เพื่อไทย-ก้าวไกลรุมถล่มเละ “รัฐบาลแห่งชาติ” “ภูมิธรรม” ยกเจตจำนงเสียงประชาชนตอกหน้า “จเด็จ” “ชูศักดิ์” เย้ยแค่พวกฝันกลางแดด อย่าคิดให้เปลืองสมอง “เจ๊หน่อย” ไม่เอาด้วยขัดฉันทามติ “โรม” ทวงถามสปิริต “บิ๊กตู่” ไม่ยอมยินดีกับผู้ชนะ เย้ยเลิกฝันจะกลับมาเป็นนายกฯ ไล่ไปเก็บของเตรียมออกจากทำเนียบได้แล้ว จวก “วิษณุ” ชี้นำ ส.ว.-สังคม หวังรอส้มหล่น เชื่อข้อเสนอ “จเด็จ” ประชาชนไม่ยอมรับ “จาตุรนต์” ซัด “วิษณุ” ส่งซิกให้นักร้อง “ทวี” ฉะความคิดพวกเสพติดอำนาจ “เสรี” มองสถานการณ์ยังไม่สุกงอมพอ เป็นไปได้เลือกตั้งโมฆะตามที่ “เนติบริกร” ว่า “พิธา” คุยนอกรอบบิ๊ก อปท. จ่อเวิร์กช็อปกระจายอำนาจกับสมาคมสันนิบาตฯ โต้ “กิตติศักดิ์” ส.ว.ตัวตึงขู่ “ไทยฆ่าไทย” “วิทยา” ข้องใจ “จเด็จ” รู้อะไรมา

หลังนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เตรียมเสนอให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ให้คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาพิจารณา ส่งผลให้ถูกกระแสต้านจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ที่มองว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้

พท.ยกเจตจำนงตอก “จเด็จ”

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ออกมาเสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า เป็นเพียงความคิดเห็นที่แตกต่างเรารับฟัง แต่คิดว่ารัฐบาลแห่งชาติไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยในประเทศต่างๆ และต้องเกิดวิกฤติที่รุนแรงภายในประเทศ เช่น ในภาวะสงครามที่ประเทศต้องการความเป็นเอกภาพร่วมกันในการแก้ไขวิกฤติรุนแรงนั้นๆ แต่วันนี้ประเทศไทยยังไม่ได้เกิดวิกฤติขั้นนั้น ระบอบประชาธิปไตยยังมีช่องทางเดินต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งครั้งนี้ฝ่ายประ ชาธิปไตยได้เสียงเกินกว่า 300 เสียง เราต้องคำนึงถึงเจตจำนงและความคาดหวังของประชาชนด้วย ดังนั้น ต้องช่วยกันผลักดันเจตจำนงและความคาดหวังของประชาชนให้สำเร็จ

...

ยัน “พิธา” ยังอยู่ในเส้นทางผู้นำ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นเพียงการคาดเดากันไปต่างๆนานา วันนี้นายพิธายังอยู่ในเส้นทางก็ต้องว่ากันไป ประเทศไทยเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา ประชาชนแสดงเจตจำนงชัดเจน ต้องทำให้เจตจำนงนั้นให้ประสบความสำเร็จให้ได้ หากมีข้อจำกัดก็ต้องหาทางออกตามรัฐธรรมนูญ ให้ทุกฝ่ายยอมรับในเจตจำนงของประชาชน แต่หากเกิดปัญหาขึ้นจริงจนถึงขั้นไปต่อไม่ได้ ต้องสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่ายอมรับได้หรือไม่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาทางออกร่วมกัน อย่าเพิ่งตัดช่องทางเพื่อจะตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยสามารถจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนได้สำเร็จ แม้รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ แต่มีกฎเกณฑ์กติกาให้เราเดินต่อไปได้อยู่ ส่วนเมื่อมีรัฐบาลและเปิดสภาฯแล้ว จะแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอย่างไรก็ว่ากันไป

ตั้ง รบ.ทำวาระประชาชนก่อน

เมื่อถามถึงการประชุมพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคในวันที่ 6 มิ.ย. จะมีการพูดคุยถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า การประชุมวันที่ 6 มิ.ย. เป็นการประชุมในวาระกำหนดทิศทางการทำงานร่วมกัน เพื่อหาทางออกให้ประชาชน พูดถึงการนำนโยบายของพรรคร่วมมาร่วมกันแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อย่างไร เราเอาความคาดหวังของประชาชนเป็นที่ตั้ง แก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ส่วนเรื่องตำแหน่งเป็นเรื่องที่จะพูดกันภายหลังวาระของประชาชนเสร็จสิ้นแล้ว

“ชูศักดิ์” ฉะ “วิษณุ” ยกเคสมั่ว

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่าหากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ในประเด็นถือหุ้นสื่อไอทีวี และถูกร้องเรื่องการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกล อาจต้องเลือกตั้งซ่อมทั้งประเทศในเขตที่พรรคก้าวไกลชนะว่า เรื่องที่ต้องเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศห่างไกลมาก นายพิธาลงนามส่งคนลงสมัครในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ฐานะ ส.ส.หรือนายกรัฐมนตรี ความเป็นหัวหน้าพรรคถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค ไม่เกี่ยวกับถือหุ้นหรือไม่ถือหุ้น ยิ่งยกคำวินิจฉัยปี 2549 มาเทียบยิ่งคนละเรื่องเลย

รัฐบาลแห่งชาติฝันกลางแดด

เมื่อถามถึงข้อเสนอเรื่องรัฐบาลแห่งชาติของนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. นายชูศักดิ์ตอบว่า เป็นไปไม่ได้ ฝันกลางแดด จะยกเว้นรัฐธรรมนูญถามว่าเอาอำนาจอะไรไปยกเว้น คนยกเว้นจะเจอข้อหาจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คนเสนอชื่อนายกฯจะกล้าลงนามรับสนองฯหรือไม่ อย่าไปคิดให้เปลืองสมองเลย

“จาตุรนต์” ซัด “วิษณุ” ส่งซิกนักร้อง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติเป็นไปไม่ได้ ไม่มีความเป็นเหตุเป็นผลเลย ขณะนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยรวมเสียงได้ 313 เสียงเกินครึ่งของสภาฯ แต่ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังสามารถรวบรวมเสียงพรรคร่วมเดิมที่มีอยู่ราว 180 เสียง บวกกับ ส.ว.ให้ครบ 376 เสียง ก็ยังสนับสนุนเป็นนายกฯได้ แต่สะท้อนจิตสำนึกของ ส.ว.ที่เป็นผู้ช่วยสืบทอดอำนาจ คนเหล่านี้ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนและฝักใฝ่กับวิถีทางที่ไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย ส่วนการแสดงความเห็นของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เรื่องหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คงไม่ไปกล่าวหาชี้นำองค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่เห็นชัดๆ ว่าเป็นการชี้นำผู้ร้อง ว่าให้ไปร้องประเด็นให้ครบ เมื่อร้องแล้วก็จะนำไปสู่รูปแบบนั้นรูปแบบนี้ ไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าการตัดสินของประชาชนไม่ได้รับความเคารพ และจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมไม่เป็นผลดีต่อใครเลย

พท.ขอพับดิจิทัลวอลเล็ตไว้ก่อน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการและโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจฯ นำโดย นพ. พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธาน มีการหารือหลายเรื่อง ทั้งการส่งออก การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ขณะที่การประชุมคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน ในวันที่ 6 มิ.ย. พรรคเพื่อไทยจะนำเสนอนโยบายขึ้นมาพูดคุย อาทิ เรื่องค่าแรง เขตธุรกิจใหม่ เพื่อหาจุดลงตัวและทำงานร่วมกันได้ เชื่อว่าจะเป็นนโยบายที่สอดคล้องกัน ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เรายังเห็นถึงความจำเป็นในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ประเทศอ่อนแอ แต่ต้องใช้งบประมาณกว่า 5.6 แสนล้านบาท ขณะที่พรรคแกนนำหลักต้องใช้เงินที่ใกล้เคียงกันสำหรับ นโยบายด้านสวัสดิการ เราจึงต้องพับโครงการนี้ไปก่อน

“เจ๊หน่อย” บอกขัดฉันทามติ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า ข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติมองไม่เห็นว่าจะเดินได้อย่างไร เพราะประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างล้นหลาม มีฉันทามติชัดเจนว่าต้องการให้ใครเป็นรัฐบาล รัฐบาลแห่งชาติคือการไม่เคารพเสียงประชาชน ทุกพรรครวมถึง ส.ว.พูดชัดเจนว่าจะเคารพเสียงประชาชน ถ้าไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เลือกใช้วิธีการพิเศษเข้ามาอาจนำประเทศไปสู่ความวุ่นวาย สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่ได้ไปใช้สิทธิ เสี่ยงนำมาสู่ความไม่พอใจของประชาชนจนกลายเป็นช่องทางการเข้ามาของผู้มีอำนาจ ส่วนการเลือกประธานสภาฯอยากเห็นพรรคลำดับที่ 1 และ 2 พูดคุยกันให้จบ ไม่อยากให้ฟรีโหวตเพราะจะกระทบการจัดตั้งรัฐบาล

“โรม” ทวงถามสปิริต “บิ๊กตู่”

ที่พรรคก้าวไกลเวลา 10.30 น. นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงว่าจนถึงวันนี้ผ่านการเลือกตั้งมา 2 สัปดาห์กว่าแล้ว เป็นเรื่องแปลกประหลาดมากที่เรายังไม่เคยได้ยินคำพูดแสดงความยินดีกับผู้ชนะการเลือกตั้งจากปากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติเลยแม้แต่น้อย ยังไม่ได้เห็นรัฐบาลชุดนี้เก็บข้าวของเตรียมความพร้อมเพื่อส่งมอบงานให้กับรัฐบาลใหม่ ทั้งที่ผลการเลือกตั้งมีความชัดเจนอยู่แล้ว ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยหลายประเทศ เมื่อผลการเลือกตั้งทำให้รัฐบาลเกิดการเปลี่ยนแปลง สปิริตที่สำคัญคือการแสดงความยินดีกับผู้ชนะที่ประชาชนไว้วางใจ แต่เราไม่เห็นจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่กลับเห็นท่าที พล.อ.ประยุทธ์หวังส้มหล่น ว่าตัวเองจะเป็นนายกฯต่อไปหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะเห็นสปิริตนี้จากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้การทำงานของทุกฝ่ายราบรื่นต่อไป

จวก “วิษณุ” หวังชี้นำ ส.ว.–สังคม

นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ หยิบยกกรณีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มาเปรียบเทียบกับกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อาจนำไปสู่การเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศว่า ความจริงในยุคนั้นมีข้อวิจารณ์มากมายที่มีปัญหาในเชิงข้อกฎหมาย แต่ต้องบอกว่าคนละกรณีกัน ไม่น่าเอามาเทียบกันได้ ยืนยันว่าพรรคเตรียมความพร้อมในการสู้คดีถือหุ้นสื่อไอทีวีไว้หมดแล้ว พร้อมต่อสู้ข้อกฎหมายต่างๆ และยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองกลั่นแกล้งกัน ถ้าดูจากช่วงเวลาที่ปล่อยออกมาตอนใกล้จะเลือกตั้งแล้ว คงหวังผลทางการเมือง “จุดประสงค์ที่นายวิษณุออกมาพูดก็เพื่อชี้นำ  ส.ว.ที่เกิดความลังเลใจใช่หรือไม่ เป็นการชี้นำสังคม สุดท้ายมันคือการหวังส้มหล่นอย่างที่ว่า ทั้งๆที่เรามีการเลือกตั้งแล้วทุกอย่างมันไปได้สวย แต่ทำไมถึงต้องใช้กระบวนการแบบนี้”

ไล่ไปเก็บของออกจากทำเนียบ

นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า คำถามคือทำแบบนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายหรือเปล่า ทำแบบนี้เท่ากับเป็นการไม่เคารพเจตจำนงประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือไม่ อย่าไปให้ความสำคัญกับความเห็นทางกฎหมายของนายวิษณุมาก ในอดีตอาจเป็นอาจารย์ที่มีนิสิตนักศึกษาให้ความเคารพ แต่ต้องยอมรับว่านายวิษณุไม่ได้ถูกทุกข้อ ตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวข้องกับการออก พ.ร.ก.เพื่อเลื่อนบางมาตราใน พ.ร.บ.อุ้มหายฯ และในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญก็ช่วยยืนยันเรื่องนี้ แทนที่นายวิษณุจะออกมาให้สัมภาษณ์ชี้นำ ควรไปบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์มีสปิริต แล้วช่วยกันเก็บข้าวของออกจากทำเนียบฯ เพื่อรอส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ต่อไป

เชื่อข้อเสนอ “จเด็จ” ปชช.ไม่รับ

เมื่อถามว่านายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นายรังสิมันต์ตอบว่าจะไปทำกระบวนการแบบนั้นทำไม ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานะ หรือสภาพที่ต้องใช้เงื่อนไขแบบนั้น เราสามารถเดินหน้าตั้งรัฐบาล ประชาชนอุตส่าห์มอบความไว้วางใจ การที่เราเคารพมติมหาชนเดินหน้ายอมรับผลเลือกตั้ง ในทางกลับกันถ้าเราทำแบบนายจเด็จว่าไม่คิดว่าประชาชนจะยอมรับ ถ้าเราใช้วิธีการนอกรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตย ประเทศไทยจะมีแต่วิกฤติ นายจเด็จไม่ได้เป็นตัวแทนของ ส.ว.ทุกคน เราเห็น ส.ว.หลายคนสนับสนุนการปิดสวิตช์มาตรา 272

เย้ย “ตู่” เลิกฝันกลับมาเป็นนายกฯ

นายรังสิมันต์กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์มองว่าการเดินสายไปพบส่วนต่างๆของนายพิธาเป็นการละลาบละล้วงว่า จริงๆไม่ได้ละลาบละล้วงอะไรเลย การพูดคุยปรึกษากันไม่น่ามีปัญหาอะไร เป็นเรื่องธรรมดามาก พล.อ.ประยุทธ์ต่างหากที่ต้องนับวันรอออกจากทำเนียบ ช่วยแสดงสปิริตหน่อย อย่ารอส้มหล่น คำถามคือประเทศชาติได้อะไร เราไม่จำเป็นต้องรอให้มาตรา 272 ไปหมดอายุขัยในปีหน้า มาช่วยกันปิดสวิตช์ตั้งแต่วันนี้ ส่วนพวกนักร้องต่างๆ เจตนามีแค่เรื่องเดียวคือต้องการทำให้ก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาล ต้องการเตะขัดขานายพิธา ไม่ให้เป็นนายกฯ เราเตรียมพร้อมสู้ทางกฎหมาย รวมถึงการดำเนินคดีกับคนที่เอาเรื่องเท็จไปร้องด้วย มีความผิดตามกฎหมาย

“พิธา” คุยนอกรอบกับบิ๊ก อปท.

เวลา 13.45 น.ที่สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล หารือนอกรอบกับ 3 นายกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีแกนนำพรรคก้าวไกลเข้าร่วม อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทีมเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายก เมืองพัทยา เข้าหารือด้วย เป็นการเปิดรับฟังข้อเสนอแนะการกระจายอำนาจการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญส่งเสริมกระบวนการปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงการกำหนดแหล่งรายได้ใหม่ๆให้กับท้องถิ่นและการจัดสรรงบประมาณให้

กระจายอำนาจแบบ “ควิกวิน”

นายพิธาให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการกระจายความเจริญ ดังนั้นการกระจายอำนาจคือกระบวนการไปสู่การพัฒนาความเจริญ ประเทศเราเมื่อรวมศูนย์ก็จะมีแต่กรุงเทพฯอย่างแรก คือการกระจายความเจริญ และที่ตามมาคือการกระจายอำนาจและบุคลากร ยืนยันไม่ได้ทำสิ่งที่สุดโต่ง ต้องมีระยะเวลาและแผนแม่บท อีกทั้งต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม ขณะที่บรรยากาศในที่ประชุม นายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ด้านนายพิธากล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่มาร่วมประชุมวันนี้มารับฟังอุปสรรค และมองเป้าหมายการทำงานร่วมกันในช่วง 100 วันแรก ที่จะเป็น “ควิกวิน” ในช่วงหนึ่งปีแรกของรัฐบาลจะกระจายความเจริญ ก่อนกระจายอำนาจ จากนั้นในวาระ 4 ปีตั้งเป้าว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว ต้องสร้างความร่วมมือกันของท้องถิ่น

ร่วมเวิร์กช็อปสมาคมสันนิบาตฯ

นายพิธาให้สัมภาษณ์หลังการหารือว่า พูดคุยกันเรื่องแผนงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่า ภายใน 100 วันแรกหลังมีรัฐบาลใหม่จะทำอย่างไร นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกันว่าในช่วง 1 ปี และ 4 ปีจะมีเรื่องใดที่สามารถร่วมกันทำได้ รวมไปถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านประชามติของประชาชน หลังจากนี้จะมีการประชุมร่วมกันและทำเวิร์กช็อปในวันที่ 15-16 มิ.ย. โดยสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพพูดคุยเรื่องรายละเอียดกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวย ใครที่กังวลว่าการกระจายอำนาจการเลือกตั้งผู้ว่าฯเป็นเรื่องที่สุดโต่ง จะได้เข้าใจและสบายใจว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระจายความเจริญไปสู่ประชาชนได้เร็วที่สุด

โต้ ส.ว.ตัวตึงขู่ “ไทยฆ่าไทย”

เมื่อถามว่านายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ระบุว่า หากนายพิธาเป็นนายกฯ บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ และกระแสจงรักภักดีพร้อมมากที่จะเข้ากรุงอาจนำไปสู่การนองเลือดของคนไทยด้วยกันคือ “ไทย ฆ่าไทย” ว่า ไม่เป็นความจริง ถ้าเราเคารพมติ เคารพประชาชน และมีทางออกร่วมกัน น่าจะทำให้ประเทศ ไทยเจริญรุ่งเรืองมากกว่า มีแต่สิ่งดีๆเราควรร่วมกันทำงาน ท่ามกลางความท้าทายของโลกขณะนี้ ไม่ใช่ เพื่อพิธา แต่เพื่อรักษาระบบประเทศ แต่เท่าที่พูดคุยกับคณะเจรจาที่ไปพูดคุยกับ ส.ว. ทุกอย่างยังเป็นไปได้ด้วยดี คิดว่าถึงวันที่โหวตไม่น่ามีปัญหา และไม่เคยได้ยินว่ากลุ่มเห็นต่างจะเดินทางเข้ากรุง

ขอเป็นรัฐบาลแห่งประชาชน

นายพิธากล่าวกรณีนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า คำถามสำคัญคือการที่เราจะออกจากความขัดแย้ง เราต้องการรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลแห่งประชาชน 8 พรรคที่ร่วมกันตั้งรัฐบาลขณะนี้ก็มาจากเสียงประชาชนจำนวนมาก เกินครึ่งแน่นอน ถ้าเราเคารพในเสียงประชาชน และช่วยกันเตือนว่าทุกครั้งที่มีการไม่เคารพมติประชาชน และเลือกระบบที่ไม่ตรงกับเจตจำนงของพวกเขามาตลอด อันนั้นคือ จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง เรารักษาระบบมิใช่หรือ ยืนยันว่าพร้อมเป็นนายกฯของคนทุกคน พร้อมเป็นรัฐบาลแห่งประชาชน ไม่ได้เป็นแค่รัฐบาลแห่งชาติเพียงอย่างเดียว

“ชัชชาติ” ยินดีต้อนรับทุกพรรค

ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการนัดหารือกับนายพิธา ลิ้มเจริญ รัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในวันที่ 6 มิ.ย.ว่า เป็นการพบกันอย่างเปิดเผย ไม่ได้หารือในฐานะว่าที่นายกฯ กับผู้ว่าฯ กทม. แต่หารือในฐานะที่พรรคก้าวไกลมี ส.ส.กทม. 32 คน และมี ส.ก.ด้วย คิดว่าไม่ใช่เรื่องผิด เรื่องที่หารือกันไม่ใช่ความลับ อย่ากังวล รู้ดีว่าอยู่ในฐานะอะไร หากพรรคอื่นต้องการหารือกับ กทม. ยินดีทุกพรรคไม่มีปัญหา ยิ่งประชาชนรับทราบข้อมูลยิ่งมีแนวร่วมในการแก้ปัญหา กทม.มากขึ้น คงหารือกันไม่นานไม่เป็นการรบกวนข้าราชการ การทำงานกับรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร แต่เรื่องใหญ่ๆ อาจต้องหยุดพิจารณาไป เช่น การแก้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาจต้องรอการตัดสินใจจากรัฐบาลใหม่

“ทวี” จวก “จเด็จ” เสพติดอำนาจ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) กล่าวถึงกรณีที่มีข้อเสนอของนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ที่อยากให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า แนวคิดดังกล่าวขัดกับเจตนารมณ์ประชาชน เพราะในกระบวนการประชาธิปไตยประชาชนไปเลือกตั้งแล้ว คำว่าชาติในความหมายของรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ใช่ชาติของประชาชน แต่เป็นชาติของบางคนที่กำลังจะหมดอำนาจ แต่คล้ายกับว่ายังต้องการตำแหน่งและผลประโยชน์ จึงสร้างเรื่องขึ้นมา เพราะอาจมีความวิตกกังวลเป็นธรรมดาของคนที่อยู่ในอำนาจจนเคยชิน วันนี้ทุกอย่างเดินตามขั้นตอนอยู่แล้ว เราเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เชื่อมั่นเสียงของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยรวมกว่า 70% ฉะนั้นถ้าหากใครไม่พอใจผลที่ออกมา ขอให้รอไปอีก 4 ปี

ส.ว.เชื่อเป็นไปได้เลือกตั้งโมฆะ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ  เครืองาม รองนายกฯ ชี้ว่าประเด็นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อาจทำให้เกิดปัญหาการเลือกตั้งเป็นโมฆะต้องเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศว่า มีความเป็นไปได้ เพราะนายพิธารู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.เนื่องจากถือหุ้นสื่อ แต่ไปเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลในฐานะหัวหน้าพรรค เท่ากับไปรับรองทั้งที่ตัวเองไม่มีคุณสมบัติ ทั้งนี้หากการเลือกตั้งจะเป็นโมฆะควรเป็นเฉพาะเขตที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ควรโมฆะทั้งหมด แต่บางฝ่ายเห็นว่าต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ เพราะคะแนนที่พรรคก้าวไกลได้ไปทำให้คะแนนเสียงของคนอื่นผิดเพี้ยนไม่ตรงกับความจริง คะแนนจึงไม่ควรเสียเฉพาะพรรคก้าวไกล แต่เสียทั้งระบบ เพราะหากนายพิธาไม่เซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล ประชาชนอาจไปพิจารณาเลือกพรรคอื่น ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นอย่างไร และมีคำวินิจฉัยเช่นใดออกมา ถ้าเลือกตั้งเฉพาะเขตก็เสียหายน้อยหน่อย แต่ถ้าต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ คงเสียหายเยอะ แต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับจะเสียหายมากน้อยอย่างไร

“เสรี” ชี้สถานการณ์ยังไม่สุกงอม

นายเสรีกล่าวว่า ส่วนกรณีนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. เสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น วันที่ 6 มิ.ย. กมธ.การเมืองฯจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวเพื่อหาข้อสรุป ยังไม่รู้ออกมาอย่างไร และจะส่งความเห็นของ กมธ.ไปให้พรรคการเมืองต่างๆรับทราบ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่าการตั้งรัฐบาลแห่งชาติเป็นไปได้ยาก เพราะหลายฝ่ายปฏิเสธการทำงานร่วมกัน และมีแนวทางทำงานไม่ตรงกันแนวโน้มจึงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เอาแต่ แย่งอำนาจกัน ฝั่งหนึ่งจะแก้มาตรา 112 อีกฝั่งไม่ให้แก้มาตรา 112 ฝั่งหนึ่งจะเอาพ่อกลับบ้าน จะมาจูนการทำงานร่วมกันได้อย่างไร ตั้งไปก็ไม่มีใครฟังใคร แล้วจะเอาใครมาเป็นนายกฯ ถ้าจะเอาคนนอกมาเป็น เชื่อว่า คงไม่มีใครกล้ามาเป็น มีแต่เปลืองตัว ที่สำคัญขณะนี้ความขัดแย้งยังไม่ถึงจุดสุกงอม ยังมีทางเดินต่อไปได้ตามกระบวนการประชาธิปไตย น่าห่วงว่าหากมีรัฐบาลแห่งชาติขึ้นมาจริง ถ้ามีอำนาจมากอาจเกิดการลุแก่อำนาจ เพราะทุกพรรคเป็นรัฐบาลหมด ไม่มีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบ

“วิทยา” ข้องใจ “จเด็จ” รู้อะไรมา

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า อยากถามนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ที่เสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เป็นการปลดล็อกอะไรมีล็อกอะไรที่ต้องปลด ยังไม่มีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจาก กกต. ยังไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นค่อยว่ากันตามสถานการณ์ ไม่แน่ใจว่านายจเด็จมีข้อมูลอะไรถึงออกมาพูดช่วงนี้ แต่ไม่น่ามาเสนอในช่วงนี้ เมื่อถามว่ามีการเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช. และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าร่วมในรัฐบาลแห่งชาติด้วย นายวิทยาตอบว่า ข้อเสนอดังกล่าวทำให้หลายคนจินตนาการตาม ต้องไปถามนายจเด็จว่ารู้มาแล้วว่าเขาได้ 145 คนจริงหรือเปล่า วันนี้เป็นเพียงแค่สมมติฐานของคะแนนที่ยังไม่ได้รับการรับรอง ยังไม่รู้ว่าจะได้ใบแดงกี่คน หรือต้องออกไปกี่คน หรือเป็นเพราะนายจเด็จตกใจที่ 2 พรรคใหญ่เขาเล่นเกมกันอยู่หรือเปล่า จึงมีข้อเสนอดังกล่าวออกมา

“แด๊ก” แซะ “พิธา” พูดตรงไปตรงมา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินสายพบหน่วยงานต่างๆของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล หากเป็นภาคเอกชนสามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นส่วนราชการต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ วันนี้รัฐบาลยังอยู่ ข้าราชการอาจอึดอัด ที่นายพิธาบอกว่าข้าราชการขอไปพบเองนั้น นายกฯสอบถามกับข้าราชการแล้วไม่มีใครไปขอพบเลย ดูจากข้อเท็จจริงแล้วเป็นพรรคก้าวไกลเองที่ไปขอพบ สิ่งที่พูดกับสิ่งที่ทำมันต่างกัน ต้องพูดตรงไปตรงมาเพราะประชาชนจับตาดูอยู่ และนายพิธาเป็นว่าที่นายกฯ การพูดหรือการกระทำมันจะหมายถึงตัวตนนายพิธาด้วย นายพิธาถ้าจะเป็นนายกฯที่ดีก็ต้องปรับตัว

อวย “บิ๊กตู่” ตัวอย่างนายกฯคนดี

เมื่อถามว่าแสดงว่านายพิธาบิดเบือนใช่หรือไม่ นายธนกรตอบว่า ไม่ได้บิดเบือน เพียงแต่ข้อมูลมันไม่ตรงกัน ให้ดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นหลักว่าการเป็นนายกฯที่ดีควรเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของนายพิธามองว่าเป็นการใช้มวลชนมากดดัน หรือสร้างกระแสได้หรือไม่ นายธนกรตอบว่า หลายฝ่ายมองอย่างนั้น ไม่อยากให้ไปเคลื่อนไหวกดดัน ไม่ว่าจะเป็นมวลชนหรือโซเชียลมีเดีย วันนี้ในโซเชียลมีเดียมีการเคลื่อนไหวกดดันคนที่มีความเห็นต่างแล้ว มวลชนที่เป็นเครือข่ายพรรคก้าวไกลเริ่มบอกมาแล้วว่าต้องแสดงพลังถ้าไม่ได้ดั่งใจ แบบนี้บ้านเมืองจะกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก วันนี้สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำมามันมาไกลมากแล้ว บ้านเมืองสงบแล้ว เศรษฐกิจดีขึ้น หลายอย่างดีขึ้น ทุกคนใช้ชีวิตตามปกติ ถ้ามีม็อบขึ้นมามันจะไปไกลกว่านั้นอีก

“อนุชา” แจง “ตู่” แสดงสปิริตแล้ว

นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถูกกล่าวหาไม่แสดงความยินดีกับพรรคที่ชนะเลือกตั้งว่า นายกฯแสดงความยินดีตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเลือกตั้งแล้ว และไม่ได้ห้ามปรามการเดินสายพบปะกับภาคส่วนต่างๆ แต่มีในส่วนราชการเองที่สะท้อนมาที่รัฐบาลว่าลักษณะเช่นนี้อาจไม่เหมาะสม เพราะรัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ การพูดว่ารัฐบาลไม่โชว์สปิริต หรือไม่ยอมเก็บของออกจากทำเนียบเป็นการพูดที่เกินกว่าเหตุ นายกฯพูดอยู่เสมอว่าไม่ไปก้าวล่วง เพียงแต่ให้ระมัดระวังเรื่องระเบียบต่างๆเท่านั้น เมื่อย้ำถามว่ายังไม่มีการเก็บของจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ นายอนุชาตอบว่า รัฐบาลชุดนี้ยังทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ ต้องเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน นั่นถึงจะเรียกว่าเป็นการยุติบทบาท ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องเก็บข้าวเก็บของ

“อภิชัย” ติงไม่เวิร์กขึ้นพรวด 450

นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ของพรรคก้าวไกลว่า ไม่เห็นด้วยการขึ้นค่าแรงภายใน 100 วัน ถือว่าเร็วเกินไป ต้องค่อยๆปรับขึ้นไปตามภาวะเศรษฐกิจ ไม่ใช่อยู่ดีๆขึ้นเป็น 450 จะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการ ตอนนี้เศรษฐกิจเพิ่งฟื้นจากวิกฤติโควิด เศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นถ้าออกมาตรการค่าแรง 450 บาทภายใน 100 วัน ส่งผลกระทบต่อภาพรวม แล้วมันได้ประโยชน์อะไร แม้ได้เงินเพิ่มขึ้นแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ต้องขึ้นตามกลไกตลาด ขึ้นแบบนี้ไม่มีประโยชน์ในฐานะคนทำธุรกิจรู้ว่าไม่เวิร์กแน่นอน หากยังขึ้นนักลงทุนจะวิ่งไปอยู่เวียดนามหมด

“จุรินทร์” ไม่เคยให้ใครไปเจรจา

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวมีคนติดต่อพรรค ปชป.ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า พูดไปชัดแล้วว่าต้องให้โอกาสพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เราจะไม่ไปเป็นอุปสรรคจนนาทีนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่เคยมอบหมายใครไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองใด เมื่อถามว่าดูสถานการณ์อาจมีการเมืองบนท้องถนนอีกครั้ง นายจุรินทร์ตอบว่า เราไม่อยากให้เกิดและเชื่อว่าคนไทยก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามระบบ ตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ เป็นการเมืองในรัฐสภา สถานการณ์การเมืองขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาล เป็นสถานการณ์ปกติ เพียงแต่มีประเด็นที่ดูเหมือนพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลยังมีความไม่ลงตัวในบางเรื่อง เช่น เรื่องประธานสภาฯมองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา

รอ กกต.รับรอง ส.ส.ถึงเดินหน้า

 เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์สรุปบทเรียนหลังการเลือกตั้งอย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่า พรรคต้องเดินหน้าต่อ ผลการเลือกตั้งไม่แพ้ก็ชนะ ไม่ได้มากก็ได้น้อย เป็นสิ่งที่เราตระหนักและเข้าใจดีอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งคือทุกคนต้องมาช่วยกันทำพรรคให้เติบโตต่อไป เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจประชาชนได้มากขึ้นในอนาคต สำหรับตนไม่ว่าอยู่ในสถานะไหน พร้อมจะเข้ามาช่วยสนับสนุนพรรคให้เดินหน้าต่อไป และคงความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นที่หวังของประชาชนได้ต่อไปในอนาคต เมื่อถามย้ำว่าประเมินสถานะของพรรคจะอยู่ตรงไหน นายจุรินทร์ตอบว่า อยู่ที่มติของพรรค และขึ้นอยู่กับที่ประชุม ส.ส. และคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องพิจารณาต่อไป เราตกลงกันแล้วว่าควรจะเป็น ส.ส.ชุดใหม่ ตอนนี้ยังเดินหน้าอะไรไม่ได้มาก เพราะต้องรอ กกต.ให้การรับรอง ส.ส.ก่อน จากนั้นจะมีการเลือก กก.บห.พรรคชุดใหม่ แล้วกระบวนการทั้งหมดก็จะเดินหน้าต่อไปตามระบบ

“ไบรท์ ชินวัตร” ให้กำลังใจ กกต.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชาย ชอบชาย ตัวแทนกลุ่ม Love Democracy -เรารักประชาธิปไตย นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ “ไบรท์ ราษฎรนนทบุรี” นักเคลื่อนไหวการเมือง ที่พลิกตัวมาเป็นกองเชียร์ให้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. สนับสนุนการปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการพิจารณาคำร้องตรวจสอบคุณสมบัตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีการถือครองหุ้นสื่อไอทีวี นายชินวัตรกล่าวว่า มาให้กำลังใจ กกต.ใช้ดุลพินิจและความรอบคอบ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ตามระบอบประชาธิป ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยเร็วที่สุด ผลออกมาเป็นอย่างไรยินดีและน้อมรับคำตัดสิน เป้าหมายที่มาวันนี้ต้องการให้ กกต.ทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อเดินหน้าประเทศต่อไป เมื่อถามว่าหากนายพิธาถูกตัดสิทธิจะเกิดการเคลื่อนไหวชุมนุมบนท้องถนนหรือไม่ นายชินวัตรตอบว่า อยากให้ทุกคนยอมรับความเป็นจริง ผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนจะลงถนนหรือไม่เป็นเรื่องของความคิดประชาชน แต่ตัวเองพอแล้วกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะประเทศเสียโอกาสไปหลายอย่าง