แบไต๋ ลิ้นไก่โผล่เห็นไปยันสะดือเลย ตามลีลาเกรียนเซราะกราว “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ส่งซิกสัญญาณเป็นนัย

“ไฟเขียว” ให้ลูกทีมเซราะกราวเล่นเกมล่องหน ล่มองค์ประชุมสภา

ล้มกระดาน ตัดเกม “เตะฟรีคิก” ของฝ่ายค้าน ที่ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป แฉประจานพรรคร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม

“เผาหลอก” ก่อนลากไป “เผาจริง” กันในสนามเลือกตั้ง

ดูเชิงแล้ว แนวโน้มทีมเซราะกราวเอาแน่ เพราะอ่านทางฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ตั้งท่าง้างหมัดมาตั้งแต่บ้าน ล็อกเป้าถล่มทีมภูมิใจไทยในสถานะตัวตัดแต้มแลนด์สไลด์

ต้องไล่ถล่มกันตามเงื่อนไขสถานการณ์เดิมพัน

และมันก็เป็นอะไรที่เดาทางได้ เป้าถล่ม “บ่อน้ำมัน” ของทีมนายห้างดูไบ รวมไปถึงค่ายก้าวไกล เล็งตรงไปที่ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

...

วัตถุไวไฟ จุดชนวนตรงไหน ลุกพึ่บตรงนั้น

แค่ไล่ตามโพยที่เป็นข่าวครึกโครม ทั้งป้ายทองคำฝังเพชร เปลี่ยนชื่อสถานีกลางบางซื่อ เมกะโปรเจกต์รถไฟฟ้าสีส้มที่ปั่นราคาส่วนต่างบานกว่า 4 หมื่นล้าน รายการเตะถ่วงดึงเช็งรถไฟฟ้าสายสีเขียว ฯลฯ

“เสี่ยโอ๋” คนเดียวก็น่าจะโดนจองกฐินอภิปรายข้ามวัน

แต่จุดสำคัญของเกมล้มกระดานคิว “เตะฟรีคิก” ของฝ่ายค้าน มันยังส่งอานิสงส์โดยตรง ไปถึงตัวเอกตามท้องเรื่องอย่าง

“บิ๊กตู่” ที่วงในรู้กันดีว่าได้ทำ “เอ็มโอยู” สัญญาทางใจกับ “หนู–เน” ในการช่วยประคองปีกสุดทางรัฐบาลนี้ รวมไปถึงการหามแห่เบิ้ลเก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอบหน้า

ทีมเซราะกราวต้องโชว์ศักยภาพให้สมราคาหน่วยพิทักษ์ผู้นำทหารเฒ่า

ประเดิมงานจ้างเหมา “คุ้มกัน” ตั้งแต่ปลายเทอมสภานี้ก่อนเลย

เป้าหมายคือเดิมพันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งรอบหน้า เกาะแข้งเกาะขาร่วมขบวนการจองขุมทรัพย์ กระทรวงคมนาคมพลังงาน สาธารณสุข การท่องเที่ยว ฯลฯ

ทำทุกวิถีทางในการล็อกขั้วเก่า ยึดสมการรัฐบาลเดิม

“ตู่–หนู–เน” แท็กทีมกันสกัด “นายห้างดูไบ” ไม่ให้เสียบมาพลิกสมการ ชิงเปลี่ยนขั้วรัฐบาลได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ภูมิใจไทยจะไม่ใช่หมูอย่างที่ “เสี่ยหนู” คุยโต โดยรูปการณ์ปัญหาหนักอกของขบวนอารักขา “บิ๊กตู่” ไปสู่จุดหมายปลายทางฝัน ดูแล้วก็ไม่ได้กินหมูเหมือนกัน

เพราะถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 “เส้นตาย” ส.ส.ย้ายพรรควันสุดท้าย ในกรณีสภาผู้แทนฯอยู่ครบวาระ บรรยากาศของค่ายรวมไทยสร้างชาติ ฐานต้นทุนหน้าตักของ “บิ๊กตู่” ก็ยังไม่เปรี้ยงปร้าง

มวยระดับ “บิ๊กเนม” นักเลือกตั้งอาชีพเกรดเอไหลเข้าเบาบาง

ตามเค้าลางก็น่าจะมีแค่กองกำลังชนกลุ่มน้อยของ “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทีมของ “ชัช เตาปูน” นายชัชวาลล์ คงอุดม และกลุ่มดาวกระจายที่ดูดมาจากค่ายประชาธิปัตย์

นอกนั้นก็คือกองกำลัง กปปส.ของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่สยายปีกยึดพรรค ไล่ตั้งแต่ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค “เสี่ยขิง” นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค

“ขาลอย” ไม่มีพื้นที่เลือกตั้งชัวร์ๆของตัวเองเลย

นับไปกลับแล้วตั้งเป้าให้เกิน 25 เสียง ยังก้ำกึ่งเต็มที

และไม่ใช่แค่ต้นทุนหน้าตักของท่านผู้นำที่เบาบาง ยังรวมไปถึง ชั้นเชิงการเมืองที่ยังอ่อนปวกเปียกสวนทางกับอาการห้าวเป้ง มั่นใจในตัวเองสูงปรี๊ด

เป็นเหมือนกันหมดทั้ง “บิ๊กตู่–เสี่ยตุ๋ย–เสี่ยขิง”

อ่านจากการเดินหมากชั้นเดียวไม่ซับซ้อนจับทางง่าย ประเภทโหนอำนาจรัฐ จัดคิวเดินสายวางยุทธศาสตร์ลงพื้นที่ปั่นกระแส หวังเรียกเรตติ้ง อย่างที่ท่านผู้นำยกคณะหางเครื่องชุดใหญ่ไปจัดอีเวนต์แจกที่ดินทำกินกันที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าถิ่นรู้ล่วงหน้า

ไม่คำนึงถึงมารยาทการเมือง เรื่องอ่อนไหวในหมู่ “นักเลือกตั้งอาชีพ”

ทั้งๆที่ว่ากันไป “เสี่ยท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา น่าจะเป็น “มิตรแท้” คนท้ายๆ ที่เหลืออยู่น้อยเต็มทีสำหรับ “บิ๊กตู่”

แต่ดูทรงแล้ว ยี่ห้อนี้แรงไม่ผ่อนเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่เห็นอารมณ์แบบที่ “บิ๊กตู่” วีนกลับชาวสวนที่จังหวัดสมุทรสงครามที่ขอให้ช่วยแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำได้ จะเลือกเป็นนายกฯรอบสาม

ไม่จำเป็น ไม่ชอบใจที่มาต่อรองกันแบบนี้

ท่านผู้นำมาดมั่นกับลีลาห้าวเป้ง ยังไม่อินกับบท “นักเลือกตั้งอาชีพ”.

ทีมข่าวการเมือง