พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้นิยามหรือความหมายของคำ “องค์กรอาชญากรรม” หมายถึงคณะบุคคลที่มีโครงสร้าง โดยสมคบกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และมีวัตถุประสงค์ที่จะกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง ที่มีโทษตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป หรือเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางทรัพย์สิน หรืออื่นใด โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
อ่านคำจำกัดความข้างต้นแล้ว น่าคิดว่า อาจมีองค์กรทางราชการของประเทศไทยหลายองค์กรเข้าข่ายเป็น “องค์กรอาชญากรรม” หรือไม่ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีเรื่องราวฉาวโฉ่ ตำรวจเข้าไปร่วมแสวงผลประโยชน์ต่างๆร่วมกับกลุ่มธุรกิจมิจฉาชีพ เช่น กลุ่ม “ตู้ห่าว” หรือยกเว้นให้ส่วนราชการ
แต่ที่แน่นอนที่สุด นับแต่คณะรัฐประหาร คสช.ยึดอำนาจ โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลใหม่เพื่อปกครองประเทศ รวมทั้งประกาศใช้รัฐธรรมนูญใหม่ 2560 ที่บังคับให้รัฐบาลปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ เช่น การเมืองและกระบวนการยุติธรรมแต่ล้มเหลว
รัฐธรรมนูญระบุว่า ภายในเวลา 1 ปี หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญคือวันที่ 5 เมษายน 2560 รัฐต้องเริ่มปฏิรูปในแต่ละด้าน และต้องกำหนดผลสัมฤทธิ์ที่คาดว่าจะบรรลุในระยะเวลา 5 ปี แต่ก็ ล้มเหลว แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 6 ปี และมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจถึง 6 คณะ
ในส่วนที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม รัฐธรรมนูญให้ปรับปรุงการสอบสวนคดีอาญาให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับอัยการอย่างเหมาะสม รวมทั้งเสริมสร้าง และพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรยุติธรรมให้มุ่งอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน และให้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจตามหลักคุณธรรม
นักวิชาการบางคนชี้ต้นเหตุของปัญหาของ สตช.ที่สำคัญคือ มีโครงสร้างรวมศูนย์อำนาจ ตำรวจกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ ขึ้นกับ ผบ.ตร. และจัดสายบังคับบัญชาแบบทหาร มียศ มีเครื่องแบบ มีนายพลเต็มบ้านเต็มเมือง ไทยอาจเป็นประเทศที่มีนายพลตำรวจมากที่สุดในโลก และยึดหลักอุปถัมภ์เพื่อนพ้องน้องพี่
...
ถ้าจะปฏิรูปตำรวจต้องปฏิรูปให้ถึงแก่น นั่นคือปฏิรูป “วัฒนธรรม” ขององค์กร ปลูกฝังแนวความคิดผดุงความยุติธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน การแต่งตั้งโยกย้ายยึดหลักคุณธรรมที่แท้จริง ห้ามซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขาย จะต้องได้รับโทษอย่างเฉียบขาด ทั้งทางวินัยและอาญา.