“ธรรมนัส” จัดหนัก รับ “บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ลำปาง-พะเยา ทำ “ลุงใหญ่” ยิ้มร่า แถมคุกเข่าไหว้สวยมอบพวงมาลัย ประกาศชูนายกฯคนที่ 30 ฝากชีวิตการเมืองไว้ที่ “นายป้อม” คนเดียว พท.เปิดตัว 45 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เน้นทายาทลูกหลาน ส.ส.เก่า “กานต์กนิษฐ์” แจงเหตุย้ายวิกชูฟื้นฟูเศรษฐกิจ “เสรี” ยอมรับ ส.ว.แตก 2 ก๊ก แบ่งฝ่ายหนุน “2 ลุง” โต้ปมแก้วาระนายกฯ 8 ปีเอื้อ “ตู่” คนเดียว ยกถ้า “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯก็อยู่ยาวได้ ปชป.ซัดทำทดแทนบุญคุณ “กรณ์” แนะตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกฯดีกว่า นายกฯมอบคำขวัญวันครู “ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต” ยิ้มแก้มปริเด็ก 3 ขวบเชียร์สู้ๆ “น้องตะวัน-น้องอร” ขอถอนประกันประท้วง ม.112

ถึงคิว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินสายลงพื้นที่ จ.ลำปาง-พะเยา มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ขนทีมงานมารอต้อนรับ ประกาศชัดขอฝากชีวิตทางการเมืองไว้กับ “นายป้อม” พร้อมทั้งขึ้นป้ายเชียร์ “ลุงป้อม นายกฯคนต่อไป”

...

“บิ๊กป้อม” ยิ้มร่า “ธรรมนัส” รอรับ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่ท่าอากาศยานลำปาง อ.เมืองลำปาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ติดตามผลงานตามนโยบาย จ.ลำปาง และ จ.พะเยา มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย น.ส.ธนพร ศรีวิราช ภรรยา และ 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง พรรค พปชร. ได้แก่ นางระพีพรรณ โพธิ์ทอง นายจินดา วงศ์สวัสดิ์ นายดาชัย เอกปฐพี และนายสมเกียรติ ตันตระกูล และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่บางส่วน รอต้อนรับ สังเกตได้ชัดว่า พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้า พปชร. นายฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคร่วมคณะ

เชียร์ “ลุงป้อม” นายกฯคนต่อไป

ต่อมาที่ศาลากลาง จ.ลำปาง พล.อ.ประวิตรร่วมประชุมติดตามการขับเคลื่อนเรื่องที่ดินทำกิน และการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมมอบนโยบาย มี ผวจ.พะเยา ผวจ.ลำปาง และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรรู้สึกพอใจการแก้ปัญหา และขอให้ฝ่ายปกครอง ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมการรองรับการแก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และ PM 2.5 และแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน ต่อมา พล.อ.ประวิตรเดินทางไป อ.แม่เมาะ มอบหนังสืออนุญาตหรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในการทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าแม่โป่งกว่า 1,200 ไร่ และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในที่ดินแปลงรวม เยี่ยมชมนิทรรศการและสินค้าโอทอป มีประชาชนคอยถือป้ายเชียร์ให้กำลังใจ อาทิ “ลุงป้อมใจบันดาลแรง แซงทุกโพล” “ลุงป้อม นายกฯคนต่อไป” ขณะที่ พล.อ.ประวิตรสวมเสื้อพื้นเมือง มีชาวบ้านนำเสื้อชนเผ่ามาสวมให้พร้อมเข้าสวมกอด โดย พล.อ.ประวิตร ยิ้มอย่างอารมณ์ดี และถ่ายภาพรวมกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง

ขึ้นป้ายเน้นๆ “นายกรัฐมนตรี”

จากนั้นเวลา 14.10 น. พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่ตรวจโครงการขุดลอกกว๊านพะเยา อ.เมืองพะเยา ตลอดทางเข้างานมีการขึ้นป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ น่าสังเกตว่าที่เวทีเปิดงานที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง มีการขึ้นป้ายไวนิล สกรีนรูป พล.อ.ประวิตรและข้อความ “ชาวบ้านต๋อม ยินดีต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี” แต่ที่สะดุดตาคือตรงคำว่า “รอง” มีขนาดเล็กกว่าคำว่า “นายกรัฐมนตรี” ทำให้คำว่า “นายกรัฐมนตรี” ดูโดดเด่นกว่าเห็นได้ชัด บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้นำ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ได้แก่ นายจีระเดช ศรีวิลาศ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน และนายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก รวมถึงนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร.มารอต้อนรับ

“ผู้กอง” คุกเข่ามอบพวงมาลัย

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีเป็นประธานมอบเอกสารโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.4-01 แก่เกษตรกร ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวมอบนโยบายจบ ร.อ.ธรรมนัสและ ส.ส.ในกลุ่ม ได้ถือพวงมาลัยเดินขึ้นไปบนเวที คุกเข่ามอบพวงมาลัยและยกมือไหว้ พล.อ.ประวิตร นายวิรัชที่ทำหน้าที่เป็นโฆษกในงานกล่าวว่า “เวลานี้ลุงป้อมเปรียบเหมือนพ่อ วันนี้ลูกกลับมาบ้าน มาช่วยพาบ้านพลังประชารัฐให้เข้มแข็ง และแข็งแกร่งโดยเฉพาะ จ.พะเยายกทีม ขอให้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไว้เลยว่าลูกๆกลับมาบ้านแล้ว พ่อดีใจมากเลยครับ หุงข้าวไว้รอแล้ว”

ฝากชีวิตการเมืองไว้ที่ “นายป้อม”

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการกลับมาอยู่กับพรรค พปชร. ว่า “ให้ความเคารพรัก พล.อ.ประวิตรมาสม่ำเสมอ เพราะมีพระคุณกับผมกับพี่น้องผม ดังนั้นทุกอย่างชีวิตการเมืองเป็นเรื่องของบ้านของเมือง ก็ฝากนายป้อมแล้วว่าแล้วแต่ท่านตัดสินใจ ในชีวิตการเมืองผมเลือกไม่ได้ก็แล้วแต่ท่าน” เมื่อถามว่าหาก พล.อ.ประวิตรให้กลับมาพรรค พปชร. พร้อมจะมาใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า แล้วแต่ท่าน อยู่ที่ พล.อ.ประวิตรจะตัดสินใจ เมื่อถามย้ำว่าเรื่องนี้จะชัดเจนได้เมื่อไหร่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า “อีกไม่กี่วันน่าจะชัดเจน อาจจะก่อนหรือหลังประชุมใหญ่ พปชร. สักเล็กน้อย แต่ต้องก่อนวันที่ 7 ก.พ.”

ยกผู้นำพาชีวิตประชาชนดีขึ้น

เมื่อถามว่าชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ ที่จะชู พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯคนที่ 30 ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า สนับสนุน พล.อ.ประวิตรเมื่อถามย้ำว่าที่ระบุกับประชาชนว่าวันนี้พาว่าที่นายกฯคนที่ 30 มาพบชาวพะเยา อยากให้พูดเต็มปากกับสื่ออีกครั้ง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า มั่นใจด้วยบุคลิกและนิสัยใจคอของ พล.อ.ประวิตรคือผู้นำที่นำพาพี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรื่องเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ

พท.เปิดตัว 45 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงาน ด้านการเมืองพื้นที่ กทม. ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ภาคเหนือ กทม. อีสาน กลาง และใต้ นพ.ชลน่านกล่าวว่า วันนี้พรรคเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 45 คน จะประกาศตัวให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้หรือไม่เกินต้นเดือน ก.พ. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของเราเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนคัดเลือก เป็นกลยุทธ์หลักของพรรคและผู้สมัครก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเรา

เปลี่ยนรุ่นสู่รุ่นคนตระกูลดังๆ

นายประเสริฐกล่าวว่า ภาคอีสาน ได้แก่ จ.กาฬสินธุ์ นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล นายพีระเพชร ศิริกุล นายประเสริฐ บุญเรือง จ.ขอนแก่น น.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข น.ส.วิภาณี ภูคำวงศ์ จ.นครพนม นายไพจิต ศรีวรขาน นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ จ.บึงกาฬ น.ส.ภัทรพร ราชป้องขันธ์ นายไตรรงค์ ติธรรม จ.มุกดาหาร นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์ จ.สกลนคร น.ส.จิรัชยา สัพโส และ น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล จ.หนองบัวลำภู นายณพล เชยคำแหง จ.อุดรธานี นายศราวุธ เพชรพนมพร นายอนันต์ ศรีพันธุ์ นายขจิตร ชัยนิคม นายกรวีร์ สาราคำ นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ นายธีระชัย แสนแก้ว นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม นางเทียบจุฑา ขาวขำ นายวัชรพล ขาวขำ จ.มหาสารคาม นายรัฐ คลังแสง ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช น.ส.ปรมาภรณ์ บริบูรณ์ จ.ยะลา นายอิสกานดา สาแม ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา นายจิรทัศ ไกรเดชา นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ จ.นครปฐม น.ส.ธนัญญา พันธุ์การรุ่ง นายทรงพล ชูศิลป์กุล นายวินัย วิจิตรโสภณ นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว นายธนกร เชาวนเมธา จ.ระยอง นายพเนตร วงษ์ไพศาล นายภีมเดช อมรสุคนธ์ นายชัยณรงค์ สันทัสนะโชค นายวิเชียร สุขเกิด นายวิชัย ล้ำสุทธิ จ.นนทบุรี นายนพดล แก้วสุพัฒน์

เน้นทายาทลูกหลาน ส.ส.เก่า

เป็นที่น่าสังเกตว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลายคนเป็นทายาทอดีต ส.ส. อาทิ นายรัฐ คลังแสง บุตรชายนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม น.ส.จิรัชยา สัพโส ลูกสาวนายพัฒนา สัพโส น.ส.วงศ์อะเคื้อ บุญศล ลูกสาวนางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร น.ส.ภัทรพร ราชป้องขันธ์ ลูกสาว นายเชิดพงษ์ ราชป้องขันธ์ ส.ส.บึงกาฬ นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์ ลูกชายนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร นายกรวีร์ สาราคำ บุตรชายนางอาภรณ์ สาราคำ นายวัชรพล ขาวขำ บุตรชายนางเทียบจุฑา ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี ขณะที่นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ที่มีข่าวว่าจะย้ายพรรคก็มาเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครในนามพรรค พท.ต่อไป รวมถึงมีกลุ่มที่ย้ายมาจากพรรคอื่น อาทิ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ อดีต ส.ส.กทม. พรรค พปชร. อดีตภรรยานายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส นายภัทร ภมรมนตรี หลานชายนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ที่ย้ายมาจากพรรคไทยสร้างไทย

“กานต์กนิษฐ์” ชูฟื้นฟูเศรษฐกิจ

น.ส.กานต์กนิษฐ์กล่าวว่า เลือกมาอยู่กับพรรคที่ทำงานแล้วสบายใจ มองว่าที่พื้นที่ กทม. เขต 1 เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ มีพ่อค้าแม่ค้าทำธุรกิจค้าขายจำนวนมาก นโยบายของพรรค พท.ให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ เชื่อว่าจะช่วยพี่น้องประชาชนได้ การย้ายมาอยู่พรรค พท.อาจทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่รู้สึกสับสน แต่จะพยายามทำความเข้าใจและชี้แจงแนวทางที่ตัดสินใจมา และ พล.อ.ประวิตรทราบเรื่องที่ตนย้ายมาอยู่พรรค พท.แล้ว ไม่ได้ว่าอะไร ยืนยันจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ เพราะเป็นนักการเมืองมานาน ที่ผ่านมาทำงานพื้นที่ตลอดขอให้ประชาชนมั่นใจ เมื่อถามว่าการย้ายพรรคครั้งนี้แสดงว่าพรรค พปชร.มีปัญหาหรือไม่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ตอบว่า ในพรรค พปชร.น่ารักทุกคน แต่เป็นเรื่องของนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน ยืนยันทุกคนยังเป็นเพื่อนพูดคุยกันได้จะไม่มีการเชิญใครในพรรค พปชร.มาอยู่กับพรรค พท.อีก

ปชป. เข็น “ธนธัส” แทน “เจ๊หอย”

วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวนายธนธัส ขุนนุช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม แทน น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ที่เตรียม ย้ายไปอยู่พรรค รทสช. สำหรับนายธนธัสเคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองสมุทรสงคราม และรองนายก อบจ.สมุทรสงคราม ทั้งยังเคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคเพื่อชาติมาก่อน ทำงานในพื้นที่มาต่อเนื่อง

“สันติ” ไขก๊อกเก้าอี้บริหาร สอท.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ว่า ช่วงเช้าวันที่ 16 ม.ค. นายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรค และประธานนโยบายพรรค สอท. เข้ายื่นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือต่อนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เหรัญญิก และประธานคณะกรรมการนโยบาย มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. จากนั้นนายสันติได้โพสต์หนังสือลาออกลงเฟซบุ๊ก พร้อม เปิดเผยว่า ขอลาออกจากตำแหน่งบริหารทุกตำแหน่ง แต่ยืนยันยังทำงานอยู่กับพรรค สอท. ไม่ใช่การตัดสินใจกะทันหัน ได้ใช้เวลาคิดอยู่พอสมควร ยืนยันว่าไม่มีอะไรน้อยใจ รวมถึงกระแสข่าวการควบรวมพรรค มองว่าถ้ามีเวลาซัก 6 เดือนตามที่กฎหมายกำหนด ยังสามารถเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ถ้ามีเวลาน้อยการรวมพรรคแบบนี้คงต้องเป็นในรูปแบบอื่น

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค สอท. กล่าวว่า เคารพในดุลพินิจและการตัดสินใจของนายสันติ รู้สึกเสียดายแต่ก็เคารพในการตัดสินใจ จากการพูดคุยกันนายสันติแจ้งว่ายังทำงานร่วมกับพรรคต่อไปได้ เราทุกคนยังคงเดินหน้าทำงานการเมืองต่อเนื่องไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง

ชพก.จี้ยกเลิก “แบล็กลิสต์”

ที่พรรคชาติพัฒนากล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) พร้อมนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดแรก “ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ” นายกรณ์กล่าวว่า วันนี้นำผู้ติด แบล็กลิสต์กว่า 10 ชีวิต มาร่วมแถลงด้วย ได้ต่อสู้กับเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2552 สมัยเป็น รมว.คลัง ด้วยนโยบายแก้หนี้นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 5 แสนราย แต่เรื่องหนี้สินยังเป็นปัญหาเรื้อรังมาตลอด จึงออกนโยบายด้วยการเสนอให้รื้อระบบเก็บข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโรยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ใช้ระบบ Credit Scoring หรือวิธีประเมินสินเชื่อตามจริงแทน นโยบายนี้ไม่ต้องใช้ภาษีเพิ่ม อาศัยเทคโนโลยีและข้อมูลที่เป็นธรรมในการปล่อยกู้ ให้ประชาชนกลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง

บีบคนทำกินเป็นหนี้นอกระบบ

นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ไม่มีนักรบใดไม่มีบาดแผล คนทำธุรกิจกับการขอสินเชื่อเป็นเรื่องคู่กัน แต่ระบบการจัดเก็บข้อมูลเครดิตบ้านเรากลับไม่ยุติธรรม คนตัวเล็กทำมาหากินมีรอยบาดแผลติดแบล็กลิสต์ แม้หาเงินกลับมาใช้หนี้ได้ สถานะการเงินกลับมาปกติแล้ว ก็ยังไม่สามารถกลับมากู้สินเชื่อปกติหรือสินเชื่อธุรกิจได้ ต้องไปหมุนใช้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโน ที่ดอกเบี้ยสูงมาก ตั้งแต่ร้อยละ 16-33 ต่อปี บางรายต้องไปยืมหนี้นอกระบบ ซึ่งดอกเบี้ยโหดกว่าหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นความผิดปกติที่สุด ที่ผลักให้คนไทยต้องเข้าสู่ระบบสินเชื่อที่ดอกเบี้ยสูงเกินจริง เป็นความอยุติธรรมในระบบปล่อยสินเชื่อ ทุกวันนี้เห็นธนาคารพาณิชย์ไปจับมือกับแอปพลิเคชันสีเขียว แอปพลิเคชันสีส้ม ปล่อยสินเชื่อได้แล้ว แต่กฎหมายข้อมูลเครดิตกลับล้าสมัย

“เสรี” ยอมรับ ส.ว.แตกเป็น 2 ก๊ก

ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกระแสข่าวการแบ่งฝั่งของ ส.ว. เลือกหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ว่า ยอมรับ ส.ว.แบ่งเป็น 2 ฝั่งจริง ส.ว.ชุดนี้มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใน คสช. มีผู้ใหญ่หลายคน ดังนั้นการเสนอชื่อเลือกนายกฯไม่ได้มาจากคนคนเดียว ขณะนี้อาจมีแนวทางความเห็นหลายกลุ่ม แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดจะมีเสียงแตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรวมส่วนใหญ่ ส.ว.ต้องเอาประเทศ ประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง การเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการแข่งขันกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตร เพราะแยกพรรคกันแล้ว แต่เป็นการแข่งกันทำงาน

ปัดแก้วาระ 8 ปี เอื้อ “ตู่” คนเดียว

นายเสรีกล่าวต่อว่า การประชุม กมธ. วันที่ 17 ม.ค. มีวาระพิจารณารายงานการปฏิรูปประเทศ และรายงานสถาบันพระปกเกล้า เรื่องการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งประเด็นการแก้มาตรา 158 เรื่องวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ มาตรา 159 เรื่องคุณสมบัติของนายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. และมาตรา 272 เกี่ยวกับยกเลิก ส.ว.ร่วมโหวตนายกฯ ตลอดจนการแก้ปัญหาองค์ประชุมสภาล่ม กมธ.จะศึกษาทุกประเด็นอย่างรอบด้าน ก่อนเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ยืนยันการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เจาะจงเอื้อประโยชน์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพียงผู้เดียว เป็นเพียงประเด็นศึกษาเพื่อแสดงความเห็นการวิพากษ์ วิจารณ์จากนักการเมืองและประชาชน ยังไม่เสนอแก้รัฐธรรมนูญเวลานี้ เพราะมีขั้นตอนตามเงื่อนไข มีเสียง ส.ว.เห็นชอบ 1 ใน 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้านเห็นด้วยร้อยละ 20

ยก “อุ๊งอิ๊ง” ก็เป็นนายกฯยาวได้

นายเสรีกล่าวว่า เชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯและคุณสมบัตินายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. ตามร่างแก้ของพรรคเพื่อไทยนั้น จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา เพราะยังมีความเห็นไม่ตรงกัน เป็นประเด็นหาเสียงของพรรคการเมืองสร้างความด่างพร้อยให้วุฒิสภา และรัฐบาล ส่วนการแก้วาระ 8 ปีนายกฯ พรรคใดจะนำไปหาเสียงก็ได้ เพราะสุดท้ายประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกไม่ห่วงว่า ส.ว.จะถูกมองเป็นส่วนหนึ่งกลยุทธ์หาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันส.ว.ทำตามหน้าที่ ไม่ใช่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ประโยชน์คนเดียว หาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ ก็เป็นยาวเช่นกัน การเลือกตั้งครั้งหน้ายังไม่รู้ว่าพรรคใดจะได้เท่าไร พรรคของ พล.อ.ประยุทธ์จะได้ ส.ส.กี่คนก็ไม่รู้ จะไปกังวลทำไม กังวลเท่ากับว่ากลัว หรือคิดจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอด เดิมหลักการกำหนดวาระนายกฯ 8 ปี เพื่อไม่ให้เป็นนานเกินไป แต่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2550 เห็นว่าการกำหนดเช่นนี้ หากมีคนดีมีความสามารถมีความรู้ เป็นต่อได้ ก็ถูกจำกัดสิทธิ จึงควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

“กรณ์” ชงตัดอำนาจ ส.ว.ดีกว่า

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ประชาชนได้รับข้อสรุปเรื่องวาระนายกฯ 8 ปี จากศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ทุกอย่างควรเดินหน้าตามกติกาสู่การเลือกตั้ง หลังจากนั้นหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นสำคัญที่ควรแก้ไขคือการยกเลิกอำนาจ ส.ว.แต่งตั้งเลือกนายก รัฐมนตรี ให้เป็นหน้าที่ของตัวแทนประชาชนเป็นผู้เลือก เพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ทางพรรคได้นำเสนอมาหลายปีแล้วแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข รวมถึงการแก้ไขเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน ที่มาขององค์กรอิสระที่มาจาก ส.ว.แต่งตั้ง จึงควรแก้ไขให้ตัวแทนประชาชนมีส่วนร่วม

“ชลน่าน” หวั่น “บิ๊กตู่” ชิงยุบหนี

อีกเรื่อง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมอภิปรายตามมาตรา 152 ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป ถือว่านานเกินไป ประธานสภาฯก็เห็นด้วยว่าควรเปิดอภิปรายไม่เกิน 1 เดือนหลังเสนอญัตติไปแล้ว เพราะอภิปรายครั้งสุดท้าย เราจะทำอะไรให้ประชาชนเห็นเราจะถอดหน้ากากคนดีให้เห็นว่าคนดีคิดอะไร ก่อนประชาชนลงมติเลือกตั้ง เมื่อถามว่ากลัวรัฐบาลชิงยุบสภาฯก่อนหรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า วิตกพอสมควร เพราะช่วงกำหนดวันอภิปรายทิ้งเวลาเนิ่นนาน เกรงว่าจะหนีอภิปราย และมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะยุบสภาฯก่อน 15 ก.พ.จริงหรือไม่ต้องติดตาม โดยเฉพาะหลังวันที่ 6 ก.พ.โอกาสยุบสภาฯมีสูง แต่ถ้าช่วงนั้น ส.ส.ลาออกเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือย้ายพรรค โอกาสอยู่ครบเทอมเป็นไปได้สูง หากนายกฯหนีสภาฯ เชื่อว่าประชาชนจะไปพิพากษาในคูหาเลือกตั้ง ถ้าไม่หนีอาจได้คะแนนก็ได้

ครูปลื้มนายกฯมีมันสมอง

ที่หอประชุมคุรุสภาเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานงานวันครู ครั้งที่ 67 ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “พลังครู คือหัวใจของการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษา” พร้อมมอบคำขวัญว่า “ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต” และทำพิธีคารวะ พล.อ.เกษม นภาสวัสดิ์ ครูอาวุโสเคยสอนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จากนั้นมอบรางวัลแก่ผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2566 และรางวัลคุรุสภา ประจำปี 2565 “ระดับดีเด่น” รวม 17 ราย พล.อ.เกษมกล่าวว่า นายกฯเป็นรุ่นน้องเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันมา ประทับใจเป็นทหารที่ดีเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย นายกฯจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ คำว่าลูกศิษย์รักลูกอย่างไรก็รักลูกศิษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะนายกฯมีแต่ความปรารถนาดี ท่านเป็นคนมีมันสมองใช้ได้ มีลักษณะผู้นำที่ดี นายกฯเป็นภารกิจที่หนักพอสมควรเห็นใจจริงๆทำได้ขนาดนี้ จะไม่ให้ภูมิใจได้อย่างไร

“บิ๊กตู่” ขอชั่งใจเลือกตั้งให้ดี

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานวันครูว่า เชื่อมั่นพลังของครูทุกคนเป็นหัวใจนำการเปลี่ยน แปลงคุณภาพการศึกษา สร้างพัฒนาคนเพื่ออนาคต เป็นผู้นำสร้างแรงบันดาลใจทัศนคติที่ดีต่อเด็กนักเรียน ต้องนำการเรียนรู้กระตุ้นสร้างแรงบันดาลใจ สร้างทัศนคติที่ดีอย่าทำอะไรที่ไม่ดี นำไปสู่ความเปลี่ยน แปลงที่ดี ยืนยันทุกอย่างต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทั้งสิ้นไม่มีละเว้นใคร อย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน แค่ทำความดีทำเพื่อคนอื่นบ้าง ไม่เอาเปรียบทำให้ใครเดือดร้อน จะทำให้ประเทศไทยสงบสุข รักหวงแหนแผ่นดินเกิดประเทศชาติ ประวัติศาสตร์ไม่ให้เรียนเพื่อขัดแย้ง การเลือกตั้งขอให้ทุกคนคิดใคร่ครวญให้ดี

ยิ้มแก้มปริเด็ก 3 ขวบเชียร์สู้ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์เดินไปขึ้นรถกลับ ได้อุ้ม “น้องปรีม” ด.ญ.สรินทร์ธยา จินดามุกข์ อายุ 3 ขวบ ลูกเจ้าหน้าที่คุรุสภา พร้อมกับกล่าวว่า “ที่ทำงาน ก็เพื่อพวกเขา เราทำเพื่อคนเหล่านี้ ในวันข้างหน้าเขาโตมา บ้านเมืองเราก็ทำงานให้พวกเขา” ก่อนส่งน้องปรีมกลับให้กับคุณพ่อไปอุ้มแล้วชมว่า“น้องปรีมน่ารัก ลูกของลุงก็โตหมดแล้ว” ปรากฏว่า “น้องปรีม” ได้พูดขึ้นว่า “สู้ๆ” ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้มแก้มปริและกล่าวย้ำว่า “สู้ๆ คนไทยต้องช่วยกันเพื่อประเทศชาติ” และทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟและโบกมือให้ ก่อนก้าวขึ้นรถไป

เลื่อนคดี “ชวน” หมิ่น “ทักษิณ”

ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ และประธานสภา เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากรณีวันที่ 23 ต.ค.2555 ไปบรรยายเรื่องโรงเรียนการเมือง ที่โรงแรมรามาดาพลาซ่า ริเวอร์ไซด์ หมิ่นประมาทนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเกี่ยวกับนโยบายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยศาลเลื่อนนัดวันตรวจหลักฐาน และกำหนดวันสืบพยาน ตามที่จำเลยร้องขอเลื่อนนัดว่า จำเลยเป็นประธานสภาพระปกเกล้าติดภารกิจประชุมของสภาสถาบันพระปกเกล้าไม่ได้มาศาล ศาลอนุญาตเลื่อนนัดเป็นวันที่ 13 ก.พ.เวลา 13.30 น.

ขอถอนประกันประท้วง ม.112

เวลา 13.00 น. ที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ 2 เยาวชนที่อยู่ระหว่างการประกันตัวในคดีมาตรา 112 เข้ายื่นคำร้องต่อศาล ขอถอนประกันตัวเองในคดี โดยอ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาเรียกร้องปฏิรูปกระบวน การยุติธรรม ยุติการดำเนินคดีทางการเมืองต่อประ ชาชน และให้ทุกพรรคการเมืองเสนอนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพทางการเมืองให้แก่ประชาชน ยกเลิกมาตรา 112 และมาตรา 116 จากนั้นได้นำสีแดงมาราดบนตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในเวลาต่อมาศาลรับคำร้องขอถอนประกันตัวเองของทั้งคู่ สั่งปลดกำไล EM แล้วให้ส่งตัวเข้าเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลางตามที่ต้องการ

“พิธา” วอนเปิดใจมองอนาคตชาติ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะนายประกันผู้กำกับดูแล เคารพการตัดสินใจของ น.ส.ทานตะวัน ตามเหตุผลที่พวกเราพร้อมแลกอิสรภาพจอมปลอมที่ศาลมอบให้ เพื่ออิสรภาพที่แท้จริง คดีการเมืองเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ทำให้ความขัดแย้งไม่มีทางออก การใช้มาตรา 112 อย่างนี้ยิ่งสร้างความแตกร้าวระหว่างประชาชนกับสถาบันมากขึ้น นี่คือปัญหาแรกๆที่รัฐบาลหน้าต้องแก้ คือยุติการดำเนินคดีการเมือง และนิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมือง คืนความยุติธรรม สภาฯควรแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายความมั่นคงหลายฉบับ รวมทั้งมาตรา 112 ขอให้ตั้งสติใหม่ เปิดใจปรับมุมมองลงมือหาทางออกของประเทศไปด้วยกัน ถ้ามองเพียงแค่ว่าผู้เป็นอนาคตของชาติเหล่านั้นเป็นภัยต่อความมั่นคง คุกคามสถาบัน ประเทศจะไม่มีทางออก เพราะพวกเราช่วยกันฆ่าอนาคตของประเทศด้วยมือของพวกเราเองแล้ว