ขณะที่การเมืองของประเทศอยู่ในภาวะไม่แน่นอน หลายฝ่ายเสนอทางออกหลายทาง ทางหนึ่งที่พูดกันมากคือ การยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกตั้งใหม่ คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสิน แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายก รัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายบอกว่า ยังไม่เห็นเหตุที่ต้องยุบสภา แม้ในทางทฤษฎีสามารถทำได้ แต่ในทางปฏิบัติต้องรอบคอบ

ฝ่ายที่เคยแสดงความกระตือ รือร้นอยากให้ยุบสภามากที่สุดน่าจะได้แก่พรรคเพื่อไทย เพราะเชื่อมั่นว่าจะชนะแบบฟ้าถล่มแลนด์สไลด์ ได้ ส.ส. ถึง 253 ที่นั่ง เป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทน ราษฎร แต่ไม่น่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายๆ เหมือนกับปลอกกล้วยเข้าปากลิง เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำตาม ม.159

การเลือกนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ตาม ม.159 ที่กองเชียร์รัฐบาลอ้างว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้อง แต่ยังไม่มีโอกาสใช้ แม้จะประกาศใช้รัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ปี 2560 แต่ยังเลือกนายกฯตามบทเฉพาะกาล ม.272 ให้เสียงข้างมากของสองสภา คือ ส.ส.กับ ส.ว.ได้ 376 เสียงขึ้นไป แต่พรรคเพื่อไทยอาจมีแค่ 253 ที่นั่ง

พรรคเพื่อไทยจะต้องวิ่งเต้นขอเสียงจากพรรคอื่นๆอีกอย่างน้อย 123 เสียง อาจจับมือกับพรรคก้าวไกล ที่ตั้งเป้าว่าจะให้ได้ ส.ส.อย่างน้อย 120 ที่นั่ง และยังสามารถดึงพรรคอื่นๆมาเสริมกำลังได้ แต่อาจไม่ได้รับการสนับ สนุนจาก 250 ส.ว.ที่คณะรัฐบาล คสช.แต่งตั้ง เพื่อให้เลือกผู้นำ คสช. เป็นนายกฯ

มาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ 2560 เขียนไว้ตามหลักการประชาธิปไตย ให้เสียงข้างมากของ ส.ส.ที่มาจากประชาชน เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่มีบทเฉพาะกาล ม.272 ให้ ส.ว.แต่งตั้งร่วมเลือกนายกฯ เป็นเวลา 5 ปี นับแต่ปีที่มีรัฐสภาชุดแรก คือปี 2562 ถึง 2567 ปี 2566 ก็ยังใช้ ม.272

นั่นก็คือ 250 ส.ว.ยังมีสิทธิร่วมเลือกนายกฯ หลังการเลือกตั้ง 2566 ให้นายกฯตั้งรัฐบาลอยู่ต่อได้อีก 4 ปี จนถึงปี 2570 ซึ่งกองเชียร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามลากต่อไปให้ถึง ถ้าเริ่มนับวันเป็นนายกฯครั้งแรกตั้งแต่ปี 2557 จะกลายเป็น 13 ปี โดยไม่ต้องให้ ส.ส.ล้วนๆเลือกตาม ม.159

...

ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ เพิ่งจะเกิดดวงตาเห็นธรรม ทำไมร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำกลางสภา “เพราะเขาอยากอยู่ยาว” ร่างฉบับบวรศักดิ์ไม่มีบท บัญญัติให้อยู่ยาว แต่ฉบับสืบทอดอำนาจ แม้จะห้ามนายกฯอยู่เกิน 8 ปี แต่อาจตีความเป็น 8 ปี หรือเป็น 13 ปีก็ยังได้.