นักเลือกตั้งได้เฮถ้วนหน้าศาล รธน.ชี้ขาด พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 25-26 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ฉลุยสูตรปาร์ตี้ ลิสต์หารด้วย 100 “ระวี” ดิ้นหนีตายชวนพรรคเล็กควบรวม “สุทิน” ชี้คนการเมืองโล่งอกได้เลือกตั้งแน่ พปชร.น้อมรับ สูตรหาร 100 ดัน “ลุงป้อม” ผู้นำตั้งรัฐบาล “ธนาธร” เชื่อก้าวไกลพร้อมสู้ทุกสูตร “บิ๊กตู่” ทำฮือฮา ปรับ ครม. ปูนบำเหน็จอดีตโทรโข่ง “ธนกร” ขึ้นชั้น รมต.ยอมเกลี่ยโควตาให้กลุ่มปากน้ำ ตั้ง “สุนทร” รมช.เกษตรฯตามคำขอ “พี่ใหญ่” “นิพิฏฐ์” สยบข่าว โผซบ พปชร. วันนี้ยังอยู่ สอท. บ้านใหญ่ปากน้ำขอยืนข้าง “บิ๊กป้อม” “บิ๊กตู่” ให้ ส.ส.รอยุบสภาไป ยาวๆ ขนคณะลุยเชียงราย เจอลุงวัย 66 พกปืนปากการอรับ พท.ฉะ “ตู่” ปรับ ครม.โชว์พลังดูด อสส.แจงไม่ฟ้อง “ธนาธร” ถือหุ้นสื่อ แต่ฟ้อง ม.116 แกนนำคณะก้าวหน้า
ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ตราขึ้นโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 ว่าร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 26 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 93-94 เป็นอันว่ากติกาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และใช้สูตรหารด้วย 100
ศาลฯชี้ขาด พ.ร.ป.ไม่ขัด รธน.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 พ.ย.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยเเพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณากรณีประธานรัฐสภา ส่งความเห็นของ ส.ส.และ ส.ว. 105 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 132 ว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 25 และมาตรา 26 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 หรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 132 และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 25 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 93 และมาตรา 94 และมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 26 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94
...
ฉลุยสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100
สำหรับประเด็นที่ผู้ร้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในประเด็นเกี่ยวกับสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ใช้จำนวน 100 คน หาค่าเฉลี่ย ส.ส.พึงมี เป็นต้น และสำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะแจ้งผลการวินิจฉัยกรณีดังกล่าวให้ประธานรัฐสภาได้รับทราบ และประธานรัฐสภาจะส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้นายกฯเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯตามขั้นตอนต่อไป
“ระวี” ชวนพรรคเล็กดิ้นหนีตาย
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า คงไม่ยื่นคัดค้านใดๆอีก ถือว่าจบแล้ว เอาเวลาไปเตรียมตัวเลือกตั้งครั้งหน้า ระยะเวลาโปรดเกล้าฯน่าจะอยู่ในเดือน ธ.ค.2565-ม.ค.2566 เชื่อว่าระหว่างนี้ยังไม่มีการยุบสภา เพราะไม่มีกฎหมายลูกรับรองการเลือกตั้ง แต่เมื่อโปรดเกล้าฯลงมาอาจยุบสภาเดือน ก.พ.2566 สถานการณ์การเมืองในการเลือกตั้งพรรคเล็กหลายพรรคสูญพันธุ์ พรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับ 1 ได้ ส.ส.บวกลบ 200 คน ทิ้งอันดับ 2 ไม่เห็นฝุ่นโอกาสได้เป็นรัฐบาลสูง อาจดึงพรรครัฐบาลปัจจุบันร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า ส่วนพรรคพลังธรรมใหม่จะสร้างพรรคแบบพรรคอัมโน พรรคเล็กจะควบรวมกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย เบื้องต้นพรรคเล็กได้คุยกันประมาณ 20 พรรค มีทั้งพรรคที่มี ส.ส.และไม่มี ส.ส. มาร่วมอุดมการณ์กัน คาดว่าประมาณ 15 วัน จะมีความชัดเจน หากไม่มีพรรคใดร่วม พรรคพลังธรรมใหม่จะยืนหยัดสู้พรรคเดียว
“สุทิน” ชี้คนการเมืองโล่งอก
นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระบวนการพิจารณาที่สภาดำเนินการมาเป็นขั้นเป็นตอนที่เดินมาถูกทางแล้ว เชื่อว่าทุกคนโล่งอกบ้านเมืองจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ถ้ามีการเลือกตั้งก็ถือเป็นทางออกที่ดีกับประเทศ ส่วนที่มีกลุ่มการเมืองตั้งข้อกังวลว่าพรรคไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบไม่อยากให้เสียเวลาคิด การได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองอยู่ที่ว่าพรรคไหนทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจ ก็เป็นพรรคที่ได้เปรียบ เรื่องกติกาเป็นเพียงปัจจัยเล็กไม่มีผลต่อการเลือกตั้งเท่ากับการวางตัวของพรรคการเมือง ดังนั้นเมื่อทุกคนโล่งอกแล้วก็ขอให้เดินหน้าสร้างนโยบายดีเสนอประชาชนต่อไป
พปชร.น้อมรับสูตรหารด้วย 100
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพปชร. กล่าวว่า พปชร.สนับสนุนร่างฯนี้อยู่แล้ว เป็นไปตามแผนเดิมการเลือกตั้งจะได้เดินหน้า ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปตามระบบที่ถูกต้อง ถือเป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องได้เปรียบหรือเสียเปรียบ พปชร.เตรียมพร้อมเลือกตั้ง ส่งผู้สมัครครบ 400 เขต เชื่อว่า ตามบริบทการเมืองได้กลับมาเป็นรัฐบาลแน่นอน และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้า พปชร.จะเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามต่อว่าแคนดิเดตนายกฯจะเป็นใคร นายไพบูลย์ตอบว่า ส่วนตัวเสนอ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียว เชื่อว่า มีความเหมาะสมจากการนั่งรักษาการนายกฯ สามารถประสานงานได้กับทุกฝ่าย ให้คนฝ่ายต่างๆมาร่วมทำงานกัน เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ไม่ขัดแย้งกับฝ่ายใด “ผมมั่นใจว่าท่านจะเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน”
“ธนาธร” เชื่อ ก.ก.พร้อมสู้ทุกสูตร
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า เชื่อว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและสมาชิกพรรคทุกคนพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่ากฎกติกาเป็นแบบไหน เราพร้อม เชื่อว่า ผลงานตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ในสภา และผลงานของคณะก้าวหน้าในการเมืองท้องถิ่น ประชาชนได้เห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้แล้วจะกลับมาเป็นคะแนนสนับสนุนพวกเรา ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่แยกกันเดินอยู่คนละพรรคนั้น ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยังอยู่หรือไม่ ระบอบประยุทธ์ยังอยู่กับเรา เราพร้อมรับทุกสถานการณ์
“ธนกร” ขึ้นชั้น รมต.สำนักนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี มีเนื้อหาสรุปว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิร เกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุนทร ปานแสงทอง เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายนริศ ขำนุรักษ์ เป็น รมช.มหาดไทย ประ กาศ ณ วันที่ 30 พ.ย. ทั้งนี้นายกฯ จะนำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในวันที่ 1 ธ.ค.
แจ้ง 3 รมต.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งไปยังผู้ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี 3 ราย ให้เดินทางมาพร้อมเพรียงกันที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 15.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. เพื่อถ่ายภาพติดบัตรประจำตัวคณะรัฐมนตรี ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะนำรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมดเดินทางเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
กลุ่มปากน้ำได้เก้าอี้ตามสัญญา
สำหรับนายสุนทร ว่าที่ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นโควตากลุ่มปากน้ำ พรรคพลังประชารัฐ และเป็นชื่อที่กลุ่มปากน้ำเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ พล.อ.ประวิตรรับปากว่าถ้ามีการปรับ ครม.เมื่อไหร่จะเสนอชื่อ และนายสุนทรถือว่าเป็นลูกหม้อของกลุ่มปากน้ำ ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยนายวัฒนา อัศวเหม จนมาถึงนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ไม่หนีไปไหน
“สุนทร” ขอบคุณ “ป้อม–ตู่” ที่ไว้ใจ
นายสุนทร ปานแสงทอง ว่าที่ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ทำงานการเมืองมานานกว่า 40 ปี ตั้งแต่เป็นผู้ช่วย ส.ส.ให้นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย จนมาลงเล่นการเมืองท้องถิ่น การมารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลุ่มสมุทรปราการ ก้าวหน้า เห็นสอดคล้องให้มาทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อชาว สมุทรปราการ ได้ลาออกจากรองนายก อบจ.สมุทร ปราการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. หลังจากนี้จะเข้าไปกราบขอบคุณพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ให้ความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง ยืนยันจะทำงานให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจ และต้องขอบคุณนายกฯด้วย
“บิ๊กป้อม” นิ่ง “นิพิฏฐ์” ซบ พปชร.
ที่ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี 2565 (Thailand Smart City Expo 2022) แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์หลังการเปิดงาน เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกระแสข่าวนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย จะย้ายมาพรรคพลังประชารัฐ และกรณี ส.ส.พลังประชารัฐภาคใต้ ชูกลยุทธ์หาเสียง “รักตู่ อยู่กับป้อม” ว่าสบายใจขึ้นหรือไม่ แต่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบได้แต่ยิ้มให้ผู้สื่อข่าว
เจ้าตัวโพสต์ปริศนาหลังมีข่าวหึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวันที่ 28 พ.ย. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และประธานภาคใต้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังมีกระแสข่าวสะพัดจะย้ายไปเสริมทีมภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐว่า “อุดมการณ์ที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ จะนำมาซึ่งความขัดแย้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” ขณะที่นายนิพิฏฐ์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าจะย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐว่า ยังไม่มี และไม่รู้ว่าข่าวออกมาจากไหน “วันนี้ ผมยังอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย”
กลุ่มปากน้ำยืนข้าง “ลุงป้อม”
นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. กล่าวว่า จุดยืน ส.ส.กลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้าทั้ง 6 คน ส่วน น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ ส.ส.สมุทร ปราการ ไม่ได้อยู่กับเราตั้งแต่แรก เขาอยู่ตรงข้ามในฝั่งการเมืองท้องถิ่น ปัจจุบันไปกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน จุดยืนทั้ง 6 คน ชัดเจนเลือกอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรเมตตาพวกเรามาก ทั้งที่ไม่เคยเรียกร้องตำแหน่งและ พล.อ.ประวิตรลุยลงพื้นที่สมุทรปราการตลอด และพวกเราไม่ได้ใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มากเท่า พล.อ.ประวิตร แต่ไม่เคยมีปัญหากับผู้ใหญ่เคารพนายกฯเช่นกัน แต่ในแง่การทำงาน พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค เราเป็น ส.ส.ในกลุ่มเดียวกันที่ทำงานเหนียวแน่น
สามมิตรยังไม่ตัดสินใจไปไหน
ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวถึงจุดยืนทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรว่า ยังไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรจะไปกันอย่างไร ยังไม่ทราบจริงๆ ยังไม่ตัดสินใจใดๆในเรื่องนี้ไม่มีการพูดคุยกัน คอยดูไป เมื่อถามว่าต้องรอ 2 ป. ชัดเจนก่อนหรือไม่ ถึงจะบอกอนาคตทางการเมืองได้ นายอนุชาตอบว่า ต้องชัดเจนหลายอย่าง ขณะนี้คิดว่ายังไม่มีอะไรเป็นปัญหาที่ต้องคิดและรีบตัดสินใจ เมื่อถามว่าหากถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจมีคำตอบแล้วหรือยัง นายอนุชาตอบว่า ยังไม่เห็นว่าเรื่องนี้มีปัญหาอะไร และยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ตัดสินใจ
“ชัยวุฒิ” ชี้ถ้าประชาชนหนุนก็ไหว
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้า พปชร. กล่าวว่า ยืนยันยังอยู่กับพลังประชารัฐ ส่วนทิศทางวันข้างหน้าจะไปอยู่ที่ไหนยังไม่รู้ ส่วนใครจะตัดสินใจอยู่หรือไป เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน เป็นเรื่องปกติทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย พปชร.ยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐไปต่อไหวไหม เพราะแกนนำคนสำคัญหลายคนทยอยลาออก นายชัยวุฒิถามกลับว่า “เพราะอะไรถึงจะไม่ไหว จะไหวไม่ไหวขึ้นอยู่กับประชาชนต้องไปถามชาวบ้าน ถ้าประชาชนยังสนับสนุนก็คือไหว”
“บิ๊กตู่” ให้ ส.ส.รอยุบสภาไปก่อน
เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2565 “DG Awards 2022” หลังเสร็จพิธีระหว่างเดินกลับไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ได้เดินพูดคุยมากับนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ มาตลอดทาง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปรับ ครม.ในช่วงนี้แสดงว่าจะอยู่ครบเทอม ทำงานให้เต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หยุดฟังพร้อมหันมาตอบว่า “ก็เต็มที่อยู่แล้วนะจ๊ะ ทุกวันนี้ก็ทำงานเต็มที่อยู่แล้วไง” เมื่อถามย้ำว่าจะอยู่จนครบวาระเลยใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่าก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เมื่อถามต่อว่า ส.ส.กำลังรออยู่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ก็รอ รอไปก่อนแล้วกัน”
โชว์สเต็ปขับรถเกี่ยวข้าวเชียงราย
ต่อมาเวลา 12.45 น. ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงราย มีนายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ แกนนำกลุ่มภาคเหนือตอนล่างพปชร. ที่มีกระแสข่าวเตรียมย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ และตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ประชาชนในพื้นที่รอต้อนรับ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปยังบ้านเชียงคาน ต.สถาน อ.เชียงของ เป็นประธานในงาน “เกี่ยวข้าวรักษ์โลก” พร้อมติดตามผลดำเนินงานโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model นำร่อง ระยะที่ 1 ก่อนร่วมพบปะพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกร และเสวนาหัวข้อ “การปฏิวัติการทำนาสู่ความยั่งยืน” ทั้งนี้ นายกฯขับรถเกี่ยวข้าวในแปลงนาด้วยตัวเอง 1 รอบ ก่อนลงมาพูดคุยให้กำลังใจกับกลุ่มชาวนายุคใหม่อย่างอารมณ์ดี
รวบลุงวัย 66 พกปืนปากการอรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณสระน้ำบ้านเชียงคาน ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินมาถึงเพื่อร่วมเสวนาฯ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และหน่วยตรวจสอบวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัย (EOD) ได้ทำการควบคุมตัวนายวิชาญ กาวีวงค์ อายุ 66 ปี ชาวตำบลสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรองประธานศูนย์ข้าวชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากตรวจยึดอาวุธปืนปากกาไทยประดิษฐ์ และลูกกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 6 นัด กระสุนไม่ทราบขนาดอีก 1 นัด โดยถูกตรวจพบและควบคุมตัวขณะซุกซ่อนอาวุธปืนไว้ขณะเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธ
“เสธ.หิ” โผล่ขนาบข้าง “เฮ้ง”
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปตรวจเยี่ยม รพ.วัดห้วยปลากั้งเพื่อสังคม วัดห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย กราบนมัสการและถวายเครื่องปัจจัยไทยธรรม พระอาจารย์พบโชค เจ้าอาวาสฯ นำเดินชมอาคารของ รพ. มีนายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ “เสธ.หิ” มารอต้อนรับ และพูดคุยกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ตลอดการปฏิบัติภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้รถโตโยต้า อัลฟาร์ด สีขาวทะเบียน กล 9933 เชียงราย เป็นพาหนะ กระทั่งเวลา 17.30 น. นายกฯถึงเดินทางกลับ
“อุ๊งอิ๊ง” นำโด่งอีสานโพล
ขณะที่อีสานโพล ของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ขอนแก่น (มข.) เปิดผลสำรวจเรื่องคนอีสานกับการเลือกตั้งครั้งหน้า นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการสำรวจอีสานโพล มข. กล่าวว่า ผลสำรวจมีกลุ่มตัวอย่างคนอีสานส่วนใหญ่ คาดว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ครบวาระ 4 ปี และชอบระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ มากกว่า 1 ใบ เชื่อว่าหากกฎหมายเลือกตั้งไม่พร้อม มีโอกาสสูงที่การเลือกตั้งจะถูกยืดเวลาออกไป ทั้งนี้ มีพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนน นิยม 5 อันดับแรก คือ พรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ไทยสร้างไทย พรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์สังกัด และภูมิใจไทย ตามลำดับ ส่วนแคนดิเดตนายกฯ 5 อันดับแรก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
พท.ฉะ “ตู่” ปรับ ครม.โชว์พลังดูด
วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.ใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ และไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เห็นรายชื่อแล้วสะท้อนธาตุแท้ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะการตั้งนายธนกร วังบุญคงชนะ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ยังเป็น ส.ส.ใหม่ป้ายแดง ไม่มีพรรคไม่มีพวก ไม่มีประสบการณ์ ถ้าไปถามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ว่ายังรับนายธนกรเป็นลูกน้องอยู่หรือไม่ อาจไม่มีใครมั่นใจในคำตอบ การปรับ ครม.รอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการปั่นกระแส เรียกเรตติ้งเพื่อไล่ต้อนคนไปพรรคใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปสังกัด จึงปรับ ครม.แบบปูนบำเหน็จ ให้เห็นจะจะว่าต้องเป็นพวก พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น จึงจะได้รับการส่งเสริมและเติบโตทางการเมือง เหมือนคนต้องการเอาชนะ และต้องการแสดงให้เห็นว่าใครมีปัญหาหรือยืนตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์ จะมีชะตากรรมอย่างไร แทนที่จะปรับ ครม.เอารัฐมนตรีใหม่มาช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ดันปรับ ครม.เพื่อตีเมืองขึ้น หวังจับปลาในบ่อเพื่อน จึงปรับเอาแต่เฉพาะคนใกล้ชิดที่ยอมศิโรราบให้ตัวเอง หวังสืบทอดอำนาจให้นานที่สุด
ส.ว.ขวางกระจายอำนาจท้องถิ่น
ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 249-254 หมวดการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นให้เกิดความอิสระในการกำหนดนโยบาย การบริหาร การบริการสาธารณะ การเงินการคลัง ตามที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า และประชาชน 76,591 คน เข้าชื่อเสนอ จากนั้นที่ประชุมได้อภิปรายกันอย่างกว้าง โดย ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน ขณะที่ ส.ว.คัดค้าน เพราะมีเนื้อหาให้ยุบทิ้งราชการส่วนภูมิภาค สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. อภิปรายว่าร่างนี้ไม่ได้ปลดล็อกท้องถิ่น เพียงเขียนให้สวยหรู เพื่อโหนกระแสหาเสียง สุดโต่ง ทะลุแก๊ส ปฏิบัติไม่ได้ ขัดรัฐธรรมนูญ
อสส.แจงไม่ฟ้อง “ธนาธร” ถือหุ้นสื่อ
อีกเรื่อง นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่ สน.ทุ่งสองห้อง ยื่นดำเนินคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42 (3) เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. กรณีถือหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด (หุ้นสื่อ) นั้น อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้โอนหุ้นตามกฎหมายแพ่งและจดแจ้งการโอนลงในทะเบียนผู้ถือหุ้นแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนพยานของผู้ต้องหาที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีข้อพิรุธก็เป็นพิรุธของคำให้การพยานฝ่ายผู้ต้องหาเพียงฝ่ายเดียว แต่คดีอาญาโจทก์ต้องมีพยานหลักฐานอื่นมาแสดง หรือใช้นำสืบพิสูจน์ให้ศาลรับฟังเชื่อได้ ทั้งข้อพิรุธมิได้บัญญัติให้เป็นข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ไม่อาจนำมาใช้ยืนยันว่าผู้ต้องหากระทำความผิดได้โดยลำพัง นอกจากนี้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและหรือพยานหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมใดเกี่ยวข้องกับบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด หลังวันที่ระบุว่ามีการโอนหุ้นไปแล้ว จึงยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงเพียงพอที่จะฟ้องและพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาได้
ฟ้อง ม.116 แกนนำคณะก้าวหน้า
นายธรัมพ์กล่าวอีกว่า อัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดสั่งฟ้องคดีที่ สน.พญาไท กล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เป็นผู้ต้องหาที่ 1-3 ฐานร่วมกันล่วงละเมิดรัฐธรรมนูญ กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 2, 6, 34, 49 และ 50 และ ป. อาญามาตรา 83, 116 (2) (3) เข้าข่ายความผิดทั้งคำปราศรัยและความเห็นทางสื่อออนไลน์ต่างๆ แต่ไม่มีข้อหาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากไม่มีการแจ้งข้อหามาเเต่เเรก หลังจากนี้จะแจ้งไปยังพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ตามตัวและนัดหมายให้มารับทราบข้อกล่าวหาและยื่นฟ้องต่อศาลอาญา