ครม.ชงซ้ำ กกต.อัดงบฯกลาง 1.1 หมื่นล้านบาทอุ้มค่าไฟ “ประยุทธ์” ยิ้มเมินตอบ “ทักษิณ” อ้อนขอกลับบ้านเลี้ยงหลาน “อนุทิน” ฟัด “เศรษฐา” พาดพิง ภท.เสียหายให้ฝ่ายกฎหมายฟ้องไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หยันทุกพรรครู้ใครตัวจริงตัวปลอม “เสี่ยนิด” ย้อนยอมเดินทางแคบทางการเมือง เพื่อเปิดกว้างอนาคตลูกหลาน “อิ๊ง” ฟิตจ่อแถลงข่าวโกยเสียงจากโรงพยาบาล กกต.เปิดศูนย์ต้านเฟกนิวส์ “ฐิติเชฏฐ์” ทำขึงขังจ่อฟันคนปล่อยข่าวเขย่าองค์กร “ปกรณ์” ฮึ่มหลังเลือกตั้งเช็กบิล “ธนาธร-หมอมิ้ง” การันตีไม่มียุบพรรคก่อนเลือกตั้ง แจงพิมพ์บัตรสำรองแค่ 4-5 ล้านใบ “ศรีฯ” ยื่นสอบ “แพทองธาร” ถือหุ้นสื่อ คนอุบลฯโร่แจ้งความชื่อโผล่ขอกาบัตรล่วงหน้า จ.สตูล-น่าน เชื่อเจ้าหน้าที่ กกต.กลางคีย์ข้อมูลผิดพลาดสับสน

จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับข้อเสนอขออนุมัติงบกลางฯวงเงิน 11,112 ล้านบาท เพื่อช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เนื่องจากไม่ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการขอใช้งบฯกลางดังกล่าว

...

นายกฯดันต่อขอ กกต.อนุมัติช่วยค่าไฟ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ค.ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากตึกสันติไมตรี ที่ใช้ประจำได้เตรียมพื้นที่จัดงานสโมสรสันนิบาตในวันที่ 4 พ.ค. ก่อนการประชุมนายกฯร่วมประชาสัมพันธ์การจำหน่ายเข็มที่ระลึก งานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิ.ย.66 ราคาเข็มละ 300 บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ถวายสมเด็จพระสังฆราช โดยเสด็จพระกุศลตามพระอัธยาศัย ซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.เป็นต้นไป หรือสอบถามได้ที่บิ๊กซีคอลเซ็นเตอร์ โทร.1756 หรือที่กองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ โทร. 0-2283-4305, 0-2283-4310 หรือ 0-2283-4318 จากนั้นนายกฯเดินมายังตึกบัญชาการ 1 ได้ทักทายผู้สื่อข่าวว่า “ขอบคุณนะ ขอให้มีความสุข สวัสดี มีใจให้ทุกคน” เมื่อถามว่าที่ประชุม ครม.จะพิจารณายื่นเรื่องต่อ กกต.ขออนุมัติใช้งบฯกลาง ช่วยค่าไฟหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ใช่ เข้าแน่นอน เมื่อถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯโพสต์ทวิตเตอร์ ระบุว่าจะกลับไทย พล.อ.ประยุทธ์หันมายิ้ม แต่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ ก่อนเดินเข้าตึกไปทันที

ครม.โหรงเหรง 14 รมต.แห่ลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.ครั้งนี้ มีรัฐมนตรีลาประชุม 14 คน ได้แก่ 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ 2.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ 3.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ 4.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน 5.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ 6.นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 8.นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 9.นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 10.นายสุนทร
ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ 11.นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ 12.นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ 13.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ 14.นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม

เห็นชอบชงงบฯอุ้มค่าไฟอีกรอบ

ต่อมาเวลา 11.45 น. ภายหลังประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรายังต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศชาติร่วมกันต่อไปถึงแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการก็ตาม รัฐมนตรีต่างๆร่วมกันเข้าประชุมครบองค์ประชุมทุกครั้ง หลายเรื่องต้องหารือกัน ทั้งการประชุมกับต่างประเทศ ที่ รมว.คลังกำลังไปร่วมประชุมที่ต่างประเทศ ทั้งนี้ในที่ประชุม ครม.ได้ให้ความเห็นชอบการขอใช้งบฯกลางช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางเรื่องค่าไฟฟ้า 1.1 หมื่นล้านบาทแล้ว จะส่งให้ กกต.พิจารณาต่อไป กกต.จะส่งกลับมาทันหรือไม่เชื่อว่าจะเร็ว เพราะเบื้องต้นขอให้ทำถูกต้องตามขั้นตอน ให้ตรงกับมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ เท่าที่รับทราบสิ่งใดเป็นความเดือดร้อนของประชาชนไม่น่าจะมีปัญหา เมื่อถามว่า จะทันรอบบิลเดือน พ.ค.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า คงต้องรอหน่อย แต่เชื่อว่าจะเร็วที่สุด ถ้าเร็วคงทันและคาดว่าเดือนหน้าสถานการณ์คงดีขึ้น การใช้ไฟคงลดลง ราคาค่าแก๊ส ค่าน้ำมันคงจะลดลงบ้าง จะมีผลช่วงต่อไปชดเชยกันไปมา

ยิ้มไม่ตอบ “ทักษิณ” อยากกลับไทย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามผู้สื่อข่าวว่า มีอะไรจะถามอีกหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯประกาศว่าจะกลับประเทศไทย มีความเห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวเหมือนเดิม แต่ได้ยิ้มแล้วเดินออกจากโพเดียมกลับขึ้นไปห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

“ธนกร” ฟุ้งปักษ์ใต้กระแส “ลุงตู่” ดีเว่อร์

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า การหาเสียงโค้งสุดท้ายทีมยุทธศาสตร์พรรคจะมีแคมเปญออกมา จะเอาชนะใจประชาชนได้ จากการลงพื้นที่ภาคใต้ความนิยม พล.อ.ประยุทธ์สูงขึ้นจริงๆ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ย้ายมาอยู่ รทสช.พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นปรากฏการณ์แบบนี้ในพื้นที่ภาคใต้เลย บางพื้นที่ขึ้นรถแห่ปราศรัยไม่แจ้งล่วงหน้าผ่านบ้านประชาชน 10 หลัง มี 9 หลังออกมาต้อนรับ ต้องขอให้ประชาชนเลือก ส.ส.เขต ทุกเขต เพื่อไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ทั้งนี้วันที่ 3 พ.ค.จะไป จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 7 พ.ค. ไป จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ วันที่ 8 พ.ค. จ.นราธิวาส และวันที่ 11 พ.ค. จ.นครศรีธรรมราช ปิดเวทีสุดท้ายที่ กทม. เน้นจุดที่เรามั่นใจว่าได้เสียง ส.ส.และเสียงมากที่สุด

“ทักษิณ” กลับบ้านส่งผลดี รทสช.

นายธนกรกล่าวอีกว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯระบุจะกลับมาเลี้ยงหลาน คงมีนัยทางการเมืองบ้างเพราะเป็นช่วงโค้งสุดท้าย แต่กลับมาได้ทุกเวลา ไม่ได้มีใครห้าม ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ถ้ามองมุม รทสช.ยิ่งนายทักษิณออกมาพูดบ่อยทำให้ประชาชนคิดถึง “พี่ตู่” มากขึ้น ตัดสินใจง่ายขึ้นส่งผลบวกแก่พรรค รทสช. การเมืองจะบีบมาเหลือ 2 ฝ่าย คือฝ่ายเลือก พล.อ.ประยุทธ์กับฝ่ายเลือกพรรค พท. วันนี้มีพลังเงียบอยู่เยอะ เชื่อว่าจะมาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ให้ทำงานต่อ

“อนุทิน” ให้ทีม ก.ม.ฟ้องถูกพาดพิง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ปราศรัยที่อีสานพาดพิงพรรค ภท.ว่า พรรค ภท.มีฝ่ายกฎหมายคอยดูอยู่ ถ้าผิดกฎหมายฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับใคร ส่วนตัวไม่ได้นำพาเรื่องนี้ แต่พรรคมีฝ่ายกฎหมายดำเนินการตามขั้นตอน ใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย ผู้เสียหายร้องเรียนและฟ้องร้องได้ โดยเฉพาะไปพูดความเท็จช่วงหาเสียงเลือกตั้ง “แต่อย่าไปบอกว่าอย่าเลือกพรรค ภท.นะ ลุงตู่มา แบบนี้มันพูดไม่ได้ มันมีโน้มน้าวให้เกิดความเข้าใจผิด สมมติคนเลือกพรรค ภท. เพราะคิดว่านายอนุทินจะมาเป็นนายกฯ แต่ดันคนอื่นมาเป็นนายกฯเขาก็ไม่เลือกพรรค ภท.เสียหาย คนสมัครเสียหาย ไม่เพียงแค่แคนดิเดตนายกฯพรรค ถ้ามีประเด็นกฎหมายเราต้องดำเนินการ แต่ขอยืนยันถ้าพรรค ภท. คะแนนเสียงมามากเพียงพอ แล้วถ้าจำเป็นต้องรับตำแหน่งสำคัญ ไม่ว่านายกฯหรือตำแหน่งอื่นๆต้องใช้คนของพรรค ภท.ไม่อยากยกตัวเอง แต่ถ้ามีคนมาให้ร้ายอย่างนี้แล้วต้องพูดให้ชัดเจน ยืนยันว่าเลือก ภท.ได้นายอนุทินเป็นนายกฯ

ถึงเวลาดีลทุกพรรครู้ใครตัวจริง

เมื่อถามว่าจะให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ฟ้องทั่วประเทศแบบกรณีอื่นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แล้วแต่ ไม่มีธงทั้งสิ้น เหลืออีก 2 สัปดาห์จะเลือกตั้ง เราทำงานของเรา แต่ถ้าผู้สมัครคนไหน เสียหายเป็นสิทธิ์ของเขา เราจะไปชี้นำหรือสั่งการคงไม่ได้ เมื่อถามว่านายอนุทินโพสต์เฟซบุ๊กว่านายเศรษฐาทำการเมืองให้ทางเดินพรรค พท.แคบลง สมมติหลังเลือกตั้งการประกาศจุดยืนไม่เป็นไปตามที่กล่าวไว้กับพรรค พท. ต้องรับผิดชอบทางการเมืองอย่างไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ถึงเวลาจริงๆรู้กันอยู่ว่าใครเคาะได้ ใครได้แต่พูด ตรงนี้คนการเมืองเขารู้ดี ผมไม่ขอพูด” เมื่อถามว่าจะปิดประตูกับพรรค พท.เลยหรือยังพอคุยกันได้ นายอนุทินกล่าวว่า “คิดว่าพรรค พท.ถึงเวลาจะพูดคุย เขาจะมีคน มันจะมีช่องทางพูดคุย ทุกพรรคเราจะรู้ว่าคนนี้ตัวจริง คนนี้ตัวไม่จริง” เมื่อถามว่าจะกลายเป็นเงื่อนไขหรือไม่ว่าหากนายเศรษฐาได้เป็นแคนดิเดตนายกฯและเลือกในสภาฯ พรรค ภท.จะไม่เลือก นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ทุกวันนี้ไม่พูดท่าทีอะไรทั้งสิ้น เรายังไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมืองกับใครเลย ทั้งนี้ไม่มีการโทร.เคลียร์กับนายเศรษฐา จะไปโทร.ทำไม มาถึงขนาดนี้แล้ว นายเศรษฐาว่าตนก่อน ไม่ได้ว่าส่วนตัว แต่ว่าพรรคมันหนักกว่า จำเป็นต้องออกมาตอบโต้ ไม่มีอะไรในเรื่องส่วนตัว ถ้ามีเรื่องส่วนตัวคงไม่เรียกว่า “พี่นิด”

ยินดี “อุ๊งอิ๊ง-คุณตา” มีสมาชิกใหม่

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. มีวุฒิภาวะมากกว่านายเศรษฐาหรือไม่ นายอนุทินไม่ตอบคำถามได้แต่หัวเราะ ต้องฝากแสดงความยินดีกับน้องอุ๊งอิ๊งด้วยที่ได้ลูกชาย ตอนแรกจะโพสต์แสดงความยินดีลงเฟซบุ๊ก แต่พอดีมีประเด็นการเมืองที่ละเอียดอ่อน เดี๋ยวจะใช้เป็นการทอดสะพานทางการเมือง เดี๋ยวจะตีความวุ่นวายกัน แต่ความที่เป็นคนรู้จักกัน คนรักใคร่ชอบพอกัน ต้องแสดงความยินดีจริงๆ คนมีลูกจะมีความสุข ฝากแสดงความยินดีกับคุณตา (นายทักษิณ ชินวัตร) เมื่อถามว่านายทักษิณประกาศขอกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน นายอนุทินกล่าวว่า ให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ใช่สิ่งที่พรรคภท.จะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ เราหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงพรรคอื่นไม่ว่าเรื่องอะไร

“นิด” หวัง “หนู” เห็นปัญหาเด็กพี้กัญชา

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่า ขอบคุณนายอนุทินที่ให้เกียรติเรียกตนว่าพี่และให้ข้อคิดกับรุ่นน้องทางการเมือง แต่ขอแย้งที่ระบุว่า ตนเปลี่ยนไปเยอะ ยืนยันว่ายังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน คนเดิม ที่ไม่โจมตีตัวบุคคลมาโดยตลอดตั้งแต่อยู่ในภาคธุรกิจ และยืนยันหลักการที่ไม่ว่ายังไงเราต้องพูดเรื่อง “ความ” หรือ “การกระทำ” ได้ หาก “การ (กระทำ)” เหล่านั้นส่งผลลบต่อสังคม ช่วงที่ลงพื้นที่สัมผัสถึงความทุกข์ใจของประชาชน แสดงความไม่พอใจกับการปล่อยให้เกิดภาพนักเรียนอายุ 10 ขวบสูบกัญชาหรือการเกิดปัญหายาเสพติดอื่นๆ และไม่อยากเห็นอนาคตลูกหลานใช้ชีวิตแบบนี้ ได้แต่หวังว่านายอนุทินจะเห็นปัญหาที่ประชาชนเห็น ที่นายอนุทินบอกว่านักธุรกิจที่เข้าสู่การเมืองหลายคนไม่ประสบความสำเร็จ ตนในฐานะอดีตนักธุรกิจที่อาสาเข้ามาทำงานการเมือง ความสำเร็จของตนคือ ประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่รู้ว่าความสำเร็จของนายอนุทินจะเหมือนกับตนหรือไม่

ย้อนยอมแคบทางการเมืองเพื่อ ปชช.

นายเศรษฐาระบุอีกว่า “ส่วนตัวไม่ใช่คนที่จะไปขัดแย้งกับใคร นายเศรษฐา ทวีสิน เชื่อในการพูดคุย รับฟัง เพื่อประโยชน์ที่สูงที่สุดของพี่น้องประชาชน ผมพร้อมที่จะขัดแย้ง ที่อาจทำให้ทางเดินทางการเมืองแคบลงเพื่อเปิดกว้างอนาคตให้กับลูกหลาน มากกว่าที่จะเกรงใจคนนั้นคนนี้เพื่อ เปิดกว้างทางการเมือง แต่ทำให้ทางออกอนาคตของลูกหลานพวกเราแคบลง ช่วงนี้โค้งสุดท้าย ผมขอให้คุณหนูดูแลสุขภาพ จะได้ใช้เวลาลงไปพูดคุยกับประชาชน รับฟังเสียงความต้องการของพวกเขา และรอรับฟังฉันทมติจากพี่น้องประชาชนในวันที่ 14 พ.ค.พร้อมกัน เศรษฐา ทวีสิน คนเดิม เพิ่มเติมคือ ความหวังของพี่น้องประชาชน”

คอเป็นเอ็น พท.ไม่ได้ปลดล็อกกัญชา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาาณ์ว่า กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรค ภท.ระบุว่า พรรค พท.ลงมติถอดกัญชาออกจากยาเสพติดว่า ไม่เป็นความจริง การปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด เป็นอำนาจโดยตรงของ รมว. สาธารณสุข ที่ถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 และออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 8 ก.พ.65 กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด แล้วค่อยนำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสภาในวันที่ 14 ธ.ค.65 เป็นช่วงเวลาถึง 10 เดือน ที่เกิดสุญญากาศ ขัดต่อมติของพรรค พท.ต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาก่อน ค่อยปลดล็อก และต้องใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น ที่นายอนุทินกล่าวว่า พรรค พท.รับหลักการนั้น ถือว่าคลาดเคลื่อน มีสมาชิกพรรค พท.บางคนเห็นด้วยแก้ไขบางมาตรา และเป็นการเห็นด้วยในวาระที่ 2 เท่านั้น พรรค พท.ไม่ได้เห็นด้วยกับการปลดล็อก แต่เป็นเหตุผลการพิจารณากฎหมาย

“สนธยา” จ่อฟ้องใส่ร้ายพันเว็บพนัน

นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กว่า การเลือกตั้งครั้งแรกในรอบหลายปีมีการหาเสียงทำลายล้างกันอย่างถึงพริกถึงขิง เป็นครั้งแรกที่มีความพยายามโยงให้ไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ยืนยันไม่เป็นความจริงและจะไม่เกิดขึ้นทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นการสร้างข่าวช่วงไม่กี่วันจะเลือกตั้ง จะดำเนินการทางกฎหมายกับการจงใจให้ร้ายอย่างไม่มีความละอายนี้ สงสัยว่าทำไมคนเราต้องชนะด้วยวิธีการสกปรกขนาดนี้ ทำไมต้องเอาความเป็นมนุษย์มาแลกกับชัยชนะ ถ้าไม่ใช่เพื่อแสวงหาประโยชน์ ความเลวร้ายของการหาเสียงสกปรก จะไม่เกิดผลอะไร ประชาชนรู้ทัน จะชี้ขาดจะเลือกเชื่อถือนโยบายพรรคไหน ไม่ให้สิ่งสกปรกมาครอบงำจิตใจ อย่าให้พฤติกรรมเลวร้ายเป็นที่ยอมรับได้ นั่นจะขยายความขัดแย้งในสังคมของเราจนหมดทางเยียวยา การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องวิเคราะห์ให้มาก เป็นเดิมพันครั้งใหญ่ ด้วยอนาคตของประเทศและลูกหลานของเราทุกคน

“อิ๊ง” ฟิตจัดจ่อแถลงหาเสียงที่ รพ.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า วันที่ 3 พ.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เตรียมแถลงข่าวถึงการคลอด ด.ช.พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ และความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลพระราม 9

ยกทัพตีนครปฐม-กาญจนบุรี

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ตลาดนัดวัดหอมเกร็ด อ.เมืองนครปฐม นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นำทีมลงพื้นที่ช่วยนายสมชาย มณีรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 1 หาเสียง โดยนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ตอบโต้คำปราศรัยที่พาดพิงพรรค ภท.ว่า เป็นเรื่องการหาเสียง ไม่ใช่เป็นเรื่องบุคคล ไม่โกรธ เป็นพี่เป็นน้องเหมือนเดิม จะกระทบกับการตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงสำคัญที่สุด จากนั้นคณะพรรค พท.ไปปราศรัยที่โรงเรียนบ้านบึงวิทยา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ก่อนไปเดินหาเสียงที่ตลาดโต้รุ่ง อ.เมืองกาญจนบุรี

ลูก “ชัชชาติ” โผล่ช่วยมัดใจคนกรุง

ที่บริเวณลานกีฬาใต้ทางด่วน เขตวังทองหลาง นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมือง พื้นที่ กทม.พรรค พท.นำทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.อาทิ นายขจรศักดิ์ ประดิษฐาน ผู้สมัครเขตห้วยขวาง วังทองหลาง นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ผู้สมัครเขตบางกะปิ วังทองหลาง น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัครเขตลาดพร้าว บึงกุ่ม ลงพื้นที่หาเสียงคุยกับเยาวชนประมาณ 40 คน เกี่ยวกับการสานต่อนโยบายลานกีฬาใต้ทางด่วน นางพวงเพ็ชรกล่าวว่า พรรคเล็งเห็นถึงการเพิ่มศักยภาพด้านกีฬาให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่หลากหลาย และพร้อมสนับสนุนทุกคนในครอบครัวที่มีบุคลากรที่มีศักยภาพ ผ่านนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ โดยเปิดตัวนายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ บุตรชายนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้ช่วยหาเสียงพรรค

“โรม” ยักไหล่เกมสาดโคลน ก.ก.

นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีสารพัดข่าวลือต่อตัวนายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ว่า ไปห้ามคนวิจารณ์ คงไม่ได้ แต่หลายเรื่องชี้แจงไปแล้วแต่รู้กันอยู่ว่าช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง กระแส ก.ก.เป็นแบบนี้ อาจทำให้มีคนต้องการทำลายความน่าเชื่อถือโจมตี ทำให้คนที่จะเลือก ก.ก.ลังเล สิ่งที่ทำได้คือจะชี้แจงไป แต่จะไม่ไปมัวเสียเวลากับคนพยายามทำลายเรา เชื่อว่าประชาชนดูออก โค้งสุดท้ายต้องมีอะไรหลายอย่าง ต้องสาดโคลนใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ

ชี้ “ทักษิณ” คัมแบ็กอาจมีสะเทือน

นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ส่งสัญญาณขอกลับไปเลี้ยงหลาน นายทักษิณจะกล้ากลับมาจริงหรือไม่คงตอบยาก มีแค่นายทักษิณที่ตอบได้ แต่ต้องยอมรับคนที่รักนายทักษิณยังมีอยู่ มีเยอะด้วย ต้องมีคนหวังผลอยู่แล้วไม่มากก็น้อย เพียงแต่เท่าที่เห็นคงยังไม่ถึงทำให้เกิดปรากฏการณ์บางอย่าง ไม่แน่ใจจะมีผลมากอย่างที่เขาต้องการหรือไม่ต้องรอดู แต่คงจะมีสะเทือน ต้องรอดูว่าบรรยากาศนายทักษิณกลับมาเป็นแบบไหน ถ้าเป็นบรรยากาศเป็นแบบรัฐบาลเปลี่ยนขั้วก็อีกเเบบหนึ่ง หรือรัฐบาลขั้วเดิมจะอีกแบบหนึ่ง

พปชร.ตีปี๊บบัตรประชารัฐรับ 3 หมื่น

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า หัวหน้าพรรค พปชร.และแคนดิเดตนายกฯให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศอย่างเร่งด่วน ล่าสุดดรีมทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ถือบัตรประชารัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย นอกจากเติมเงินบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน และให้สิทธิผู้ถือบัตรรับประกันชีวิตวงเงิน 200,000 บาทแล้ว ยังจะได้รับสิทธิเข้ารับอบรมเสริมทักษะและเมื่อผ่านการอบรมเสริมทักษะแล้ว ผู้ถือบัตรประชารัฐจะได้รับทุนเพื่อนำไปประกอบอาชีพ 30,000 บาทต่อราย ทั้งนี้ เพื่อสร้างทักษะและสร้างอาชีพที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือบัตรประชารัฐ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้ให้เพียงพอต่อค่าครองชีพ และหลุดพ้นกับดักความยากจน

ฉะผู้นำแย่สร้างปัญหาเยอะ

เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค สร. ลงพื้นที่ตลาดพระวัดไทร อ.นครชัยศรี ตลาดสดเหลือง ตลาดสดคลองโยน อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ช่วยหาเสียงให้นายสมหมาย บุญเฮง ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 5 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ภารกิจแรกจะพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณในทุกหน่วยงาน สิ่งใดไม่จำเป็นตัดออกไป เช่น งบซื้อยุทธภัณฑ์ หรือเพิ่มจำนวนข้าราชการ เงินจะไม่ไหลออกจากประเทศ นำมาช่วยเหลือประชาชนได้ ปัญหาประเทศมีเยอะเพราะผู้นำรัฐบาลแย่ เหลืออีก 25 ปี ตนอายุครบ 100 ปี ยังเหลือเวลาช่วยประชาชน ดังนั้น ขอคะแนนให้มีแรงสู้อีก 25 ปีข้างหน้าด้วย

“สมชัย” ชี้เป้าซื้อเสียงสแกนบัตร ปชช.

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า ขณะนี้พบการเก็บบัตรประชาชนผู้ที่มาฟังปราศรัยของพรรคการเมืองหนึ่งและสแกนเก็บข้อมูลไว้ ที่วัดป่ากุลเชฏโฐ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เป็นไปได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเมื่อเทียบกับการจัดเวทีปราศรัยพื้นที่อื่น เช่น กทม. คนมาฟังไม่ต้องลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน เบื้องต้นผู้สมัครพรรคสร.ยังไม่ได้แจ้งความหรือร้องเรียนใดๆ อยากให้ กกต.อำนาจเจริญสอบข้อเท็จจริงก่อน หากชี้เป้าแล้ว กกต.ไม่ขยับถือว่าผิดปกติ การสแกนบัตรประชาชนอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ภายหลัง อาทิ จ่ายค่าเดินทางให้นับยอดนำไปเบิกจ่ายภายหลัง จ.อำนาจเจริญ ทราบว่าเก็บบัตรไว้จ่ายก่อน 500 บาท ถึงวันเลือกตั้งนำบัตรคืนรับอีก 500 บาท และยังพบหลายพื้นที่อาศัยกลไกท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) รวบรวมชื่อ แม้ยังไม่ได้จ่ายแต่จดไว้ก่อน

“ลุงป้อม” โต้ตัดต่อเก็บบัตรจ่ายตังค์

เมื่อเวลา 14.35 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ถึงการหาเสียงโค้งสุดท้ายว่า จะลงทุกพื้นที่ทุกจังหวัดที่ยังไม่เคยไป รายละเอียดให้ไปถามผู้เกี่ยวข้อง เมื่อถามถึงกรณีมีการเผยแพร่ภาพการเก็บบัตรประชาชนของผู้มาฟังการปราศรัยของผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ ถูกมองว่าเป็นคนของ พปชร. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่มีหรอก ตัดต่อ” เมื่อถามว่า ต่อจากนี้ต้องระมัดระวังพวกวิชามารหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมระวังอยู่แล้ว พรรคผมไม่มีหรอก ผมระวัง”

“พี่ตู่” ลุยชลบุรีช่วยทีม “เฮ้ง” หาเสียง

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ จ.ชลบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์และแคนดิเดตนายกฯ พรรค รทสช. ลาราชการช่วงบ่าย พาแกนนำพรรคลงพื้นที่หาเสียงช่วย น.ส.ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี เขต 1 น้องสาวภรรยานายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคตะวันออก โดยนั่งรถตู้โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน ธจ 1122 กรุงเทพมหานคร ไปที่ตลาดหนองมน ต.แสนสุข เดินทักทายแฟนคลับและประชาชนอย่างคึกคัก แล้วเข้าสักการะพระโพธิสัตว์กวนอิมไม้หอมที่ศาลเจ้าแม่อาเนี้ยว ติดตลาดหนองมน มีหญิงรายหนึ่งถามว่าถ้าเป็นนายกฯอีกสมัยหน้าจะทำอะไรให้ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ทำให้มีความสุข ดีขึ้นเรื่อยๆทุกอย่าง ก่อนเดินหาเสียงในตลาด ท่ามกลางเสียงตะโกนลุงตู่สู้ๆ พี่ตู่สู้ๆ ลุงตู่อยู่ต่อ ก่อนแวะร้านทองของแม่ยายนายสุชาติ มีพ่อกับแม่นายสุชาติคล้องพวงมาลัย จากนั้นไปที่ทำการพรรค รทสช. จ.ชลบุรี หารือผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรีทั้ง 10 เขต แล้วไปสักการะพระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคลสิรินารถ ที่หอพระพุทธสิหิงค์ ต่อมาขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัด มีประชาชนสวมเสื้อเหลืองมาฟังปราศรัยจำนวนมาก

กกต.เปิดศูนย์ต้านเฟกนิวส์

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติงานคณะกรรมการต่อต้านข่าวเท็จ ชั้น 9 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต.และ นายปกรณ์ มหรรณพ กกต. ร่วมกันแถลงเปิดศูนย์ ปฏิบัติงานต่อต้านข่าวเท็จในการเลือกตั้ง ส.ส.เป็น การทั่วไป พ.ศ.2566 วันแรก โดยนายฐิติเชษฐ์กล่าวว่า การตั้งศูนย์ต้านข่าวเท็จเฟกนิวส์ไม่ใช่มุ่งทำลายฝ่ายใด แต่ป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ถ้าบางข่าวเตือนแล้วไม่หยุด จนมีผลกระทบต่อการเลือกตั้ง เราจะดำเนินคดีกับตัวต้นเรื่อง เราไม่ได้ตั้งศูนย์เพื่อมุ่งทำร้ายคนแต่เราต้องป้องกันองค์กรของเรา ไม่ให้คุณก้าวล้ำ ก้าวล่วงการทำงานของเรา ไม่ได้ตั้งศูนย์ขึ้นมาเพื่อรบกับความคิดเห็นอันสุจริตของประชาชน

แจงพิมพ์บัตรสำรองแค่ 4-5 ล้านใบ

นายปกรณ์แถลงว่า ขอใช้เวลาชี้แจงข่าวต่างๆ 1.ยุบพรรคติดเทอร์โบ กกต.ออกระเบียบตามที่กฎหมาย บังคับให้ทำ ถ้าดูระเบียบให้ถูกต้องอำนาจในการทำโดยเร็ว เป็นของเลขาฯ กกต.แต่ที่ไม่มีกำหนดเวลา สามารถขยายได้ เพื่อให้พรรคถูกร้องสามารถยื่นพยานหลักฐานให้ถ้อยคำกับ กกต.เปิดโอกาสให้แสดงพยานหลักฐานต่อสู้อย่างเต็มที่ 2.การแบ่งเขตตามใจ ในที่สุดศาลปกครองสูงสุดตัดสินทั้ง 5 คดีว่า เราออกแบ่งเขตโดยชอบ ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย 3.เรื่องบัตรเลือกตั้ง จำนวนบัตรที่บอกเราพิมพ์บัตรเกิน 7 ล้าน แต่ความจริงพิมพ์เกินประมาณ 4 ล้านเศษ ถึง 5 ล้าน ไม่มีความจำเป็นต้องพิมพ์มากเกินไป แต่ต้องสำรองไม่ให้ผิดพลาด เราจะไม่มีการทุจริตในการใช้บัตร ทันทีที่ปิดหีบนับคะแนนเสร็จ ทุกหน่วยจะปิดประกาศทันทีว่า ได้รับบัตรมาเท่าไหร่ ใช้ไปเท่าไหร่ ถ้าพรรคมีคนมีเจ้าหน้าที่สามารถถ่ายรูปหลักฐานได้จะรู้ทันทีว่า บัตรดีบัตรเสีย บัตรไม่เลือกผู้ใด บัตรไม่ได้ใช้เท่าไหร่

ให้คำมั่นไม่ยุบพรรคก่อนวัน ลต.

นายปกรณ์กล่าวว่า ได้ตั้งใจทำงานเต็มที่ความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการพิมพ์ การปิดประกาศ การส่ง เรายอมรับ แต่ได้แก้ไขรีบจัดการให้ถูกต้องโดยเร็ว การผิดพลาดเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นด้วยการทุจริต ขอให้มั่นใจไม่มีความจำเป็นต้องทุจริต มันมีหลายเรื่องหลายราว ที่พูดกันก่อนไว้ว่าจะมีสัญญาณยุบพรรค ตอนนี้จะเลือกตั้งแล้วแต่ไม่มีแล้ว ทีนี้บอกไปหลังเลือกตั้งแล้ว จนบัดนี้เรื่องราวต่างๆไม่มีเลย มันอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นวันสองวันนี้ แต่ให้สัญญา คำมั่น ตนมีวาระอีกไม่นาน เรื่องใดที่ไม่ถูกต้องจะแจ้งสื่อทราบเพื่อ แจ้งให้ประชาชนทราบ ไม่มีหรอกที่เราต้องการปิดบังอะไรทั้งสิ้น ให้สัญญาด้วยตำแหน่ง

ขู่หลังเลือกตั้งเช็กบิล “ธนาธร-หมอมิ้ง”

นายปกรณ์กล่าวว่า ข่าวที่เราจะต่อต้านจะเป็นข่าวหลักสำคัญต้นตอ แต่ข่าวเล็กน้อยเราแค่ตักเตือน ยกตัวอย่างให้ฟัง 3 เรื่อง การดีเบตที่ จ.ชลบุรี นาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรค ก.ก.ใช้คำพูดว่า กกต.เปลี่ยนแปลงสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์และดีเบตที่ทีวีเนชั่น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช แกนนำพรรค พท. พูดว่าเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่มีปัญหาเพราะ กกต.เปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ทั้งที่ ศาลได้พิพากษาแล้วว่า การคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ ถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังใช้คำพูดอย่างนี้ นี่คือสิ่งที่ เราจะมาพิจารณาภายหลัง พิจารณาตอนนี้จะมีผลต่อคะแนนเสียงเลือกตั้ง นี่คือตัวอย่าง และขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.ที่ผู้สื่อข่าวพยายามถามให้วิจารณ์ กกต. แต่ท่านมีทางออก แน่นอน กกต.เป็นปุถุชนเมื่อความรู้สึกดีมาเรายินดีที่จะมีความรู้สึกดีตอบ หลายเรื่องศาลพิพากษาไปแล้ว แต่ยังเอามาพูดเพื่อคิดว่า จะได้ คะแนนเสียง ให้เห็นว่า กกต.ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก มันถูกต้องสมควรหรือไม่ เราเคารพสิทธิของท่าน แต่ ต้องเคารพสิทธิของเราด้วยเช่นกัน ส่วนนายธนาธรกับ นพ.พรหมินทร์ จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ท้ายที่สุดแล้วต้องเป็นมติของ กกต.คงต้องทำในภาพรวม

อุบไต๋มีบางอย่างเกิดขึ้นเร็วๆนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่า อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นวันสองวันนี้ นายปกรณ์ตอบว่า มันมีอะไรบางอย่างที่มีข่าวอะไรมาเล็กๆน้อยๆ มันอาจจะเชื่อมโยงแต่ต้องตรวจสอบก่อน แต่อย่างที่บอกแล้วว่า เรามีขั้นตอน มีระยะเวลาพอสมควร และทุกสิ่งทุกอย่างสื่อต้องทราบเพื่อให้ประชาชนทราบ เมื่อถามต่อว่า ถึงขั้นที่จะมีการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ นายปกรณ์ตอบว่า อย่าไปคิดถึงขนาดนั้น ได้พูดแล้วว่า เดิมท่านบอกว่า จะมีการยุบพรรคก่อนเลือกตั้งไหม ปรากฏว่า มันไม่มีมูลเลย เรื่องข่าวเท็จ เราจะอดทน พยายามอย่างยิ่ง ไม่ให้เป็นคดีความ บางเรื่องด่าเราด้วยคำหยาบแต่เรามีมติไม่ดำเนินคดี อย่างที่บอกเราจะดำเนินคดีเฉพาะต้นตอ และเรื่องสำคัญที่ไม่จริงที่ส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม แต่ถ้าเป็นเรื่องอารมณ์ความรู้สึก เราจะอดทน ขอใช้ช่องทางสื่อสารองค์กรชี้แจงให้เข้าใจ

“ปกรณ์” อัดอั้นถูกหาว่ามาจาก คสช.

นายปกรณ์กล่าวว่า ขอพูดเรื่องส่วนตัวมาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาปี 62 กกต.มาจาก คสช.เป็นไอ้โน่น เป็นไอ้นี่ อยากถามว่า 4 ปี เกือบ 5 ปีนั้น ไม่เคยคุยกับนายกฯ รองนายกฯสักครั้ง เคยเจอในงานพิธี งานสังคม แต่ท่านไม่รู้จักไม่เคยพูดกัน แล้วปัญหาพวกนี้ท่านพูดตลอด สื่อพูดตลอด ทั้งการเมืองทั้งอะไรพูดว่า มาจาก คสช. แต่ที่ประชุมใหญ่ ศาลฎีกาส่งชื่อเข้าสภาฯและก็ผ่าน เมื่อถามถึงเรื่องการไปดูงานต่างประเทศ นายปกรณ์ตอบว่า ก่อนที่จะไปมีการประชุมหารือว่า ถ้าไปถูกวิจารณ์ ไม่ไป มีปัญหาจะหนักกว่าหลายเท่า ขอให้เข้าใจว่าคนอายุจะ 70 ปี นอนบนเครื่องบินไม่ได้สะดวกสบาย และหลังเดินทางกลับมามี กกต.ถึง 3 คนที่ป่วย ไม่ได้ไปเที่ยวแต่ไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ ไปถามทูตในประเทศต่างๆได้

ชี้ พท.พาดพิง ภท.ต้องร้องทุกข์มา

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรค พท.ปราศรัยที่ จ.นครพนม พาดพิงพรรค ภท.อาจเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสีหรืออาจเป็นการจูงใจให้ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองใดด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นนั้น ต้องมีคนร้องเข้ามาก่อน เพราะมีรายละเอียดอีกเยอะ ขณะนี้มีการยื่นร้องในเรื่องการหาเสียงเข้ามาจำนวนมากที่ต้องรีบกลับไปตรวจสอบ เช่น คลิปแฉการซื้อเสียง

“ศรีฯ” ร้อง กกต. “เเพทองธาร” ถือหุ้นสื่อ

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (2) มาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (3) ที่ระบุว่า บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เป็นลักษณะต้องห้ามที่พรรคการเมืองมีมติว่าจะเสนอให้ ส.ส.พิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามมาตรา 88 มิได้ โดย น.ส.แพทองธารยังถือหุ้นอยู่ในกิจการ บริษัทเอสซีแอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 1,216,149,807 หุ้น โดยได้แจ้งวัตถุประสงค์ตามที่ได้จดทะเบียนบริษัททั้งหมด 39 ข้อ แต่มี 5 ข้อที่อาจเข้าข่ายฯให้ กกต.ไต่สวน สอบสวน และหาก น.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติจริงต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความเท็จต่อ กกต. มีความผิดตาม ป. อาญา มาตรา 137 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนกรรมการบริหารพรรค พท.อาจต้องรับผิดชอบ ในฐานะเป็นผู้ที่เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ มีโทษตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง

คนอุบลฯแจ้งความชื่อปลิว ลต.ข้าม จว.

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุบลราชธานีว่า นายบุญมา ทองเต็ม อายุ 72 ปี และ น.ส.วรัญญาสุขเสริม อายุ 68 ปี ชาว อ.เมืองอุบลราชธานี มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองอุบล ราชธานี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.วิจักขณ์ สายเบาะ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานีว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักทะเบียนเทศบาลนครอุบลราชธานี เป็นผู้มีชื่อลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด โดยนายบุญมา มีชื่อลงคะแนนที่เขต 2 อ.ละงู จ.สตูล ส่วน น.ส.วรัญญาไปลงคะแนนเลือกตั้งที่เขต 3 อ.ปัว จ.น่าน ทั้งๆที่ทั้งคู่ไม่เคยไปจังหวัดทั้ง 2 มาก่อนเลยในชีวิต รวมทั้งไม่ได้ขอลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าแต่อย่างใด อยู่ๆมีหนังสือแจ้งมาจากเทศบาล เมื่อไปตรวจสอบกับเทศบาล และสำนักงาน กกต.บอกไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะเลยเวลาแจ้งขอแก้ไขตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาแล้วทำให้กลัวเสียสิทธิ ไม่สามารถเดินทางไปลงคะแนนนอกเขตยังจังหวัดดังกล่าวได้ เลยเข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้ให้ กกต.กลาง ช่วยแก้ไขให้กลับมามีสิทธิลงคะแนนตามปกติ เพราะไม่ต้องการเสียสิทธิ เนื่องจากทั้งคู่เป็นอาสาสมัครและกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในการเลือกตั้งอื่นๆเป็นบางครั้ง

เชื่อ จนท.กกต.คีย์ข้อมูลผิดพลาด

ด้าน น.ส.วรัญญากล่าวว่า สาเหตุที่เกิดขึ้น น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ กกต.กลางคีย์ข้อมูลของตนสับสนกับคนอื่นที่ขอลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าหรือเปล่า เพราะการเลือกตั้งแต่ไหนแต่ไรมาได้ไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งวัดป่าแสนอุดม ในเขตเลือกตั้งที่ 1 มาตั้งแต่อายุ 20 ปี จนถึงปัจจุบันไม่เคยลงคะแนนที่ไหนมาก่อนเลย อยากให้ กกต.กลางช่วยตรวจสอบความถูกต้องให้ด้วย

“ชาญชัย” เผยศาลคืนสิทธิผู้สมัคร ส.ส.

เมื่อเวลา 17.00 น. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต 2 พรรค ปชป. เปิดเผยว่า ศาลฎีกาพิพากษาตัดสินคืนสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.นครนายก เขต 2 ให้แล้ว โดยวินิจฉัยว่า ตนมีหุ้นบริษัท AIS เพียง 200 หุ้น มีมูลค่าตามราคาตลาดเพียง 39,000 บาท ถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ย่อมไม่มีอำนาจสั่งการให้ AIS เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งได้ ดังนั้นการตีความตามบทบัญญัติตามลายลักษณ์อักษรของกฎหมายย่อมไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 42 (3) ดังนั้นมีคำสั่งให้ กกต.นครนายก ประกาศรายชื่อให้กลับมาเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 2

5 พรรคแห่แบน พ.ร.บ.ปิดปากสื่อ

ที่ศูนย์การค้าบางซื่อจังชั่น กทม. สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเสวนา หัวข้อสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในมุมมองพรรคการเมืองไทย เนื่องในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกประจำปี 2566 โดย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล พรรค พท.กล่าวว่า สื่อหลักทำหน้าที่เคร่งครัดในจริยธรรมอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยกับการฟ้องปิดปาก ไม่ควรมีสิ่งใดเหนือกว่าเสรีภาพต่อการรับข่าวสารของประชาชน น.ส.วทันยา บุนนาค ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่นำ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯมาฟ้องปิดปากสื่อและสื่อพลเมือง ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ต้องปล่อยให้สื่อกำกับดูแลกันเอง ขณะที่ น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ โฆษกพรรค ทสท. กล่าวว่า ไม่ควรมีการฟ้องปิดปาก ส่วนสื่อพลเมืองต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคพรรค ก.ก. กล่าวว่า พรรคมีนโยบายแก้ไข พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯให้สื่อและประชาชนเข้าถึงข้อมูลง่ายมากขึ้นเพราะนับแต่มีรัฐประหารเสรีภาพน้อยลง ด้านว่าที่ ร.ต.อ.หญิงอัยรดา บำรุงรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรค รทสช. กล่าวว่า ทุกคนในสังคมต้องมีหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ และต้องส่งเสริมให้มีกองทุนสื่อสร้างสรรค์