงการแพทย์เตือนว่ากัญชาทำลายสมองของเยาวชนที่กำลังเจริญเติบโต มีสิทธิ์เป็นสมองพิการได้
มีหลายฝ่ายที่สนับสนุนนโยบายพรรคก้าวไกลให้ออกกฎหมายทำให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด อาจอนุญาตให้ใช้เฉพาะเพื่อการแพทย์ แต่ต้องมีกฎหมายควบคุมเข้มงวด แต่ ศ.อานัฐ ตันโช ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ระบุว่า กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ อาจสร้างเศรษฐกิจได้ปีละนับแสนล้านบาท
...
ศ.อานัฐพูดถึงการควบคุมกัญชา และการใช้ประโยชน์จากกัญชา โดยแบ่งการผลิตเป็นกัญชาเพื่อการค้า การส่งออก และการศึกษาวิจัยของนักวิชาการมหา วิทยาลัยแม่โจ้ได้พัฒนากัญชาให้เป็นสายพันธุ์ไทยแท้ ปรับปรุงให้กัญชาการแพทย์รักษาโรคความเครียดหรือนอนไม่หลับ หรือยาเจริญอาหาร ปัจจุบันมีกัญชากว่า 70 สูตร
ฟังความเห็นของทั้งสองฝ่ายแล้ว ทำให้เชื่อได้ว่ากัญชาอาจมีโทษมหันต์ แต่มีคุณอนันต์ ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด แต่ก็น่าหนักใจเพราะไทยเป็นประเทศที่มีกฎหมายดีๆมากมาย แต่ห่วยแตกที่สุดคือการบังคับใช้กฎหมาย ชัดเจนที่สุดคือกฎหมายขนส่งทางบก กลายเป็นขบวนการรีดส่วยรถบรรทุกปีละกว่าหมื่นล้าน.